17 ม.ค. เวลา 04:02 • ท่องเที่ยว
หุบเขาจิ่วจ้ายโกว

บันทึกเรื่องราวระหว่างทัวร์ "จิ่วจ้ายโกว"

บันทึกเรื่องราวระหว่างทัวร์
กับการเที่ยวจีนครั้งแรก
ที่ให้อะไรมากกว่าการท่องโลก,,,
.
.
.
ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นโชคชะตา
หรือบุญวาสนาประการใด
ที่ทำให้ผมเลือกมาที่นี่
จากเดิมเคยคิดว่าชาตินี้
ไม่มีทางจะไปเยือนแน่ๆ
เพราะได้ยินวีรกรรมมาหลายอย่าง
ทั้งอิทธิฤทธิผู้คนและห้องน้ำข้างทาง
ไม่ว่าใครมาย่อมต้องเคยเจอ
แต่ก็นั่นแหละครับ
เมื่อมีดำก็ย่อมมีขาวปนอยู่
เฉกเช่นประเทศจีนที่พอลองเปิดใจ
กดจองทัวร์แล้วมาสัมผัสเองดู
เลยได้รู้ว่ายังมีอะไรดีๆ อีกมากมาย
ยิ่งที่เที่ยวแถบชานเมือง
ก็ยิ่งให้อะไรที่แตกต่างออกไป
ตรงนี้ขอยกตัวอย่างไฮไลท์ที่ชอบสุด
อย่าง “จิ่วจ้ายโกว (Jiuzhaigou)”
อุทยานแห่งชาติแห่งเมืองเฉิงตู
อยู่ทางตอนเหนือของมณฑลเสฉวน
แค่พริบตาที่ย่างเท้าชมก็ชวนหลงใหล
กับบรรยากาศกลางป่าเขาลำเนาไพร
มีน้ำตกและลำธารน้อยใหญ่ไหลเรียงราย
คล้ายเสียงดนตรีบรรเลงขับกล่อมหัวใจ
มองมุมไหนก็เห็นเพียงทัศนียภาพอันงดงาม
ราวกับภาพวาดที่ปรากฏในความเป็นจริง
จนแอบถามตัวเองในใจว่าเราไปอยู่ไหนมา?
ณ โมเมนต์นั้นเลยไม่รู้จะทำอะไรมากไปกว่า
หลับตา สูดอากาศ และอ้าแขน
โอบกอดธรรมชาติเอาไว้
ให้แนบแน่นเต็มความรู้สึก
นี่สินะโลกอีกมุมที่รอให้ได้มาเจอ
และเช่นกันนี่คืออีกเส้นทางที่ท้าทาย
ถ้าเตรียมร่างกายและอุปกรณ์มาไม่พอ
ก็ไม่ง่ายที่จะเที่ยวไปได้จนสุดทาง
ไกด์เลยยื่นข้อเสนอให้เพิ่มเงินเหมารถกัน
เพื่อจะช่วยซัพพอร์ตการเดินทางวันนั้น
ให้เที่ยวได้มากกว่าในโปรแกรม
และสะดวกสบายกว่าเดิม
ไม่ต้องเดินลุยฝ่าลมหนาวเอง
ไม่ต้องเสียเวลายืนรอรถอุทยาน
ที่คาดว่าจะมีน้อยกว่าเดิมในช่วง Low
มองทางไหนก็วิน-วิน อยู่ดี
แต่ด้วยความที่ผมกับแฟน
ชอบลุย ชอบท้าทายเป็นทุนเดิม
และอยากสำรองเงินไว้ใช้ส่วนอื่น
เพราะไม่รู้ว่าวันต่อไป
จะต้องซื้ออะไรอีกบ้าง
เลยขอเลือกสัมผัสประสบการณ์อีกมุม
มันจะดีหรือคุ้มมั้ยก็ขอให้ได้ลอง
เริ่มจากการต้องตื่นเช้า
ออกเช้ากว่าทุกคน
เพื่อนั่งรถจาก รร. ไปอุทยาน
และต่อคิวขึ้นรถบัสไปกับชาวจีน
ที่มากันไม่มาก ไม่น้อย กำลังดี
ท่ามกลางความหนาวเย็น
พัดผ่านเป็นสัญญาณเตือน
ว่ากำลังจะเจอกับอะไร
ระหว่างทางก็ตุ้มๆ ต่อมๆ คุยกันเอง
ว่าเอ๊ะเธอหรือเราจะเลือกผิดกัน!?
