Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Rimping Supermarket
•
ติดตาม
4 ก.พ. 2024 เวลา 12:00 • อาหาร
Rimping Supermarket NimCity Branch
ไขกระดูก (Bone marrow) อาหารของมนุษย์ยุคหิน….กลายมาเป็นอาหารอันโอชะในยุคปัจจุบันได้อย่างไร
ทำไมเราต้องทานไขกระดูก? ทั้งที่อาหารบนโลกนี้มีอยู่มากมาย หลายคนอาจจะคิดแบบนี้ แต่รู้หรือไม่ว่าการปรุงอาหารด้วยไขกระดูกมีประวัติอันยาวนานตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ โดยว่ากันว่าไขกระดูกเหล่านี้เป็นแหล่งอาหารที่มีคุณค่าสำหรับมนุษย์ถ้ำในอดีต ซึ่งนักโบราณคดีค้นพบหลักฐานว่ามนุษย์มีการนำไขกระดูกมาทานเป็นอาหาร เมื่อนานมาแล้ว ซึ่งเป็นเวลากว่า 400,000 ปีที่ผ่านมาในช่วงยุคหิน
ในยุคนั้นนอกจากมนุษย์จะล่าสัตว์แล้วนำมาทานเลยทันที พวกเขายังเก็บเนื้อส่วนที่หุ้มกระดูกไว้ ก่อนจะนำมาตัด ทุบ เจาะ ทานไขกระดูกในภายหลังอีกด้วย ซึ่งจากการทดลองก็พบว่าหนังและกระดูกช่วยถนอมไขกระดูกให้คงรสชาติและสารอาหารไว้ได้แม้เวลาจะผ่านไปหลายสัปดาห์ จึงมีการสันนิษฐานว่าวิธีการนี้อาจจะเป็นวิธีการถนอมอาหารที่เก่าแก่ที่สุดในโลกอีกด้วยค่ะ
ไขกระดูกเป็นไขมันอ่อนนุ่มที่พบได้ในกระดูกของสัตว์ เช่น วัว แกะ และหมู พบได้ในโพรงกระดูกส่วนกลางของกระดูกยาว เช่น กระดูกต้นขาและกระดูกต้นแขน หลายคนอาจจะไม่รู้ว่าไขกระดูกเป็นแหล่งสารอาหารชั้นเลิศที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ด้วยความเข้าใจผิด ๆ ที่ว่าการทานไขกระดูกจะทำให้อ้วน แต่ความจริงแล้วการทานไขกระดูกไม่ได้ส่งผลเสียต่อร่างกายไปซะทีเดียว เพราะนอกจากไขมันและโปรตีนแล้วในไขกระดูกยังอุดมไปด้วยคอลลาเจนที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ดีต่อสุขภาพผิว ช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ไม่ทำให้แก่ก่อนวัยอีกด้วย
ด้วยคุณประโยชน์นานัปการเหล่านี้ ปัจจุบันไขกระดูกจึงกลายเป็นอาหารอันโอชะในหลายวัฒนธรรม และได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหมู่เชฟและผู้ที่ชื่นชอบอาหาร พวกเขาค้นพบรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ของไขกระดูกและนำมารังสรรค์เป็นเมนูอาหารที่หลากหลาย เช่น ออสโซบูโก (Osso buco) อาหารอิตาเลียนแบบดั้งเดิม ที่ทำมาจากเนื้อวัวส่วน Shank หรือเนื้อส่วนที่อยู่ติดกับขาตัดมาทั้งกระดูก นำมาเคี่ยวในน้ำซุปอย่างช้า ๆ สามารถทานได้ทั้งเนื้อและไขมันในกระดูกเป็นเมนูที่น่าลิ้มลองมาก ๆ เลยค่ะ
นอกจากนี้ในวัฒนธรรมอื่น ๆ ก็มีการทานไขกระดูกด้วยเช่นกัน เช่น ปอโตเฟอ (Pot-au-feu) สตูว์เนื้อกับผักของฝรั่งเศส เมนูนี้เชฟจะนำไขกระดูกใส่ลงในน้ำซุปที่ทำสตูวว์ด้วยเพื่อเพิ่มความหอมมัน และชาวฝรั่งเศสยังนิยมนำไขกระดูกมาทาบนขนมปัง แล้วโรยด้วยเกลือพริกไทยทานคู่กันเป็นอาหารเช้าอีกด้วยค่ะ
ในเยอรมันเองก็มีเมนูซุปขึ้นชื่อที่ทำจากไขกระดูกด้วยเช่นกัน เรียกว่า Hochzeitssuppe ความพิเศษของซุปชนิดนี้คือการนำไขกระดูกมาปั้นเป็นลูกชิ้นเรียกว่า Markklößchen เคี่ยวในน้ำซุปร้อน ๆ จนมีกลิ่นหอม นิยมเสิร์ฟให้คู่บ่าวสาวในวันแต่งงาน และเสิร์ฟเป็นอาหารเรียกน้ำย่อยให้กับแขกเหรื่อที่มาร่วมพิธี
ข้ามมาที่ฝั่งเอเชียอย่างประเทศจีนกันบ้าง ชาวจีนนิยมนำกระดูกตรงส่วนหน้าแข้งหมูมาทุบปลายกระดูกด้านหนึ่งหรือทั้งสองด้านแล้วนำมาเคี่ยวในน้ำซุป เมื่อได้ที่แล้วก็จะใช้ตะเกียบคีบไขกระดูกออกมาแยกไว้ต่างหากหรือร้านอาหารบางแห่งยังจัดทำหลอดชนิดพิเศษสำหรับใช้ดูดลิ้มรสไขมันในกระดูกอีกด้วยค่ะ
ส่วนในประเทศอินเดีย ปากีสถาน และประเทศไทยเรานั้นก็นิยมนำไขกระดูกมาเคี่ยวทำซุปเช่นกัน โดยในบ้านเรามักจะเห็นไขกระดูกตามซุปก๋วยเตี๋ยวหรือซุปกระดูกทั่วไป ความมันของไขกระดูกจะทำให้ซุปกลมกล่อมมากยิ่งขึ้น เป็นรสชาติที่กระตุ้นต่อมรับรสของเราได้ดีเลยทีเดียว
ความอร่อยของไขกระดูกได้สร้างความตราตรึงใจให้กับ แอนโทนี บัวเดน เชฟและนักเดินทางเพื่อชิมอาหารชื่อดังชาวอเมริกันผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยพูดถึงไขกระดูกในรายการโทรทัศน์ของเค้า โดยเขาบอกว่ามันเป็นความเนียนนุ่ม ชุ่มฉ่ำ ละมุนลิ้นและให้ความอร่อยในแบบที่หาได้ยากในอาหารอื่น ๆ จนถึงขั้นเปรียบไขกระดูกว่าเป็น “เนยของพระเจ้า” (Butter of gods) เลยทีเดียวค่ะ
“If God made butter it would taste exactly like bone marrow.” - Anthony Bourdain
ความรู้รอบตัว
ประวัติศาสตร์
อาหาร
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย