27 ม.ค. เวลา 00:00 • การเมือง

ลีกวนยูสร้างประเทศอย่างไร ตอนที่ 4

มุมมองการเมืองโลก
ลีกวนยูเข้าใจการเมืองระหว่างประเทศอย่างลึกซึ้ง และมองทะลุปรุโปร่ง อาจเพราะเหตุนี้ ณ จุดสูงสุดของชีวิตผู้นําเขาก็ก้าวลงจากอํานาจ
4
ในปี 2000 ลีกวนยูให้สัมภาษณ์รายการ ชาร์ลี โรส เขาบอกเขาก้าวลงจากอํานาจเพราะมีความรับผิดชอบว่าระบบยังทํางานต่อไปได้ หลังจากเขาไม่อยู่ ระบบที่ดีควรเน้นระบบ ไม่เน้นบุคคล เขาบอกว่าเขาเพิ่งชนะเลือกตั้ง จะครองอํานาจต่อไปอีกห้าปี ก็ได้แต่แล้วไงหรือ? ประเทศต้องก้าวพ้นผู้นําเมื่อหมดยุคหนึ่ง ก็ยังไปต่อได้ เหมือนการขับรถ ที่นั่งถูกปรับให้เหมาะกับคนขับคนแรก แต่ก็ปรับให้คนใหม่ขับได้เสมอ
6
ไม่มีชาติใดในโลกในประวัติศาสตร์ที่เมื่อผู้นําตายไปแล้ว ไปต่อไปไม่ได้ ลีกวนยูบอกว่าถ้าเขาอยู่ต่ออีกสิบปี ก็ฉิบหายแน่ เขาเห็นผู้นําคนอื่นๆ โดนไล่ออกมามาก และไม่ส่งผลดีต่อชาติ เช่น ซูฮาร์โตแห่งอินโดนีเซียลงปี 1998 โดยจบไม่สวยเพราะโดนประชาชนขับไล่ หากเขาลงจากอํานาจก่อนนั้น ซูฮาร์โตจะเป็นรัฐบุรุษของอินโดนีเซีย
4
ลีกวนยูกับ บิล คลินตัน
สาเหตุหนึ่งของความขัดแย้งคือความแตกต่างระหว่างคนจนกับคนรวย เขายกตัวอย่างประเทศจีน คนจีนมักบอกว่าตนเป็น Marxist-Leninist แต่จริงคนจีนคือ Confucianist (ขงจื๊อ) มาโดยตลอด วิถีขงจื๊อไม่ต้องการให้สังคมมีความแตกต่างระหว่างรวยที่สุดกับจนที่สุดมากเกินไปอย่างอเมริกัน เพราะมันสวนทางกับปรัชญาชีวิตตามวิถีจีน ในวิถีทางของลัทธิขงจื๊อ คนมีอํานาจรวยกว่ามีหน้าที่ดูแลคนต่ำกว่า
ชาร์ลี โรส ถาม “คุณเชื่ออย่างนั้นเป็นการส่วนตัวหรือ?”
3
ลีกวนยูตอบว่า “ใช่ ผมเชื่ออย่างนั้น ดังนั้นในสิงคโปร์คุณจะไม่พบขอทาน คนนอนใต้สะพาน เพราะมันสวนทางกับความเชื่อสังคม” ขณะที่สหรัฐฯมีคนรวยมาก แต่ก็มีคนนอนริมถนนมาก นี่ไม่ใช่ทิศทางที่ถูกแน่ เขาบอกว่าสหรัฐฯโชคดี สงครามโลกสองครั้งทําลายยุโรปพินาศ แต่สหรัฐฯโผล่มาไม่มีอะไรเสียหาย เป็นเจ้าแห่งเทคโนโลยีและอุตสาหกรรม
5
สหรัฐฯไม่เคยเป็นอาณานิคม มีสงครามกลางเมืองแค่ครั้งเดียว แต่จีนต่างกันโดยสิ้นเชิง ในระยะ 4,000-5,000 ปี การเมืองขึ้นๆ ลงๆ บางช่วงไม่มีรัฐบาลกลาง มีขุนศึกหลายคนตั้งตนเป็นใหญ่แต่ชาวจีนก็รอดมาได้ เพราะมีเน็ตเวิร์กที่เป็นอิสระจากขุนศึกต่างๆ และรัฐบาล นั่นคือสถาบันครอบครัว รากเหง้าครอบครัว
2
ลีกวนยูเห็นว่าสถาบันครอบครัว เครือข่ายครอบครัวสําคัญ เป็นรากแก้วของสังคม ไม่ใช่ปัจเจกคนใดอย่างในสังคมสหรัฐฯ เช่น บิล เกตต์ส และอื่นๆ คนอเมริกันมองคนรวยที่สุด บูชาคนเก่งที่สุด โดดเด่นนั่นไม่ใช่วิถีขงจื๊อ
4
