12 ม.ค. 2024 เวลา 16:29

What 2023 Taught Me?

1.
บางครั้งความสำเร็จ ไม่สามารถวัดเป็นตัวเลขทางธุรกิจได้ - หลังจากที่ออกมาแล้ว บรรดาพนักงานและตัวแทนที่ PLA ตระหนักรู้ได้ว่า "เรา" ขณะที่อยู่ ถึงแม้ดูเหมือนจะทำอะไรไม่ได้มาก แต่เป็นโมเม็นที่ทำให้ผู้คนได้เห็นอนาคต มีความหวัง
แต่การยอมรับและคำชื่นชม กว่าจะได้รับ ก็หลังจากที่เกิดข้อเปรียบเทียบแล้ว สุดท้ายเรื่องดังกล่าว ตราตรึงอยู่ในความประทับใจของคนที่เกี่ยวข้อง -> ก็พอแล้ว
จะว่าไปแล้ว หลังจากได้ผ่านบทเรียนการอยู่บริษัทเล็ก (ที่มีการเมืองบริษัทใหญ่) มันคือ Level Up แบบหนึ่ง
ไม่เคยคิดเลยว่าสิ่งที่เชื่อ สิ่งที่เรียนรู้ สิ่งที่ได้ลองทำผิดทำถูก โดยที่ทั้งหมดยังทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นตัวของตัวเอง ผลลัพธ์นั้นน่าประทับใจมาก เพราะผู้คนสัมผัสได้ -> จำงาน Kick-Off 2023 ให้ได้ว่าสำเร็จขนาดไหน
เหมือนคำที่ Simon Sinek บอกว่า Culture Change มันมีวิธีทำ แต่ทำอย่างไรให้เราได้ลองทำสิ่งที่ถูกต้องเกินกับคน 15% ให้ได้ เมื่อนั้นเราจะเปลี่ยนได้ แต่ปัญหาคือ เราไม่รู้ว่ามันจะต้องใช้เวลาเท่าไร กับ PLA เราใช้เวลาไป 1 ปี 3 เดือน จนสามารถกู้ศรัทธาฝ่ายขายกลับมาได้ เรียกได้ว่าพอลงจากเวที Kick-Off เราไม่ต้องถามหา Feedback ของตัวแทนเลยก็ว่าได้
2.
เวลาเดินออกมาแล้ว ก็อย่าไปรับรู้อะไรมันมาก - จำคำที่ท่อกพูดให้ได้ ว่า เวลาเอกอัคราชทูตหมดหน้าที่จากประเทศหนึ่งแล้ว จะไม่อยากรับรู้อะไรกับประเทศนั้นๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ว่าคนใหม่จะมาทำอะไรต่อหรือไม่ ต้องปล่อยว่าง จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ดี เป็น Wisdom จริงๆ
หลังจากที่เราออกจาก 2 องค์กร โดยเฉพาะองค์กรที่มีคนข้างบนห่วยๆ แล้ว เวลาได้ฟังเรื่องแย่ๆ เหมือนจะสะใจ เพราะเหมือนรู้ว่าสิ่งที่ทำ ไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แต่เป็นความมั่นใจแบบผิดๆ ทว่าพอรู้ว่าผลลัพธ์แย่มากๆ เอาเข้าจริงแล้ว กลับรู้สึกน่าสมเพชกว่ามาก หรือแปลง่ายๆ ไม่รู้สึกสะใจเหมือนกับตอนแรกที่คิด สงสารพนักงานตาดำๆ มากกว่า และหดหู่แทน
ในทางกลับกันบางคนที่กลับได้ดีทั้งๆ ที่ไม่ควรจะได้ พอได้ยินก็รู้สึกแปลกใจในใจตัวเอง ทำไมมันไม่เป็นเหมือนที่เราคิด เมื่อมองให้ลึกซึ้งแล้ว จิตใจมนุษย์ เข้าใจได้ไม่ยาก แต่จะทำให้หลุดพ้น ไม่ใช่เรื่อง่าย
ฉะนั้น เมื่อเดินออกมาแล้ว ก็ไม่ต้องหันกลับไปมอง
3.
ต้อง Take Risk - อาจจะเป็นข้อเสียอย่างนึงของเรา อาจจะต้องท้าวความตั้งแต่สมัยอยู่ ร.ร. เลยก็ว่าได้ คำที่ว่า "รุ่นพี่ถูกเสมอ" ทำให้คิดไม่รอบด้านจริงๆ จนเสียความเป็นของตัวเอง
เราก็พอรู้ตัวเองอยู่ว่า เป็นคนที่หัวดื้ออยู่พอตัว ทำให้บางครั้ง มองการทำงานในองค์กรที่มีลำดับขั้นเยอะ ก็ทำให้ไม่เป็นตัวของตัวเองสักเท่าไร
พอกลับมานั่งคิดให้ตกจริงๆ พบว่า โมเม็นต์ที่ทำให้เราเฉิดฉาย กล้า และมีพลังความคิดมีอย่างเต็มที่ ก็ตอนที่เรามีความมั่นใจในข้อมูล ไตร่ตรองเป็นอย่างดี และได้เช็คไอเดียกับคนเก่งๆ จนกลายเป็นจุดแข็งของตัวเองมาแล้ว ทำให้ท่าทาง คำพูดทุกคำ พกความมั่นใจมาเกินร้อย ไม่เกรงกลัวใครทั้งสิ้น
แบบนี้สิที่เรียกว่า "หมูไม่กลับน้ำร้อน" -> ต้องจำให้ขึ้นใจ
 
