Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Wealthy Thai
•
ติดตาม
8 ม.ค. เวลา 03:40 • หุ้น & เศรษฐกิจ
คัด 11 หุ้นเด่น น่าลงทุน ประจำเดือนม.ค.67
ปี 2566 ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่ตลาดหุ้นไทยสาหัสพอสมควร แถมยังพบว่านักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นมากสุดในแถบภูมินภาคอีกตาม ตามที่ Wealthy Thai ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ แต่เริ่มต้นปี 2567 ดูเหมือนทุกอย่างจะดูดีขึ้น เห็นได้จากดัชนีตลาดหุ้นไทยส่งสัญญาณปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน
อย่างที่น่าสนใจในเดือนม.ค.2567 ดูเหมือนนักวิเคราะห์จะออกมาประเมินว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสดใสมากขึ้น หลังน่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติส่วนหนึ่งกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทย เนื่องจากสกุลเงินเอเชียมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าของสกุลดอลล่าร์ฯ
ขณะที่ valuations ของตลาดหุ้นเอเชียค่อนข้างน่าสนใจเทียบกับตลาดหุ้นโลก และคาดว่า January Effect มีโอกาสเกิดขึ้นกับ SET อีกด้วย ดังนั้น คอลัมน์ “โพยหุ้น” ประจำวันจันทร์จึงได้รวบรวมหุ้นเด่นประจำเดือนม.ค.67 มาฝากนักลงทุน
สะท้อนจาก นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินเดือน ม.ค. 2567 ประเมินว่าตลาดหุ้นจะปรับตัวขึ้น โดยมีปัจจัยบวก น่าจะมีเม็ดเงินต่างชาติส่วนหนึ่งกลับเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทย เนื่องจากสกุลเงินเอเชียมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นตามการอ่อนค่าของสกุลดอลล่าร์ฯ ขณะที่ valuations ของตลาดหุ้นเอเชียค่อนข้างน่าสนใจเทียบกับตลาดหุ้นโลก
อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่จะรายงาน ในช่วงเดือน ม.ค. นี้น่าจะยังอยู่ในเกณฑ์ดี (ก่อนชะลอตัวในระยะถัดไป) ส่งผลให้นักลงทุนน่าจะยังไม่มีความกังวลต่อความเสี่ยงของเศรษฐกิจถดถอยมากนักในช่วงต้นปี2567
ประกอบกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจน่าจะมีความคึกคักมากขึ้น เนื่องจากอยู่ในช่วงที่ประชาชนผู้เสียภาษีใช้สิทธิจากมาตรการ e-Refund รายละ 5 หมื่นบาท น่าจะหนุนให้ระดับการบริโภคส่วนบุคคลเร่งตัวขึ้น และส่งผลดีต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจรวมทั้งทิศทางผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ดี นักลงทุนควรติดตามประเด็นเศรษฐกิจโลกอย่างใกล้ชิด หากมีสัญญาณของเศรษฐกิจถดถอยที่ชัดเจนขึ้น หรือหากธ.กลาง หลักๆ เปลี่ยนการส่งสัญญาณนโยบายการเงิน น่าจะส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับฐานอีกครั้ง
ด้านกลยุทธ์การลงทุน ยังเน้นหุ้นที่มีธีมการลงทุนเป็นการเฉพาะ เนื่องจากแม้ดัชนีฯ มีโอกาสปรับ ขึ้นแต่น่าจะมีทางขึ้นจำกัดและผันผวนสูง ซึ่งธีมหุ้นเดือน ม.ค. ได้แก่
หุ้นที่น่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการ e-Refund ที่เริ่มต้นปี 2567 เช่น หุ้นค้าปลีกที่เน้นสินค้า consumer discretionary (เลือก CPN และ HMPRO),
