23 ม.ค. เวลา 09:30 • ธุรกิจ

5 ข้อดี ของการเป็นลูกจ้างอาชีพ

แทบจะปฏิเสธไม่ได้เลยว่าทุกคนเกิดมาจะต้องทำงาน ซึ่งการทำงานเป็นลูกจ้างนั้นดูเหมือนจะได้รับความนิยมลดลงในปัจจุบัน เนื่องจากสภาพการทำงานที่อาจจะต้องมีการเข้างานตามเวลาที่แน่นอน มีวันหยุดที่ชัดเจน ไม่สามารถยืดหยุ่นเวลาตามความต้องการได้มากนัก ประกอบกับรายได้เริ่มต้นที่อาจไม่ได้ดึงดูดใจมากนัก ทำให้การประกอบอาชีพอิสระ หรือการออกไปเริ่มกิจการเล็กๆของตัวเองดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากกว่า
ในขณะเดียวกันการเป็นลูกจ้างอาชีพก็มีข้อได้เปรียบหลายด้านที่เหมาะกับคนที่เริ่มต้นทำงาน และสามารถสร้างอิสระภาพทางการเงินให้เราได้ ไม่แพ้อาชีพในรูปแบบอื่นๆเลย ในตำแหน่งที่สูงประมาณหนึ่งพนักงานยังอาจได้รับจัดสรรหุ้นเสมือนกับเป็นเจ้าของด้วย ซึ่งผลตอบแทนจะได้เป็นเงินปันผลซึ่งจะมากหรือน้อยก็ขึ้นกับผลประกอบการบริษัทในปี ตำแหน่งงานผู้บริหารในองค์กรทั้งในและต่างประเทศเหล่านี้ก็ล้วนแล้วแต่เป็นงานประจำหรือลูกจ้างอาชีพทั้งนั้นเพียงแต่อยู่ในฝ่ายบริหารที่ทำหน้าที่เสมือนเป็นนายจ้างขององค์กรนั่นเอง
ข้อดีอย่างแรกของการเป็นลูกจ้างอาชีพคือ "รายได้แน่นอนสม่ำเสมอ" สำหรับอาชีพอื่นนั้น รายได้อาจจะมาจากยอดขายหรือผลการดำเนินงานที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในแต่ละเดือน ซึ่งถ้าเดือนไหนยอดขายดีก็ส่งผลให้มีรายได้มาก ในขณะที่ช่วงยอดขายไม่ดี เราอาจมีรายได้ลดลงหรืออาจขาดทุนได้ซึ่งปัญหานี้จะไม่เกิดกับการเป็นลูกจ้าง เนื่องจากรายรับที่ได้จะเป็นเงินเดือนที่บริษัทต้องจ่ายให้กับเราสม่ำเสมอกันในแต่ละเดือน ซึ่งทำให้สามารถวางแผนรายรับรายจ่ายได้ง่ายเพราะรู้แน่นอนว่าในแต่ละเดือนจะมีรายได้เข้ามาเท่าไร
"สวัสดิการ" ก็เป็นอีกหนึ่งข้อดีของการเป็นลูกจ้างอาชีพ ในขณะที่อาชีพอิสระเราจะต้องดูแลตัวเองเกือบทั้งหมด ถ้าไม่นับประกันสังคมที่ไม่ได้บังคับให้ทำ แถมยังต้องรับความเสี่ยงอื่นๆที่อาจเกิดขึ้นได้ในชีวิต ขณะที่ลูกจ้างอาชีพมีโอกาสได้รับสวัสดิการมากมาย เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, ประกันอุบัติเหตุ, เงินชดเชยรายได้ในกรณีรักษาตัวในโรงพยาบาล ฯลฯ บางที่อาจมีค่าทำฟันให้ด้วย ทั้งนี้ในตำแหน่งที่สูงขึ้นเช่นในระดับบริหารสวัสดิการที่ลูกจ้างอาจจะได้รับยังครอบคลุมบุตรและคู่สมรสอีกต่างหาก
ทั้งนี้ยังไม่นับรายได้และสิทธิพิเศษนอกเหนือจากเงินเดือนเช่น เงินประจำตำแหน่ง, เงินช่วยเหลือค่าที่พัก, รถประจำตำแหน่ง, โทรศัพท์และเงินค่าโทรศัพท์ส่วนตัว, เงินช่วยเหลือค่าน้ำมัน ฯลฯ จะเห็นได้ว่าสวัสดิการต่างๆเหล่านี้ก็ดูน่าสนใจไม่น้อย ซึ่งสวัสดิการต่างๆที่ระบุมาเป็นตัวอย่างอาจแตกต่างกันได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทและรูปแบบหน้าที่งานที่รับผิดชอบ