ก่อนจะช่วยกันปลุกความเชื่อมั่น
ไปไหนไปกันสิ เลือกแล้วต้องไปให้สุด
จนทุกครั้งเมื่อได้หยุดลงจากรถ
มาสัมผัสกับแลนด์มาร์คต่างๆ
เราก็วางความกังวลทิ้งไปสนิท
ค่อยๆ พาตัวเองใกล้ชิดกับธรรมชาติ
ใช้โอกาสและเวลาที่มีให้เต็มที่
มันจะแย่หรือดี ก็ขอให้มีความสุข
กับโมเมนต์ตรงหน้าไว้ก่อน
เราได้เห็นความ “แตกต่างเหมือนกัน”
ของทะเลสาบแต่ละแห่งที่แม้จะดูเรียบๆ
สวย ใสสะอาด เป็นสีเขียวมรกต
ในรายละเอียดก็งดงามกันคนละแบบ
ทั้งทะเลสาบแพนด้า, ทะเลสาบนกยูง,
ทะเลสาบ 5 สี ที่ใครๆ ต่างแห่กันมาชม
แต่พวกผมกลับชอบทะเลสาบแรด
ที่มีพื้นน้ำเป็นสีฟ้าครามงามตา
ไหลรินเคียงคู่ไปกับฟ้าเบื้องบน
ให้ความรู้สึกเงียบ สงบ สบาย
มองทอดยาวไปได้ไกล
และทะเลสาบกระจกที่พาใจ
ได้กลับมาคิดทบทวนตัวเองชัดกว่าเดิม
เมื่อมองไปยังภาพสะท้อนของภูเขา
ที่ส่องประกายงามจับใจ
ราวกับมีใครตวัดพู่กันวาดมันออกมา
ชนิดที่เอากล้องมาดีแค่ไหน ความละเอียดเท่าใด
ก็ไม่อาจเทียบเคียงตาเห็นได้เลย
รวมถึงน้ำตกธารไข่มุกที่งาม
ไหลหลั่นกันเป็นชั้น
มองไปใกล้ๆ จะเห็นสายน้ำ
ส่องแวววับไปกับแสงตะวัน
พร้อมเหล่าแมกไม้นานาพันธุ์
ต่างสีสัน บ้างก็มีน้ำแข็งเคลือบกิ่งใบ
คอยโบกมือยิ้มทักทายเรา
ด้านบนมองไปยังหุบเขา
ก็รู้สึกเหมือนกำลังอยู่ใน
หนังซีรีส์กำลังภายในที่คุ้นเคย
เลยแอบสวมวิญญาณเด็กเบาๆ
ลองปล่อยใจจินตนาการ
ภาพฉากเหาะเหิน เดินอากาศ
ปล่อยพลังสู้กันไปมาปรากฏขึ้นทันใด
คิดไปก็สนุกตาม แล้วก็เผลอคิดต่อ
ว่าเอ…จอมยุทธ์สมัยก่อน
เขาฝึกตัดน้ำตก กำหนดลมปราณ
ฝึกความแข็งแกร่งของกายใจบนยอดเขากันได้ไง
เราเดินไปมายังแอบหนาวเบาๆ เลย ฮ่าาา
นอกนั้นคือความงามจากผู้คนท้องถิ่น
ที่ผมก็ไม่คิดเลยว่าจะได้เจอ
ทั้งคุณน้า คุณป้าที่พากันมาร่ายรำ
ออกแข้งขาท้าลมหนาวยามเช้าอย่างครื้นเครง
ทั้งหนุ่มใหญ่ที่มาขอให้ผมช่วยถ่ายรูป
พอถ่ายเสร็จเขาก็ยิ้มขอบคุณใหญ่
เซียะเซียะเสร็จแล้วยกมือไหว้
เหมือนรู้ว่าเราเป็นคนไทย
หรือพ่อแม่ลูกที่ให้ช่วยถ่ายรูปเหมือนกัน
เวลาเจอกันอีกตามจุดอื่นๆ ของอุทยาน
เขาก็จำผมได้ รอบหนึ่งเจอคุณพ่อเดินนำมา
ก็ยิ้มอ่อน ผงกหัวทักเรา
รอบต่อไปเจอลูกวิ่งนำมาก่อน
น้องก็โบกมือยิ้มทักอย่างร่าเริง
รอบต่อไปเดินช็อปอยู่
พ่อลูกเดินไปแล้ว คุณแม่เขาก็
