1 ก.พ. เวลา 12:00 • อาหาร
Rimping Supermarket NimCity Branch

เปิดประวัติ คิคโคแมน (Kikkoman) บริษัทแสนล้านต้นตำรับโชยุญี่ปุ่น

เป็นเวลากว่า 300 ปี ที่โชยุ (Soy sauce) ของ Kikkoman ถูกนำมาใช้อย่างแพร่หลายในอาหารทั่วโลก โดยร้านอาหารญี่ปุ่นแทบทุกแห่งจะมีจุดหนึ่งที่เหมือนกันคือทุกร้านจะต้องมีซอส Kikkoman ฝาแดงดีไซน์คลาสสิกตั้งโต๊ะอยู่เสมอ
จุดเริ่มต้นของโชยุนั้น เกิดจากการที่ชาวญี่ปุ่นได้รับวัฒนธรรมมาจากประเทศจีนเมื่อราว ๆ 2,000 ปีก่อนคริสตกาล ในขณะนั้นการหมักซอสถั่วเหลืองของชาวจีนคือการทำ “เต้าเจี้ยว” หรือที่ชาวญี่ปุ่นเรียกว่า “มิโสะ” เป็นซอสที่ได้รับความนิยมในกลุ่มประชาชน แต่กลับมีรสชาติไม่ค่อยถูกปากราชวงศ์ญี่ปุ่นมากนัก ชาวญี่ปุ่นจึงนำมาพัฒนาเป็นโชยุในแบบที่ราชวงศ์ชื่นชอบ
ในขณะนั้นราชวงศ์ญี่ปุ่นจะอาศัยอยู่ในเมือง “เกียวโต” ดังนั้นอุตสาหกรรมโชยุในยุคแรก ๆ จึงตั้งขึ้นที่นั่นราว ๆ ศตวรรษที่ 17 จนกระทั่งศตวรรษที่ 19 ญี่ปุ่นได้ย้ายศูนย์อำนาจทางการเมืองจากเมืองเกียวโต มายังเอโดะ ซึ่งก็คือโตเกียวในปัจจุบัน ฉะนั้นอุตสาหกรรมโชยุจึงขยับขยายเข้ามาในเมืองนี้ด้วย บริษัทใหม่ ๆ ในเมืองนี้จึงเริ่มผลิตโชยุกันมากขึ้น แต่โชยุในเมืองนี้จะมีรสชาติแตกต่างจากเมืองเกียวโต คือ จะมีรสชาติเค็มน้อยกว่าแต่เข้มข้นมากกว่า
ในบรรดาโชยุของเมืองต่าง ๆ ที่ทำขึ้นมาจำหน่ายนั้น มีโชยุจากเมืองโนดะ จังหวัดชิบะ ที่ได้รับความนิยมมาก ๆ เนื่องจากเมืองแห่งนี้มีบริษัทที่ผลิตโชยุขายจำนวนมาก จนกระทั่งในปี 1917 บริษัทในเมืองโนดะ จำนวน 8 บริษัทก็ได้ควบรวมกิจการเข้าด้วยกันเป็นบริษัทเดียว แล้วตั้งชื่อบริษัทว่า Kikkoman ซึ่งเหตุนี้เองที่ทำให้บริษัทแห่งนี้กลายเป็นบริษัทเดียวที่ผลิตโชยุที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น
ด้วยศักยภาพที่แข็งแกร่งจึงทำให้ Kikkoman มีส่วนแบ่งตลาดของโชยุมากเป็นอันดับ 1 ในญี่ปุ่น และยังคงเป็นแบบนั้นเสมอมา ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งบริษัทจนถึงปัจจุบัน เมื่อความเติบโตไม่มีที่สิ้นสุดในปี 1950 Kikkoman จึงตัดสินใจที่จะบุกตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายคือสหรัฐอเมริกา ที่กลายมาเป็นพันธมิตรในการฟื้นฟูประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่ 2
ในช่วงแรก Kikkoman ยังไม่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา เพราะชาวอเมริกันยังไม่คุ้นเคยกับการทานอาหารญี่ปุ่น อีกทั้งในสมัยนั้นร้านอาหารญี่ปุ่นในสหรัฐอเมริกายังมีน้อยมาก Kikkoman จึงทำการตลาดโดยโฆษณาว่าโชยุเป็นซอสปรุงรสที่สามารถนำไปใช้กับอาหารได้หลายประเภท โดยเน้นไปที่อาหารประเภทเนื้อย่างหรือสเต๊ก ซึ่งเป็นเมนูที่คุ้นเคยของชาวอเมริกัน