เอาละ คนรวยควรช่วยคนจน แต่คนจนก็ต้องพึ่งพาตนเอง เขาไม่เห็นด้วยว่าการยกหนี้ให้ประเทศโลกที่สามแก้ปัญหาอะไร อาจมีข้อยกเว้นในกรณีภัยธรรมชาติ แต่โดยรวมไม่แก้ปัญหา เพราะการลบหนี้ โดยไม่มีโครงสร้างและนโยบายที่จะช่วยคนให้ยืนต่อไปได้ ไม่เวิร์ก
4
มุมมองลีกวนยูต่ออเมริกา
ลีกวนยูรับรู้และเห็นความจําเป็นของบทบาทสหรัฐฯ ในโลก แต่เขาก็เห็นว่าสหรัฐฯควรระวังจุดยืน ไม่ใช่มองตนเองเป็นศูนย์กลางของจักรวาล
4
เขาว่าสหรัฐฯไม่ควรปิดทางใครจนไม่มีทางออก เช่น นโยบาย oil embargo ต่อญี่ปุ่นในปี 1941 ห้ามการส่งออกเชื้อเพลิงไปญี่ปุ่นขณะที่น้ำมัน 80 เปอร์เซ็นต์ของญี่ปุ่นมาจากสหรัฐฯ มันเป็นเหตุผลหนึ่งที่ญี่ปุ่นก่อสงคราม โจมตี เพิร์ล ฮาร์เบอร์
6
ลีกวนยูบอกว่าญี่ปุ่นไม่ใช่ชาติที่ยอมจํานนต่อชะตา เมื่อถูกบีบมากๆ ก็เลือกสู้จนตัวตาย ญี่ปุ่นเดี่ยวๆ ไม่เท่าไร แต่รวมกลุ่มแล้วน่ากลัวที่สุด
2
เขาชี้ว่านี่มิได้บอกว่าใครผิดใครถูก แค่บอกว่า ในเกมการเมืองโลกต้องเปิดทางให้เจรจาบ้าง แล้วเขามองการเมืองโลกอย่างไร โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯกับชาติอื่นๆ?
3
ลีกวนยูว่า สหรัฐฯมีเทคโนโลยีสูงกว่าชาติอื่น นําหน้ายุโรป 10 ปี นําหน้าญี่ปุ่น 15 ปี ขณะที่ชาติอื่นกำลังงมกับเทคโนโลยีนั้น สหรัฐฯ คิดอันใหม่แล้ว แต่นั่นไม่ได้แปลว่าชาติอื่นจะตามไม่ทัน จะตามทันอาจไม่ใช่วันนี้ ดังนั้นสหรัฐฯควรลดความโอหังลงบ้าง มองชาติอื่นเป็นพันธมิตร ไม่ใช่ศัตรู หรือ co-exist ด้วยกัน
3
เขาเห็นว่าทั้งสองค่ายต้องเชื่อมกัน ทุกระดับ ทุกสายอาชีพ
2
มุมมองลีกวนยูต่อจีน
ลีกวนยูไม่ได้ต่อต้านหรือวิพากษ์ระบอบคอมมิวนิสต์จีน เขาบอกว่าชาติที่เลือกตั้งใหม่ทุกสี่ปีมี preconceived view เกี่ยวกับโลก จีนไม่มีวัฒนธรรมเลือกตั้งแบบนั้น เมืองจีนมีขนาดใหญ่มาก ประชากร 1.3-1.4 พันล้านคน จะเลือกตั้งทุกสี่ปี หรือเปลี่ยนนโยบายทุกครั้งที่ เปลี่ยนรัฐบาลอย่างตะวันตกทําได้ยาก เพราะประวัติศาสตร์ต่างกัน วัฒนธรรมต่างกัน จุดนี้ตะวันตกไม่เข้าใจจีน
4
ลีกวนยูว่าถ้าเขาเป็นคนมีอํานาจ กําหนดนโยบายในสหรัฐฯ ยุโรป ญี่ปุ่น จะสอนคนรุ่นใหม่ให้เปลี่ยนกรอบคิด ไม่ให้คนอื่นต้อง ‘ดี’ อย่างตน แต่ยอมรับความแตกต่างลีกวนยูไปเมืองจีน 33 ครั้ง มุมมองเกี่ยวกับจีนของเขาแตกต่าง แต่แหลมคม ทุกคนพร้อมฟังเขาว่าจีนคุมเข้มประชาชนหลายเรื่อง กฎเกณฑ์มากมาย เพราะมีเหตุผล
2
ลีกวนยูบอกว่า ในปี 1978 เติ้งเสี่ยวผิงไปสิงคโปร์เพื่อเรียนรู้ วิธีการจัดการเศรษฐกิจ ไม่ใช่วิธีการปกครอง เพราะจีนมีวิธีปกครองเฉพาะตัว เขาว่าเมืองจีนมีประวัติศาสตร์ยาวนานราวห้าพันปี มีช่วงเวลายาวนานที่ไม่มีรัฐบาลกลาง รบกันตลอด ก็อยู่กันมาได้ ถ้าจีนปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย รับรองล่มสลายแน่นอน เพราะคนจํานวนพันกว่าล้านพูดพร้อมกัน ออกความเห็นพร้อมกัน บ้านเมืองปั่นป่วนทลายแน่นอน