สะดุดตาหันมาเห็นเรา
แล้วยิ้มดีดดีใจ รอบนี้โบกมือ
ทักทายว่า “Hi!!” ชัดถ้อยชัดคำ
ทั้งแม่ค้าที่แอบพูดไทยได้หน่อย
ขอบคุณค่าด้วยสำเนียงจีน
แต่น่ารัก ชวนประทับใจเลย
รวมถึงอีกหลายๆ คนที่เข้ามาคุย
เพราะลุคผมก็ชัดเจนว่าไม่ใช่คนจีน ฮ่าา
นอกนั้นที่ตราตรึงก็คืออาหารเคียง
โดยเฉพาะผลไม้ที่สด อร่อยฉ่ำๆ
ทั้งแอปเปิ้ล ส้ม และสตรอว์เบอร์รี่
กินกี่ทีก็ดีต่อใจเหลือเกิน เพลินจนหมดไม่รู้ตัว
ทั้งชานมร้อนๆ หวานกำลังดี ฮีลใจ
และช่วยเติมพลังให้ร่างกาย
ไปต่อได้ดีขึ้นในระหว่างทาง
และที่ดีเกินคาดคือโยเกิร์ต
ซึ่งมันอร่อยอย่างบอกไม่ถูก
ยิ่งรสผลไม้ยิ่งหวานซ่อนเปรี้ยว นัวๆ
ฟินตามกันไปสุดๆ
ตั้งแต่ต้นจนถึงปลายทางตอนเย็น
ที่เดินกันมาเป็นสิบๆ กม. แล้ว
ก็ยังรู้สึกว่ามันคุ้มค่าจริงๆ นะ
กับการเลือกมาเอง ลุยเองแบบนี้
ถึงจะไม่ได้โปรแกรมเสริมเพิ่มมา
ทว่าระหว่างทางเราก็ได้ดื่มด่ำกับมัน
อย่างเต็มอิ่ม เต็มอารมณ์ที่สุด
ได้ทั้งปล่อยใจโบยบินกับธรรมชาติ
ได้โอกาสเที่ยวแบบชาเล้นจ์
เป็นประสบการณ์ดีๆ ในอีกมุม
ได้ถ่ายรูปกันจุกๆ สุดคุ้ม
พร้อมพูดคุย แลกเปลี่ยนเรื่องราว
แง่มุมกันไปมา ระหว่างพวกเรา
และหัวหน้าทัวร์ (ไกด์บ้านเรา)
ที่แยกมาร่วมทางดูแลกัน
1
เลยอยากทิ้งท้ายด้วยการ “ขอบคุณ” ทุกคน
และทุกอย่างที่ทำให้ทริปนี้มีความสุข
มีโมเมนต์ดีๆ ระหว่างทางมากกว่าที่คิด
ขอบคุณ “หัวหน้าทัวร์” ที่คอยดูแล ใส่ใจ ใกล้ชิดกับลูกทัวร์เสมือนครอบครัวจริงๆ เวลาใครติดขัดอะไร จะเข้าชาร์จไปอยู่ใกล้ๆ ทันที ไม่ว่าคนจีนจะแสดงอิทธิฤทธิใดๆ มา ก็จะกางแขนขา ออกกระบวนท่า คอยรับมือให้ผ่านพ้น ในทุกขณะที่กำลังเดินทางออกผจญ เธอก็พร้อมจะช่วยเหลือ ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบ ใครทำของหายก็ช่วยก้มควานหาจนสุด
ใครอยากเสนอไอเดียอื่นๆ สำหรับแพลนเที่ยว ก็รับฟังอย่างไม่อิดออด แล้ว take action ถามทุกคน พอเห็นตรงกันว่าโอเค พร้อมออกเช้าขึ้น กินอาหารง่ายๆ ระหว่างทางแทนการกินดีๆ ใน รร. ได้ ก็กางตำราปรับตามอย่างทันท่วงที เตรียมเซ็ตอาหารใหม่ ขนมปัง นม ไข่ พร้อมให้ออกลุย ตอนไปเดินจิ่วจ้ายโกวกันก็เป็นกันเองสุดๆ เหมือนมีเพื่อนสาวต่างวัยมาเม้ามอย คอยเป็นตากล้องรู้ใจ ให้คำแนะนำและพลังบวกต่อกัน