เมื่อเห็นโฆษณาเช่นนั้น ชาวอเมริกันจึงนำโชยุไปทานคู่กับสเต๊กและเมนูอื่น ๆ ผลปรากฏว่าพวกเขาชอบมาก ที่โชยุสามารถเข้ากันได้ดีกับอาหารตะวันตก ในเวลาต่อมา Kikkoman จึงเปิดบริษัทผลิตโชยุแห่งแรกในสหรัฐอเมริกา ในปี 1973 และยอดขายก็ยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนแซงยอดขายภายในประเทศไปเลย
ปัจจุบันซอส Kikkoman กลายเป็นที่ชื่นชอบของผู้คนทั่วโลก และได้รับชื่อเสียงทั้งด้านส่วนผสมคุณภาพสูงและรสชาติที่ดีเยี่ยม เนื่องจากซอสของ Kikkoman ทำขึ้นโดยใช้กระบวนการผลิตที่ไม่เหมือนใคร โดยใช้องค์ประกอบหลัก 4 อย่าง ได้แก่ ถั่วเหลือง ข้าวสาลี น้ำ และเกลือ วัตถุดิบเหล่านี้ได้รับการผสมอย่างระมัดระวังและปล่อยให้หมักตามธรรมชาติเป็นเวลาหลายเดือน ซอสที่ได้จึงมีรสชาติเข้มข้นแตกต่างจากซอสถั่วเหลืองทั่วไปในท้องตลาด
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ซอส Kikkoman แตกต่างจากแบรนด์อื่นคือปริมาณโซเดียมที่ค่อนข้างต่ำ โดยซอส Kikkoman มีโซเดียมเพียง 1,000 มก. ต่อช้อนโต๊ะ จึงเป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพสำหรับผู้ที่ต้องการลดโซเดียมค่ะ
Kikkoman เป็นเครื่องปรุงรสอเนกประสงค์ที่สามารถใช้ได้กับอาหารหลากหลาย ด้วยรสชาติที่เข้มข้นจึงเหมาะสำหรับนำไปหมักเนื้อสัตว์และอาหารทะเล อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความซับซ้อน ให้กับอาหารประเภทผัด ซุป และสตูว์ ได้อีกด้วย หรือจะใช้เป็นเครื่องปรุงรสสำหรับน้ำสลัด ซอส และเครื่องจิ้มอื่น ๆ ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นซอสจิ้มยอดนิยมสำหรับซูชิและอาหารญี่ปุ่นอื่น ๆ อีกด้วย
นอกเหนือจากการเป็นเครื่องปรุงรสอาหารแล้ว ซอส Kikkoman ยังกลายเป็นสัญลักษณ์ทางวัฒนธรรมในประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถูกยกให้เป็นมรดกการทำอาหารของประเทศ โดยมักจะปรากฏอยู่ในอาหารญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Kikkoman ได้ขยายสายผลิตภัณฑ์ เพื่อผลิตซอสในรูปแบบอื่น ๆ ขึ้นมาจำหน่ายด้วย เช่น ซอสเทอริยากิ ซอสพอนซึ เครื่องปรุงรสซูชิ และซอสอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งผลิตภัณฑ์เหล่านี้ยังคงผลิตโดยใช้ส่วนผสมคุณภาพสูงและกระบวนการผลิตที่เป็นมาตรฐานแบบเดียวกับซอส Kikkoman ดั้งเดิม จึงมั่นใจได้ว่ารสชาติที่ได้ของซอสต่าง ๆ เหล่านี้จะมีคุณภาพเทียบเท่ากับ Kikkoman แบบดั้งเดิมนั่นเองค่ะ
สามารถหาซื้อซอส Kikkoman หลากหลายประเภทได้ที่ริมปิงทุกสาขานะคะ
โฆษณา