8 ม.ค. เวลา 12:39 • การศึกษา

คน มนุษย์ คือ สมมุติเรียกให้เข้าใจ ตรงกันว่า เป็นสัตว์โลกประเภทหนึ่ง ที่ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉาน

แต่แท้ที่จริงแล้วไม่มีคนมีแต่ธรรมชาติคือ 770 รูปที่ประชุมรวมกันเพราะฉะนั้นพระพุทธเจ้าทรงแสดงสัจจาความจริงที่ให้เราได้รู้กัน 2 ประการคือสมมติสัจจาและปรมาจารย์คือความที่ไม่มีเราไม่มีอะไรทั้งนั้นมีแต่ธรรมชาติทำก็คือธรรมชาติสิ่งที่มีจริงและก็ปรากฏให้เราเห็นได้ยินได้กินลิ้มรสกระทบสัมผัสต่างๆมีหูตาลิ้นจมูกตาใจและคิดรวมสรุปว่ามีแต่ธรรมที่เป็นนามรูปหรือขันธ์ 5 แต่เพราะความไม่รู้
ต่างๆที่สัตว์โลกพึงรู้ในตอนที่ต้องรู้ว่าแต่ไม่มีใครรู้ว่ารูปเป็นของเราเวทนานั้นก็เป็นของเราสัญญาเป็นของเราเป็นต้นยึดถือว่าทำเป็นของเราแท้ที่จริงไม่มีเรามีแต่ ทำเพราะฉะนั้นถ้าธรรมต่างๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงไว้คือสัจจะความจริงอย่าง 2 คือปรมัตถสัจจะและสมมุติสัจจา ปรวั
สัจจานนั้นคือความจริงที่มีมาแต่ธรรมชาติแล้วไม่ใช่เราสมมติคือความจริงที่หมายเรียกตัวทำที่ให้เข้าใจเพื่อให้ตรงกันเช่นพระพุทธเจ้าตรัสเรียกท่านพระอานนท์ไม่ได้เรียกว่าขันธ์ 5 จงมาแต่ให้มารู้ว่าคือท่านพระอานนท์ไม่ใช่ท่านพระสารีบบวช
เรียกโดยสมมติสัจจาให้ไม้รู้ว่าเข้าใจตรงกันโดยนายเดียวกันนี้ไม่มีใครให้ทานแต่เป็นสตรีเศรษฐสิที่เกิดกับจิตที่ดีทำจิตที่จะลึกถึงจะให้แต่ถ้าจะเรียกโดยสมมุติให้เข้าใจตรงกันแล้วว่าเป็นคนนี้ให้ไม่ใช่คนอื่นให้ท่านเศรษฐีให้ไม่ใช่นางวิสาขาให้ไม้ความเรียกรู้ไว้ว่าชื่อใครให้เข้าใจตรงกัน เพราะฉะนั้นพระพุทธองค์พระอรหันต์และสมมุติเรียกทางโลกแต่ท่านรู้ความจริงว่า
ที่สมมุติเรียกก็คือมีแต่ทำที่เกิดขึ้นไม่ใช่เราเล่มที่ 24 ตันตปิฎกภาค 1 หน้าที่ 135
โฆษณา