10
ลีกวนยูกับสีจิ้นผิง
ลีกวนยูเข้าใจมุมมองของเติ้งเสี่ยวผิงที่ใช้ความรุนแรงปราบปรามในเหตุการณ์เทียนอานเหมิน ปี 1989 เติ้งเสี่ยวผิงกล่าวว่า “ถ้าผมต้องยิงนักศึกษาสองแสนคน เพื่อช่วยเมืองจีนให้พ้นจากความปั่นป่วนวุ่นวายอีกหนึ่งร้อยปี ก็ให้เป็นอย่างนั้น”
6
จีนต้องการระบอบที่เหมาะสมกับเมืองจีน ซึ่งไม่ตรงกับกรอบคิด ‘ประชาธิปไตย’ ของตะวันตกจีนไม่อนุญาตให้มี Google เพราะไม่ยอมให้ใช้เป็นเครื่องมือกัดกร่อนอํานาจของรัฐบาล การแพร่ความคิดที่คุมไม่ได้อาจทําให้ระบบทั้งหมดจีนไม่เสถียรหรือที่เขาใช้คําว่า 乱 (ล่วน = chaos ความวุ่นวาย)
6
และถ้าประเทศวุ่น ก็จะไม่พัฒนา เพราะมัวเสียเวลาไปกับการคุม การปราบ เขาบอกว่าดูเวียดนามเป็นตัวอย่าง กว่าจะฟื้นจากสงครามเวียดนามและสงครามอื่นๆ กินเวลานานมากจีนเคยประสบปัญหาความขัดแย้งภายในมากมาย ครั้งล่าสุดคือปฏิวัติวัฒนธรรม ประเทศแทบพังเขาว่าตอนที่ไปจีนครั้งแรกในยุค 70 ทุกอย่างมืดหม่น คนสวมชุดเทาๆ แบบเดียวกัน เขาพักในโรงแรมที่ดีที่สุดในเเซี่ยงไฮ้ กลางคืนมาดู ปรากฏว่ามืดสนิท ถนนหนทางมืดตอนนี้เปลี่ยนไปทางที่ดีขึ้นมาก
5
เขานับถือเติ้งเสี่ยวผิงมากที่เมื่อตระหนักว่า ลัทธิทางการเมืองที่บูชามาตลอดชีวิต (คอมมิวนิสต์) ใช้การไม่ได้ เติ้งเสี่ยวผิงก็ละทิ้งมันได้ ไม่กอดหลักการอุดมคติของตนไปจนตายไปด้วยกัน
8
ลีกวนยูเห็นว่าเติ้งเสี่ยวผิงเป็นคนยิ่งใหญ่ ต่อสู้เพื่ออุดมคติ แต่ก็กล้าเปลี่ยนเพื่อประชาชนหลังสงครามเย็นเลิก ตะวันตกมั่นใจขึึ้นในระบบการเมืองประชาธิปไตยเลือกตั้ง มีคนถามลีกวนยูว่า สูตรนี้แย่ตรงไหน
3
ลีกวนยูตอบว่า นี่คือ preconceived idea (ความคิดปรุงแต่งล่วงหน้า) เป็นทฤษฎีที่ตะวันตกสรุปกันมา เขาบอกว่าการที่โซเวียตและยุโรปตะวันออกล้ม ไม่ได้แปลว่าจีนต้องล้มตาม เพราะคอมมิวนิสต์จีน มีรากฐานจากประวัติศาสตร์จีน ข้อแม้แบบจีน ที่ต่างจากโซเวียตและยุโรปตะวันออก เขาว่าถ้าเขาเป็นคนกําหนดนโยบายเมืองจีน ก็จะไม่สนใจความเห็นแบบนี้ แต่ไปทํา ให้ประชาชนดีขึ้นกว่าเดิม ทําให้ประเทศแข็งแกร่งขึ้นมั่งคั่งขึ้น
6
ขนาดรองเท้าของลีกวนยู
ลีกวนยูต่างจากผู้นําอื่นๆ ทั่วโลกคือ ลงจากอํานาจก่อนที่จะถูกไล่ออก ในบ้านเรา ผู้นําคนเดียวที่ทําแบบนี้คือ พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์
4