หุ้นกลุ่มผู้ส่งออกอาหาร ซึ่งหลายบริษัทเข้าสู่ช่วงของการฟื้นตัวที่ชัดเจนของผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4/2566 ต่อเนื่องไปยังปี 2567 (เลือก GFPT และ TU),
หุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งมีปัจจัยบวกในระยะสั้นจากแนวโน้มยอดขายที่ดินในไตรมาส 4/2566 แข็งแกร่งต่อเนื่อง ผนวกกับประเด็นข่าวค่ายรถยนต์ EV ต่างๆ เตรียมตั้งฐานการผลิตในประเทศไทย (เลือกหุ้น AMATA, WHA)
หุ้นกลุ่มไฟแนนซ์ซึ่งน่าจะได้แรงหนุนจากแนวโน้มบอนด์ยิลด์ที่ลดลงต่อในเดือน ม.ค. (เลือก SAWAD) และหุ้นอิเล็กทรอนิกส์ที่น่าจะได้แรงหนุนจากมุมมองการ re-stocking ของผู้ผลิตหลักๆ ในโลกเช่นหุ้น DELTA
เช่นเดียวกันกับมุมมองนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) คาดว่า January Effect มีโอกาสเกิดขึ้นกับ SET หลังจากดัชนีปรับตัวลงแรงในปี 2566 ด้านตลาดต่างประเทศส่วนใหญ่มองว่าปรับตัวขึ้นสะท้อนความคาดหวังเรื่องการลดดอกเบี้ยของ FED และ soft Landing ไปค่อนข้างมาก ในฝั่งของไทยมอง GDP จะทยอยเร่งตัวในไตรมาส 4/2566 เป็นต้นไป
ส่วนปัจจัยที่ต้องติดตามในเดือน ม.ค. คือการเริ่มรายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคาร ยังคงเป้า SET target ปี 2567 ที่ 1,520 จุด และมองว่าระดับดัชนีปัจจุบันน่าสนใจในการลงทุนระยะยาว เลือก Top Pick เดือน ม.ค. ได้แก่ CHG, COM7, GFPT, SAPPE และ SAWAD
1
โดยแนะนำ “ซื้อ” CHG ราคาเป้าหมาย 4 บาท ราคาหุ้นน่าจะได้ปัจจัยบวกจากกำไรที่มี Momentum ที่ดีในไตรมาส 4/66 ผลขาดทุนจาก CHG แม่สอดน่าจะลดลง ขณะที่กระแสรายได้ปรับตัวดีขึ้น นอกจากนี้ CHG ยังน่าจะบันทึกกำไรเพิ่มอีกประมาณ 40-60 ล้านบาท จากการรักษาโรคกลุ่มภาระเสี่ยงในไตรมาส 4/66 เนื่องจากยอดรับจริงน่าจะสูงกว่ายอดที่ตั้งประมาณการไว้
COM7 ยังคงแนะนำ “ซื้อ” ปรับลดราคาเป้าหมายปี 67 ลงเป็น 30 บาท สะท้อนภาพการเติบโตที่ช้ากว่าที่คาด ขณะที่ในปี 2567 คาดว่ากำไรยังเติบโตได้ 11% โดยเริ่มเห็นมาตรการกระตุ้นกำลังซื้อจากภาครัฐ และถึงรอบการเปลี่ยนสินค้า IT จากช่วง Covid ที่ผ่านมา
GFPT คงประมาณการกำไรสุทธิปี 2567 ที่ 1.43 พันล้านบาท กลับมาเติบโตอีกครั้งราว 4.3% จากปีก่อน จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ด้วยราคาเป้าหมายปี 2567 ที่ 14.2 บาท นอกจากนี้ยังชอบความแข็งแกร่งของฐานะทางการเงิน ด้วย D/E ที่ต่ำเพียง 0.34 เท่า และ Current ratio ที่สูงราว 2.3 เท่า
SAPPE แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายใหม่ปี 67 ที่ 108 บาท ยังคงประมาณการกำไรปี 2567 ไว้ที่ 1.33 พันล้านบาท ส่งผลให้คาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรขยับขึ้นเป็น 21% จากปีก่อน ชอบโมเมนตัมของกำไรที่จะกลับมาฟื้นตัวดีกว่าคาดในไตรมาส 1/67 รวมถึงฐานะทางการเงินยังแข็งแกร่งด้วยระดับ D/E ที่ต่ำ และ ROE สูง
ปิดท้ายที่ SAWAD คาดว่ากำไรสุทธิปี 66-68 จะโตต่อเนื่องที่ 13.5% CAGR จาก 1.สินเชื่อทะเบียนสินทรัพย์ของ SAWAD ที่จะกลับมาโตเชิงรุกมากขึ้นและการรวมงบการเงินของ FM ซึ่งน่าจะรายงานผลประกอบการเป็นบวกตลอดปี คงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 54 บาท (จากปี 66 ที่ 51 บาท)
หุ้น
เศรษฐกิจ
การลงทุน
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย