22 ม.ค. เวลา 08:36 • ท่องเที่ยว
อัมสเตอร์ดัม

เล่าประวัติศาสตร์เนเธอร์แลนด์

เมื่อคุณมาเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ในเนเธอร์แลนด์ แค่คุณมีความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์เล็กๆ น้อยๆ ว่าสถานที่แห่งนี้มีความเป็นมายังไง มีการเปลี่ยนแปลงยังไงบ้างจากอดีตจนกระทั่งถึงปัจจุบัน โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีความรู้มากมายถึงขนาดจำทุกรายละเอียดได้หมด คุณคงจะมองเห็นความภาพความสวยงามของเมือง และสถานที่ต่างๆ ลึกซึ้งมากขึ้นแน่นอน
ทุกวันนี้ประเทศเนเธอร์แลนด์เป็นประเทศที่มีการบริหารประเทศจากรัฐบาลส่วนกลาง เช่นเดียวกันกับประเทศไทย และประวัติศาสตร์ของเนเธอร์แลนด์เริ่มต้นเมื่อ 250,000 ปีก่อน ตอนนั้นเริ่มมีผู้คนมาอาศัยอยู่ในพื้นที่แห่งนี้ จนกระทั่งเมื่อประมาณ 50 ปีก่อนคริสต์ศตวรรษ ชาวโรมันได้เข้ามาครอบครองทางตอนใต้ของยุโรปและได้มีการสร้างเมืองบางเมืองในเนเธอร์แลนด์เช่น Maastricht และ Utrecht ขึ้น
ในช่วงเวลาประมาณปี ค.ศ. 1500 พื้นที่ที่เป็นประเทศเนเธอร์แลนด์ในปัจจุบันประกอบไปด้วยประเทศเล็ก ๆ หลายแห่ง ประเทศเหล่านั้นถูกเรียกว่า "ประเทศต่ำ" (Nether หมายถึงต่ำ) เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล ผู้คนที่อยู่อาศัยแถบนี้มีความยากจนมาก มีเพียงคนรวยไม่กี่คนที่อาศัยอยู่ในปราสาท ซึ่งประเทศเล็ก ๆ เหล่านี้ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสเปนเป็นเวลานาน
จนกระทั่งในปี ค.ศ.1588 เนเธอร์แลนด์ได้พยายามต่อสู้เพื่อความเป็นเอกราชและเรียกตัวเองว่าสาธารณรัฐ "Republic of the Seven United Netherlands" ซึ่งหมายถึงสาธารณรัฐที่ประกอบไปด้วย 7 จังหวัด สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นเพราะชาวสเปนเป็นชาวคาทอลิก แต่ประชาชนในเนเธอร์แลนด์ต้องการออกจากคริสตจักรคาทอลิก ณ เวลานั้น วิลเลียมแห่งออเรนจ์ (Willem van Oranje) ซึ่งปัจจุบันถือว่าเป็นบิดาแห่งประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นผู้นำการต่อต้านในครั้งนั้น
สงครามนี้เริ่มขึ้นในปี ค.ศ. 1568 ต่อมาในปี ค.ศ.1584 วิลเลียมแห่งออเรนจ์ ได้ถูกฆ่าตายในบ้านของเขาที่เมือง Delft แต่การตายของเขา กลับทำให้การต่อสู้ดำเนินไปอย่างเข้มแข็ง และในที่สุดสงครามครั้งนั้นก็สิ้นสุดลงในปี ค.ศ. 1648 จากนั้นเนเธอร์แลนด์ก็กลายเป็นรัฐเอกราช และได้พยายามสร้างประเทศให้มีความเข้มแข็งมากขึ้นเรื่อย ๆ
ต่อมาช่วงศตวรรษที่ 17 (จาก ค.ศ. 1602 ถึง 1700) เรียกว่า เป็นยุคทองของเนเธอร์แลนด์ เพราะเป็นยุคที่เนเธอร์แลนด์ร่ำรวยมาก นั่นเป็นเพราะชาวเนเธอร์แลนด์สร้างเรือ และแล่นเรือรอบโลกเพื่อทำการค้าขาย ทองคำและเครื่องเทศ รวมถึงค้าขายทาสด้วย โดยบริษัทอินเดียตะวันออก (VOC - Verenigde Oost-Indische Compagnie) ได้ทำการค้ากับในทวีปเอเชีย ส่วน บริษัทอินเดียตะวันตก (WIC - West-Indische Compagnie) ได้ทำการค้ากับประเทศในทวีปแอฟริกาตะวันตกและทวีปอเมริกา บริษัทอินเดียตะวันออกนั้นมีความมั่นคง ร่ำรวยและเข้มแข็งมาก
เมื่อคุณอ่านประวัติศาสตร์ไทย จะพบว่าในสมัยอยุธยา (ค.ศ. 1608) ซึ่งตรงกับช่วงปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช มีชาวเนเธอร์แลนด์หรือที่ชาวไทยเรียกว่า "ฮอลันดา" เข้ามาเจริญสัมพันธไมตรี และค้าขายกับไทยเป็นครั้งแรก เมื่อร่ำรวยจากการค้าขายดังกล่าว คนรวยในยุคนั้นจึงขุดสร้างแนวคลอง และสร้างบ้านราคาแพงติดคลอง โดยเฉพาะในเมืองท่าสำคัญ คือ Amsterdam รวมถึง Leiden, Delft และ Middelburg เมื่อคุณไปเที่ยวเมืองดังกล่าว คุณก็จะพบเห็นบ้านสวย ๆ ที่มีศิลปะการออกแบบและการก่อสร้างในยุคทองของเนเธอร์แลนด์ค่ะ
ต่อมาใน ปี ค.ศ.1814 สาธารณรัฐเนเธอร์แลนด์ ได้เปลี่ยนเป็นราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์โดยมีกษัตริย์วิลเลี่ยมที่หนึ่งเป็นกษัตริย์คนแรก และใน ปี และ ค.ศ. 1815 เนเธอร์แลนด์ ก็มีรัฐธรรมนูญฉบับแรก ในปี ค.ศ. 1830 เบลเยียมก็แยกตัวเป็นอิสระ ในปี ค.ศ. 1848 ได้มีการปรับเปลี่ยนสำคัญในรัฐธรรมนูญให้กษัตริย์มีอำนาจน้อยลง และประเทศเนเธอร์แลนด์ก็กลายเป็นประเทศที่มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาโดยมีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
และนับจากปี ค.ศ. 1850 ประเทศเนเธอร์แลนด์ก็กลายเป็นประเทศอุตสาหกรรม และเริ่มออกกฏหมายสำคัญ ต่าง ๆ มากขึ้น เช่น กฏหมายสิทธิความเท่าเทียม กฏหมายคุ้มครองแรงงาน กฏหมายสิทธิสำหรับผู้หญิง และกฏหมายสำหรับเด็ก เป็นต้น
หลังจากอ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์คร่าวๆ ของประเทศเนเธอร์แลนด์ไปแล้ว คุณคงสนุกกับการท่องเที่ยวในเนเธอร์แลนด์เพิ่มมากขึ้นหลายเท่า และคุณคงได้ซึมซับถึงกลิ่นไอและบรรยากาศของเนเธอร์แลนด์ได้อย่างเต็มที่ค่ะ
แหล่งอ้างอิง:
Gijsbert van Es. 2008: 169-183. Opstandig land in Verhalen van Nederland. Houten. Uitgeverij het Spectrum.
โฆษณา