ลีกวนยูก้าวลงจากตําแหน่งในปี 1990 ส่งไม้ต่อให้คนหนุ่มกว่าคือ โกชอกตง ลีกวนยูรับตําแหน่งใหม่ที่ตั้งชื่อว่า Senior Minister เป็นที่ปรึกษาห่างๆ ลีกวนยูบอกเสมอว่าเขาคัดแต่คนเก่งระดับหัวกะทิมาทํางาน การเมือง โกชอกตงก็เช่นกัน จบปริญญาโทจากอเมริกา ฉลาด มีวิสัยทัศน์ ไม่เช่นนั้นลีกวนยูคงไม่ยอมปล่อยมือ
6
ลีกวนยูกับปูติน
เขาบอกว่า เขาวางมือการบริหารจริงๆ ปล่อยให้คนหนุ่มทํางานไป ตัวเขาเองออกไปเดินสายทั่วโลก เป็นคนที่ใครๆ ก็อยากขอความเห็น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายประชาธิปไตยหรือคอมมิวนิสต์ เขาคุยด้วยหมดคนที่สามารถเปลี่ยนเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีอะไรเลย
3
นอกจากยุง กลายเป็นรัฐที่ประสบความสําเร็จที่สุดรัฐหนึ่งในโลก ย่อมต้องมีอะไรน่าคุยด้วยแน่นอนเขาพบผู้นําต่างๆ ทั่วโลก ทุกค่าย ทุกคนก็ยอมรับความสามารถวิสัยทัศน์ของเขา
1
โกชอกตงให้สัมภาษณ์ว่า
“เมื่อผมสาบานตนเข้ารับตําแหน่งนายกรัฐมนตรี ผมบอกไว้ชัดเจนเลยว่า จะไม่สวมรองเท้าคู่เดียวกับของท่านลีกวนยู ขนาดรองเท้าของท่านคือเบอร์ 13, 14, 15 ส่วนของผมนั้นแค่เบอร์ 9 ดังนั้นผมจะสวมรองเท้าของผมเอง และเดินแบบสบายๆ”
3
โกชอกตงครองอํานาจนาน 14 ปี ก็ส่งไม้ต่อให้ลีเซียนหลง บุตรชายของลีกวนยิว โกชอกตงรับตําแหน่ง Senior Minister ส่วนลีกวนยูไปรับตําแหน่งใหม่ที่ตั้งขึ้นเพื่อเขาโดยเฉพาะ เรียกว่า Minister Mentor
2
ปีนี้ (2023) ลีเซียนหลงประกาศว่าจะส่งไม้ต่อให้คนใหม่ในปีหน้า คือรองนายกฯ ลอว์เรนซ์ หว่อง
3
โกชอกตงกับลีเซียนหลง
พวกเขาวางแผนประเทศล่วงหน้านาน 10-20 ปี ประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีทรัพยากรธรรมชาติ ไม่มีทางเลือกที่จะต้องคิดไกล คิดเร็ว ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเกาะที่เต็มไปด้วยยุง เป็น first world oasis คนไม่น้อยบอกว่า การทําให้สิงคโปร์ประสบความสําเร็จไม่ยากเพราะ “มันเป็นประเทศเล็ก”
3
แต่หากศึกษาประวัติศาสตร์โลก จะพบว่าอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่รุ่งเรือง สมบูรณ์ พูนด้วยทรัพยากรธรรมชาติ ล่มสลายมาหลายร้อยอาณาจักรแล้ว เพราะปกครองไม่เป็น หรือขาดธรรมในการปกครองหากผู้นําที่เลวร้ายสามารถทําลายประเทศที่มีทุกอย่าง
4
ลองคิดดูว่าจะทําลายเกาะเล็กๆ ที่ไม่มีอะไรเช่นสิงคโปร์ได้ในเวลาสั้นเพียงไร และตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดอาจเป็นกรณีจีน เติ้งเสี่ยวผิงได้รับแรงบันดาลใจหรืออาจเรียกว่าวิธีการเปลี่ยนชาติจากลีกวนยู ความสําเร็จของรัฐสิงคโปร์ไม่ใช่เรื่องโชคช่วย ไม่มีบุญบันดาล มาจากสมองที่เฉียบคม และหัวใจที่เห็นประโยชน์สุขของประชาชนก่อนทุกสิ่ง
4
และมันเป็นขนาดรองเท้าที่เบอร์ใหญ่มาก
4
โฆษณา