Blockdit Logo (Mobile)
AIS
•
15 ม.ค. 2024 เวลา 11:37 • ข่าว

เมื่อซิมโทรศัพท์กลายเป็นอุปกรณ์ในการก่ออาชญากรรม!!

ในยุคปัจจุบันเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในการดำเนินชีวิตตั้งแต่เราลืมตายันหลับตา ทั้งการติดต่อสื่อสาร การทําธุรกรรมต่างๆ ก็สามารถทำได้อย่างสะดวกสบาย
แต่ทุกอย่างบนโลกนี้มักมี 2 ด้านเสมอ เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสีย ส่งผลให้เหล่ามิจฉาชีพใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี ในการก่ออาชญากรรม ซึ่งในปัจจุบันยังมีความยากในการสืบหาต้นตอทำให้รูปแบบการก่ออาชญากรรมมีความหลากหลายและมีวิธีการที่ซับซ้อนมากขึ้น
ซึ่งดูเหมือนว่าอาชญากรรมที่มักเกิดขึ้นบ่อย และสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง นั่นคือ “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” การก่อเหตุในรูปแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เราก็ยังพบเห็นประชาชนถูกหลอกด้วยวิธีการดังกล่าวอยู่เรื่อยๆ อย่างการนำบัตรประชาชนมาลักลอบลงทะเบียนซิมเพื่อนำไปกระทำความผิด ทีนี้เคราะห์ก็ตกมาที่เจ้าของบัตรประชาชนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราว จากข้อมูลของทางตำรวจไซเบอร์พบว่าตั้งแต่ 1 มีนาคม 2565 ถึง 20 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา มูลค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นจากภัยไซเบอร์รวมมูลค่ากว่า 5 หมื่นล้านบาท
AIS เองได้ออกโรงดูแลและป้องกัน การนำซิมการ์ดโทรศัพท์ไปกระทำความผิดด้วยวิธีการต่างๆ เพื่อดักทางเหล่าแก๊งมิจฉาชีพ ผ่านการสร้างเครื่องมือทางดิจิทัลในหลากหลายมิติ รวมถึงการให้ความรู้ในการใช้งานบนโลกออนไลน์กับประชาชนอย่างปลอดภัยและถูกต้องมาอย่างต่อเนื่องในโครงการอุ่นใจไซเบอร์
พร้อมกันนี้ยังขานรับนโยบายของทาง กสทช. ในการเดินหน้าปราบปรามการก่ออาชญากรรมไซเบอร์ โดยล่าสุดกับประกาศหลักเกณฑ์การยืนยันตัวตนและข้อมูลการใช้บริการ สำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาที่ถือครองเลขหมายโทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งระบบรายเดือนและเติมเงินจำนวนตั้งแต่ 6 เบอร์ขึ้นไป ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน เพื่อป้องกันการแอบอ้างจากมิจฉาชีพ
ซึ่ง AIS ได้เตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกลูกค้าอย่างเต็มที่ โดยดำเนินการส่ง SMS แจ้งเตือนไปยังหมายเลขที่ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2567 ด้วย Sender “AIS” (ไม่มี link แนบ) ซึ่งลูกค้าที่ได้รับการแจ้งเตือนสามารถดำเนินการยืนยันตัวตนได้ ผ่าน AIS Shop, AIS Telewiz และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ หรือสามารถดำเนินการได้ด้วยตนเองผ่าน 2 ช่องทาง 1. กด*161*2*เลขบัตรประชาชน# โทรออก ฟรี (รอรับ SMS ทำตามขั้นตอน) 2. ผ่านแอป myAIS (สำหรับลูกค้าระบบเติมเงิน)
โดยกำหนดระยะเวลาในการดำเนินการยืนยันตัวตน 2 ช่วงด้วยกัน คือ 1. ผู้ที่ถือเบอร์ตั้งแต่ 6 – 100 เลขหมาย ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ภายใน 180 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งทาง SMS 2. ผู้ที่ถือเบอร์ตั้งแต่ 101 เลขหมายขึ้นไป ต้องดำเนินการยืนยันตัวตน ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งทาง SMS
สำหรับลูกค้าที่ไม่ได้ยืนยันตัวตนตามเวลาที่กำหนด บริษัทฯ จะดำเนินการระงับการใช้งานชั่วคราว โดยจะยังคงรับสายและใช้เน็ตเข้า AIS Website และ แอป myAIS ได้ แต่ไม่สามารถโทรออกได้ (ยังคงโทรหมายเลข Emergency และ AIS Call Center ได้) เพื่อเป็นการปกป้องความปลอดภัยจากการถูกมิจฉาชีพลักลอบนำเบอร์ไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์
1
ปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ เป็นภัยแบบไร้พรมแดน ที่คนร้ายเองก็ใช้วิทยาการที่ก้าวล้ำในการหลอกลวงประชาชน อย่างล่าสุดก็มีการใช้ AI มาหลอกในรูปแบบ Deep Fake และอีกมากมายที่จะเกิดขึ้น ดังนั้นการไล่จับโจรที่แม้จะไม่ง่ายแต่ก็ยังต้องทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อีกส่วนที่สำคัญไม่ต่างกันก็คือ การสร้างทักษะการรู้เท่าทันมิจฉาชีพที่ต้องช่วยกันสร้างการตระหนักรู้อย่างเต็มที่
โฆษณา