ขอบคุณ “ไกด์ท้องถิ่น” ชาวจีนหัวใจไทย ที่คอยสร้างสีสันให้ตลอดการเดินทาง จะคุย เล่าเรื่อง ก็จะมีมุขตลกสอดแทรก แพรวพราวสุดๆ ชนิดที่แค่เห็นหน้าก็ตลกแล้ว55+ ตรงนี้ต้องขอบคุณมากๆ ครับ เพราะเราต้องนั่งรถกันข้ามเมืองไปมาบ่อย เล่นมือถือ นอนกันไปหลายตื่นก็ยังไม่ถึงง่ายๆ แต่ก็ได้เรื่องสนุกๆ จากเขานี่แหละมาช่วยให้ขำปอดโยก สนุกกันจนลืมเวลา รู้ตัวอีกทีก็ถึงที่หมาย
นอกนั้นดูแลดีเช่นกัน คอยนำทาง ประกบติด เวลาติดขัดอะไร ก็จะเข้าไปสื่อสารต่อรองกับคนจีนด้วยกันจนสถานการณ์คลี่คลาย การได้มาเจอกัน นับเป็นวาสนาจริงๆ ภาพที่ลูกทัวร์ต่างพากันโอบไหล่ จับมือ ขณะอำลากันที่สนามบิน สื่อให้เห็นถึงความรักความประทับใจที่มีต่อเขาได้ดี
ขอบคุณ “เพื่อนร่วมทาง” จากใจครับ สำหรับการไปเที่ยวเมืองนอกครั้งแรก และเป็นการเที่ยวแบบทัวร์ที่เราไม่รู้ว่าจะได้เจอใครบ้าง แต่นอกจากจะไม่เจอความบ้งแล้ว ทุกคนยังน่ารักมากๆ พี่ ป้า น้า อา เพื่อน และน้องที่มากัน ต่างเต็มไปด้วยพลังบวกจริงๆ ทั้งรอยยิ้มที่ส่งให้กันตั้งแต่แรกเจอ พูดคุยแบบเป็นกันเองเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน นัดเวลาไหนเวลานั้น มากันตรงเวลาเสมอ
มีปรับเปลี่ยนแผนก็ไม่งอแง พร้อมปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ ยิ่งแฟนผมไม่สบาย ยิ่งได้เห็นพลังรักและน้ำใจจากทุกคนที่คอยถามไถ่ แสดงความห่วงใยกันตลอด ผลัดกันเดินเอายาอม ยาพ่น และผลไม้มาให้ ซึ้งใจจริงๆ เป็นความสุขและความโชคดีที่อบอุ่นหัวใจเหลือเกิน ขอบคุณที่เติมเต็มทริปนี้ให้มีความหมายและความทรงจำดีๆ มากมายนะครับ
นอกจากนี้สิ่งที่ประทับใจมาก
คืออาหารทุกมื้อที่เสิร์ฟเน้นๆ
อิ่มอร่อยกันแบบจุกๆ
เสมือนเราเป็นฮ่องเต้กลับชาติมาเกิด
พยายามใส่มาทั้งจืด เปรี้ยว หวาน มัน เค็ม
ให้มีความหลากหลายที่สุด
แม้กินไปหลายวันเข้าจะแอบเลี่ยน
แต่ก็รู้สึกดีที่ได้ลองกินไรใหม่ๆ เต็มที่
ขอบคุณคนเคียงข้างที่ร่วมทาง
ดูแลกันตั้งแต่ต้นจนถึงเส้นชัย
ขอบคุณตัวเองที่ได้ออกจาก Comfort Zone
ได้มาเที่ยวเมืองนอกสมใจสักที
ไม่ว่าระหว่างทางจะร้ายดียังไง
อย่างน้อยทุกเรื่องราว
ทุกการเดินทางมันย่อมดีเสมอ
ที่ได้หล่อหลอมให้เราเติบโต
เป็นตัวเองในเวอร์ชั่นที่ดีกว่าเดิม,,,
โฆษณา