25 ม.ค. เวลา 05:26 • ไลฟ์สไตล์

Comparison: The Thief of Joy

การเปรียบเทียบเป็นตัวการที่ขโมยความสุขของเราไปจากชีวิต
ก่อนที่มนุษย์จะมี social media พวกเราก็มีปฏิสัมพันธ์ทางสังคมกับคนรอบตัวในโลกแห่งความเป็นจริงและมีการเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นอยู่เสมอเป็นธรรมดา เพื่อนคนนั้นเรียนเก่ง ลูกต้องเก่งให้เท่าเพื่อนนะ อะไรประมาณนี้
เมื่อเราเห็นคนอื่นดีกว่า เห็นเพื่อนมีและเป็นในสิ่งที่เราไม่มีไม่เป็น เราก็จะรู้สึกด้อยกว่า ความรู้สึกขาดนี่แหละขโมยความสุขในชีวิต
การเปรียบเทียบในอดีตนั้นคงไม่ก่อให้เกิดปัญหาเท่ากับปัจจุบัน เพราะเมื่อก่อนเราเห็นชีวิตผู้คนรอบตัวเราในหลายมิติ เราเห็นเหรียญทั้งสองด้านว่าเพื่อนที่เรียนเก่งก็ต้องทุ่มเทและขยันหมั่นเพียรมากแค่ไหนถึงจะได้เกรดดีๆ เพื่อนที่หน้าตาดีหุ่นดีเราก็เห็นว่าอาจมีนิสัยไม่ได้เรื่อง
เมื่อเราได้มองโลกครบทุกด้านก็จะรู้ว่าชีวิตมีดีร้ายปะปนเป็นเรื่องธรรมดา จิตใจเราก็ไม่เศร้าหมองเกินไป หาจุดแข็งของตัวเองได้ไม่ยากเกินไป
ในทางกลับกัน ชีวิตของมนุษย์ยุคนี้น่าจะเหนื่อยและเศร้าหมองกว่าเมื่อก่อนมาก เพราะเราถูกถาโถมไปด้วยการเปรียบเทียบชีวิตจริงของเราที่มีทั้งสุขและทุกข์กับชีวิตของเพื่อนในสตอรี่ที่ดูดีมีสุขทุกวัน ไม่เคยเห็นภาพแย่ๆของพวกเขาเลย Social media เหล่านี้นี่แหละคือตัวการขโมยความสุขจากชีวิตของพวกเราในทุกวันนี้
มีการศึกษามากมายพบความเชื่อมโยงระหว่างการใช้สื่อสังคมออนไลน์กับโรคซึมเศร้า ความกังวลและการเห็นคุณค่าตัวเองต่ำ โดยเฉพาะในเด็กวัยรุ่น (https://www.mdpi.com/2329098) และความดาร์กทางอารมณ์อาจนำพาให้พวกเขาเข้าไปสู่การตัดสินใจที่จบเกมส์ชีวิตได้อย่างง่ายดาย
หากใครกำลังคิดว่าชีวิตตัวเองแย่จัง ขอให้วางโทรศัพท์ลงแล้วกลับมาอยู่กับชีวิตในโลกแห่งความเป็นจริงมากขึ้น แม้ว่าโลกความจริงที่คุณอยู่มันโหดร้ายก็จงพาตัวเองออกไปค้นหาอีกด้านหนึ่งของชีวิตที่ตรงข้ามกับสิ่งที่คุณเผชิญอยู่สิ
เราอาจพบว่าในขณะที่เราเปรียบเทียบชีวิตตัวเองกับชีวิตสวยหรูดูดีของเพื่อนในสตอรี่แล้วเจอแต่ความเศร้าหมองในชีวิต ที่จริงแล้วเราอาจโชคดีกว่าเพื่อนข้างบ้านหรือใครอีกหลายล้านคนในโลกใบนี้
มองต่ำเราเหลือ มองเหนือเราขาด หากคุณเจอคนอื่นที่ขาดและพังมากกว่าคุณ แล้วคุณได้เดินเข้าไปช่วยเหลือพวกเขา คุณจะมีความสุขมากขึ้นเพราะรู้ว่าชีวิตคุณดีเหลือเกิน
โฆษณา