26 ม.ค. เวลา 05:51 • ข่าว

ก้อง-อุกฤษฏ์ แชร์โพสต์เฟสบุ๊ก ถูกดำเนินคดี 112

วันที่ 30 มกราคม 2567 เวลา 9.00 น. ศาลจังหวัดสมุทรปราการนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ของก้อง-อุกฤษฏ์ สันติประสิทธิ์กุล อายุ 25 ปี เขาเป็นนักศึกษากฎหมาย มหาวิทยาลัยรามคำแหง และนักกิจกรรมทางการเมืองจากกลุ่มทะลุราม เขาถูกดำเนินคดีมาตรา 112 รวมสองคดี มีโทษจำคุกที่ศาลชั้นต้นวางมารวมเจ็ดปี 30 เดือน
คดีที่หนึ่ง ในเดือนพฤษภาคม 2563 ศิวพันธุ์ มานิตย์กุล แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสภ.บางแก้ว จังหวัดสมุทรปราการ กล่าวหาว่า ก้องเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กที่แชร์ข้อความจากเพจ Jonh New World เข้าไปยังกลุ่มเฟซบุ๊กรอยัลลิสต์มาร์เก็ตเพลส ซึ่งเป็นข่าวเกี่ยวกับการชุมนุมประท้วงในประเทศเยอรมนี พร้อมข้อความประกอบการแชร์ว่า “อย่างนี้ต้องทรงพระเจริญเต็มที่เลยนะเนี่ย”
อย่างไรก็ตามเขาทราบว่า มีคดีที่สภ.บางแก้วหลังจากที่เขาถูกจับกุมในคดีที่สองในวันที่ 8 มิถุนายน 2564 ตำรวจจากปอท. จับกุมก้องที่ห้องพักและแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อเขาได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในคดีที่สอง เขาถูกอายัดตัวไปที่สภ.บางแก้วเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาในคดีที่หนึ่ง
สำหรับการพิจารณาคดีที่หนึ่ง ในนัดสอบคำให้การเขาให้การปฏิเสธ ก่อนจะเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพในวันสืบพยานนัดแรก ต่อมาวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2566 ศาลจังหวัดสมุทรปราการพิพากษาว่า เขามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) ให้ลงโทษตามบทกฎหมายมาตรา 112 ที่มีโทษหนักสุด พิพากษาจำคุกสี่ปี จำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุกสองปี โดยไม่มีเหตุให้รอลงอาญา ก้องได้รับการปล่อยตัวระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษา
คดีที่สอง สืบเนื่องจากการจับกุมของตำรวจปอท. ข้อความที่ถูกกล่าวหาเป็นการโพสต์ลงบนเฟซบุ๊กของเขาระหว่างเดือนสิงหาคม 2563 ถึงเดือนพฤษภาคม 2564 เนื้อหาเกี่ยวกับรัชกาลที่สิบและพระราชินี คดีนี้ก้องเปลี่ยนคำให้การเป็นรับสารภาพเช่นเดียวกันกับคดีแรก
โดยศาลอาญามีคำพิพากษาก่อนคดีที่หนึ่งในวันที่ 21 ธันวาคม 2565 ระบุว่า เขามีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พิพากษาลงโทษตามมาตรา 112 ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดทั้งหมดห้าข้อความ ข้อความละสามปี จำเลยรับสารภาพมีเหตุให้บรรเทาโทษเหลือข้อความละหนึ่งปีกับหกเดือน รวมโทษจำคุก 5 ปี 30 เดือน ไม่รอลงอาญา ก้องได้รับการปล่อยตัวระหว่างการอุทธรณ์คำพิพากษาเช่นเดียวกันกับคดีแรก
ตอนหนึ่งของคำพิพากษาระบุว่า “พิเคราะห์รายงานการสืบเสาะและพินิจแล้ว เห็นว่าแม้จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน แต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีและสภาพความผิด การกระทำของจำเลยทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิดในองค์พระมหากษัตริย์ และพระราชินี ทำให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ พฤติการณ์กระทำความผิดเป็นเรื่องร้ายแรง กรณีจึงไม่สมควรรอการลงโทษให้แก่จำเลย”
วันที่ 30 มกราคม 2567 ศาลจังหวัดสมุทรปราการนัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่หนึ่ง และวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2567 ศาลอาญานัดอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ในคดีที่สอง เชิญชวนทุกคนร่วมเป็นกำลังใจได้ตามวันและศาลที่สะดวก หรือการผูกโบว์ขาวเป็นในวันที่มีการพิพากษาเพื่อแสดงยืนยันเคียงข้างจำเลยมาตรา 112
โฆษณา