4.
คนดูถูก (เข้าใจเราผิด) มีถมไป - ชั่งมัน
5.
พี่มนตรีพูดถูก งานสำรอง หรือ Passive Income ควรถึงเวลาที่ต้องให้เวลากับมันอย่างจริงจัง
6.
โชคดีที่รายล้อมไปด้วยกัลยาณมิตร เวลาลำบาก รู้เลยว่าใครพึ่งได้ ใครรักเรา ใครเข้าใจเราจริงๆ เรื่องนี้ต้องขอบคุณ
หรือเอาเข้าจริง ไม่จำเป็นต้องช่วยเหลืออะไร แต่เป็นที่ๆ ทำให้สบายใจ เมื่อได้ยิน Word of Wisdom หรือ เข้าใจที่มาที่ไปและพร้อมสนับสนุนถ้ามีโอกาส
7.
สิ่งเดียวที่เสียดาย คือไม่ได้ร่วมงานกับน้องๆ ต่อ อาจจะเป็นช่วงเวลาสั้นหรือยาว ไม่แน่ใจ แต่การทำงานกับทีมที่รู้ใจ เข้าใจถึงที่มาที่ไป และมี WHY ที่ชัดเจน อีกทั้งความสามารถพร้อมและเติบโตมาด้วยกัน อันนี้ประเมินค่าไม่ได้จริงๆ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเป็น Brotherhood ด้วยแล้ว ความเสียดายยิ่งทวีคูณ
เรื่องนี้ก็ใช่ว่าเราไม่รู้ พอจะคาดเดาได้อยู้ถึงผลที่ตามมา แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนั้นมันหันเหไปแบบนั้น เลยต้องหาทางออกที่ดีที่สุด และเหมือนที่ได้ตกลงกับน้องๆ ให้ใช้ช่วงเวลานี้ ไปแสดงฝีมือให้ผู้คนเห็น และเติบโตด้วยตัวของตัวเองจริงๆ ว่าทุกคนเป็น "ของจริง" และเมื่อถึงจังหวะเวลาที่เหมาะสม สายน้ำต้องกลับมารวมตัวกันแน่นอน
8.
สิ่งที่จะทำต่อ... ช่วงหลังๆ มีโอกาสได้ฟัง Simon Sinek พูดเรื่องเกี่ยวกับ WHY และ Leadership อยู่บ่อยๆ ทำให้เกิดความมั่นใจและอยากลองใช้ Leadership ดังกล่าวกับทีมงานใหม่นี้ (ซึ่งคล้ายกับสิ่งที่เราคิด) หากทำได้ ถือว่าเป็นอีกขั้นการทำงานของชีวิตเลยทีเดียว
อยากให้คนที่หมดไฟกลับมามีพลังสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้องค์กรและสังคม = คิดถึงเรื่อง Satya ทำให้ Microsoft กลับมามีชีวิตอีกครั้งหนึ่ง
อยากให้คนรู้ว่าประกัน เป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งมีวิธีการขายที่ทำให้เห็นประโยชน์และเป็นทางเลือกที่ดี ไม่ใช่ซื้อแล้วรู้สึกคนขายเอาเปรียบ แต่มาช่วยเหลือลูกค้า = (FHC + Japanese Way) x North Star
อยากให้คนรู้ว่า Leader ที่สำเร็จไม่ได้มีแบบเดียว ไม่ต้องเป็นแบบ Dictatorship เสมอไป โดยเฉพาะกับโลกยุคนี้ = Steve Balmer VS Bill Gates -> Infinite Game
อยากสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้จริงๆ อยู่กันด้วยความรู้ ความสามารถ ข้อเท็จจริง ประโยชน์ที่เกื้อหนุนกันและกัน Challenge กันที่ผลลัพธ์ = วิธีที่โจโฉปฏิบัติคนใกล้คนไกล เสมอกัน
อยาก inspire ผู้คนในทุกๆ ที่ ที่มีโอกาส = การทำ Club สมัยก่อน
โดยทั้งหมด ใช้วิธี Find Your WHY และ Diffusion of Innovation เป็นแก่น
โฆษณา