โบนัส(Bonus)หรือบางที่อาจเรียกเงินจูงใจระยะสั้น(Short Term Incentive)ก็เป็นข้อดีอีกอย่างของการเป็นลูกจ้างอาชีพ เพราะเป็นรายได้พิเศษที่เพิ่มขึ้นมานอกจากรายได้ปกติที่จะได้รับในแต่ละเดือน ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัทในแต่ละปี โดยทั่วไปพนังงานจะได้รับโบนัสปีละครั้ง ซึ่งก็มีบางที่ที่จ่ายปีละมากกว่า2ครั้ง
โดยทั่วไปบริษัทแต่ละแห่งก็มีหลักในการคำนวนโบนัสสำหรับลูกจ้างแตกต่างกัน ทั้งนี้ในระดับปฏิบัติงานมักจะมีการจ่ายโบนัสคงที่ตายตัวและมีส่วนเพิ่มที่คำนวนจากผลประกอบการรายปี ในขณะระดับหัวหน้างานอาจเน้นไปที่ผลประกอบการกับผลการประเมินการทำงานเป็นหลัก และในระดับบริหารอาจเน้นสัดส่วนไปที่ผลประกอบการเพียงอย่างเดียว
อีกข้อนึงคือการเป็นลูกจ้างนั้นสามารถเข้าถึงสินเชื่อต่างๆได้ง่ายกว่าสายอาชีพอื่น เนื่องจากลูกจ้างมีรายรับต่อเดือนค่อนข้างคงที่ จึงค่อนข้างง่ายสถาบันการเงินในการพิจารณาความเสี่ยงและการพิจารณาให้สินเชื่อเพราะมองว่ามีที่มาของรายได้ค่อนข้างแน่นอนมั่นคง ต่างจากอาชีพอิสระที่รายได้ไม่แน่นอน มีขึ้นมีลง ถ้าธุรกิจประสบปัญหาก็อาจขาดสภาพคล่องและกลายเป็นหนี้เสีย(NPL)ได้มากกว่า
ในเรื่องของการฝึกอบรมและพัฒนาฝีมือในการทำงาน ลูกจ้างยังมีโอกาสในการได้รับการฝึกอบรมจากนายจ้างโดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ทั้งนี้อาจจะเป็นการฝึกอบรมทั้งจากภายในบริษัทของนายจ้างเองหรือส่งลูกจ้างไปรับการอบรมภายนอกทั้งในและต่างประเทศก็ได้ ตามข้อกำหนดที่ระบุไว้พรบ.ส่งเสริมการพัฒนาฝีมือแรงงานและกฏหมายแรงงาน เช่น บริษัทที่ปรึกษาอาจพิจารณาส่งพนักงานในตำแหน่งนักวิเคราะห์ไปอบรมเพิ่มเติมเพื่อให้ได้รับใบอนุญาติในการทำงานจากองค์กรหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นต้น
สุดท้าย เรายังได้รับโอกาสในการทำงานที่หลากหลายและพบปะผู้คนมากมายจากการทำงานเป็นลูกจ้าง ซึ่งในบางครั้งโอกาสเหล่านี้อาจกลายเป็นช่องทางให้กับคนที่เห็นโอกาสในการออกมาสร้างธุรกิจของตัวเองได้ อย่างเช่น บริษัทstart-upหลายแห่งในอเมริกาที่มีผู้ก่อตั้งเคยทำงานเป็นพนักงานบริษัทใหญ่ๆมาก่อนอย่างGoogleเป็นต้น
ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการทำงานไม่ว่าอาชีพใดนั้น ถ้าเราตั้งใจทำให้ดี มีการพัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ ทุกงานนั้นก็สามารถพาเราไปอยู่ในจุดที่เราพอใจมีความสุขในชีวิตได้เหมือนกัน ขอเพียงไม่หยุดที่จะแสวงหาโอกาส, ไม่ยอมแพ้และขี้เกียจล้มเลิกไปซะก่อน แล้วคุณผู้อ่านล่ะ วันนี้ได้ทำงานของตัวเองอย่างเต็มที่แล้วหรือยังครับ? :)
โฆษณา