31 ม.ค. เวลา 05:30 • ธุรกิจ

4 รูปแบบยอดฮิตการนำ AI ไปใช้กับธุรกิจประกัน

อ่านบทความฉบับเต็มคลิก : https://bit.ly/3Ui5MzG
เทคโนโลยี AI ถือเป็น Game changer สำหรับธุรกิจประกัน เนื่องจากช่วยลดภาระขั้นตอนงานแมนนวลบางขั้นตอนลงได้ ทำให้ขั้นตอนการทำงานทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น เช่น ขั้นตอนการซื้อกรมธรรม์ออนไลน์ และการเคลมประกัน เป็นต้น ในบทความนี้ AIGEN จะพามารู้จักกับรูปแบบยอดฮิตของการนำเทคโนโลยี AI มาใช้กับธุรกิจประกันว่ามีอะไรบ้าง
4 รูปแบบการนำเทคโนโลยี AI ไปใช้กับธุรกิจประกันเพื่อยกระดับขั้นตอนการทำงาน
 
เทคโนโลยี AI ได้เข้ามาเปลี่ยนขั้นตอนการทำงานบางอย่างของธุรกิจ โดยลดภาระงานที่เดิมต้องทำแบบแมนนวล และใช้พนักงานเป็นจำนวนมากมาเป็นการนำ AI เข้ามาช่วยให้งานบางอย่างทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งรูปแบบการนำ AI ไปใช้งานที่เรามักจะพบเจอกันได้บ่อยๆ มีดังต่อไปนี้
1. AI-OCR สำหรับการอนุมัติการเคลมได้แบบอัตโนมัติ
เทคโนโลยี AI-OCR เป็นหนึ่งใน AI ที่ได้รับความนิยมทั้งจากธุรกิจประกัน และธุรกิจประเภทอื่นๆ โดย AI-OCR สามารถดึง และประมวลผลข้อมูลที่ต้องการจากไฟล์เอกสาร และส่งข้อมูลเข้าไปยังระบบได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น จากเดิมที่ต้องใช้พนักงานเป็นคนกรอกข้อมูลเข้าไปในระบบ ซึ่งอาจมีความล่าช้า และข้อมูลอาจจะผิดพลาดได้ เปลี่ยนมาเป็นใช้ระบบ AI-OCR ในการดึงข้อมูล และให้พนักงานเป็นคนตรวจสอบข้อมูลที่ AI ดึงออกมาได้แทน
โดยธุรกิจประกันสามารถนำระบบ AI-OCR เข้ามาใช้งานได้โดยเฉพาะกับขั้นตอนการเคลมประกัน ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างละเอียด และจำเป็นต้องใช้เอกสารเป็นจำนวนมาก ซึ่งแต่เดิมในแต่ละขั้นตอนของการเคลมประกันนั้นมักจะยังเป็นแบบแมนนวล หรือใช้พนักงานในการทำทั้งหมดตั้งแต่การตรวจสอบ และกรอกข้อมูลจากเอกสารเข้าไปในระบบ การพิจารณาการเคลมว่าเป็นไปตามจริงหรือไม่ รวมถึงการทำเรื่องจ่ายเงินค่าสินไหม จึงทำให้การอนุมัติการเคลมค่อนข้างล่าช้า และกว่าที่ลูกค้าจะได้รับเงินค่าสินไหมในแต่ละครั้งนั้นใช้เวลาค่อนข้างนาน
เมื่อธุรกิจประกันนำระบบ AI-OCR เข้ามาใช้งาน จะทำให้ขั้นตอนการเคลมทำได้อย่างรวดเร็ว และเป็นอัตโนมัติได้มากยิ่งขึ้น หรือที่เรียกกันว่า Straight-Through Processing หรือความสามารถของระบบของบริษัทประกันในการประมวลผลธุรกรรมต่างๆ โดยที่ไม่ต้องมีการใช้ระบบแมนนวล หรือพนักงานเข้ามาแทรกแซง
โดยที่เมื่อลูกค้าส่งเอกสารเข้ามาเคลมประกัน ระบบ AI-OCR จะทำการดึง และประมวลผลข้อมูลได้แบบอัตโนมัติ และส่งข้อมูลเข้าไปในระบบเพื่อทำการอนุมัติการเคลมได้อย่างรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ทำให้ลูกค้าจะได้รับค่าสินไหมได้อย่างสะดวก และรวดเร็วกว่าเดิมเป็นอย่างมาก
2. ยืนยันตัวตนลูกค้าด้วยระบบ e-KYC
ขั้นตอนการยืนยันตัวตนถือเป็นอีกหนึ่งขั้นตอนสำคัญสำหรับธุรกิจประกัน ทั้งสำหรับลูกค้าเก่า และลูกค้าใหม่ เนื่องจากเพื่อให้เป็นไปตามพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ซึ่งบริษัทประกันต้องดําเนินการตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าว่ามีตัวตนอยู่จริงและประสงค์จะทําธุรกรรมกับบริษัทฯ อีกทั้งยังช่วยยกระดับความสะดวกสบายในการทำธุรกรรมโดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางมาที่สาขา หรือพบเจ้าหน้าที่
จึงทำให้การมีระบบยืนยันตัวตน หรือ e-KYC ออนไลน์ที่สะดวก และปลอดภัยเป็นสิ่งที่สำคัญ และจำเป็นสำหรับธุรกิจประกันเป็นอย่างมาก เนื่องจากจะทำให้ขั้นตอน Customer onboading ทำได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยได้มากยิ่งขึ้นโดยที่ลูกค้าไม่จำเป็นต้องเดินทางที่สาขา หรือพบเจ้าหน้าที่ โดยที่ธุรกิจประกันสามารถเพิ่มฟีเจอร์การยืนยันตัวตนได้โดยทันทีเพียงนำระบบยืนยันตัวตนออนไลน์ไป Plug in เข้ากับเว็บไซต์ หรือแอปพลิเคชันได้เพื่อให้ลูกค้าใช้ในขั้นตอนการยืนยันตัวตนได้ด้วยตนเองจากทุกที่ และทุกเวลา
3. AI Chatbot ตอบคำถามลูกค้าได้แบบอัตโนมัติ
AI Chatbot เป็นอีกหนึ่งรูปแบบยอดฮิตของการนำ AI ไปใช้งานกับธุรกิจประกัน เนื่องจากด้วยความสามารถของ AI Chatbot ที่จะช่วยลดภาระงานของพนักงานให้บริการลูกค้าได้ด้วยการช่วยคัดกรอง และตอบคำถามลูกค้าได้ในเบื้องต้นแบบเรียลไทม์ รวมไปถึงช่วยจัดการคำร้องขอของลูกค้าได้ในเบื้องต้นเช่นกัน ซึ่งจะทำให้พนักงานมีเวลาโฟกัสกับเคสของลูกค้าที่ซับซ้อน และจำเป็นต้องให้พนักงานเป็นคนดูแลได้มากยิ่งขึ้น
เนื่องจากธุรกิจประกันเป็นธุรกิจที่มีคำศัพท์เฉพาะค่อนข้างมาก จึงทำให้หากเลือกใช้ Chatbot ที่เป็น Rule-based อาจจะตอบคำถามได้ไม่ดีมากนัก เนื่องจาก Chatbot ทั่วไปจะไม่สามารถเข้าใจบริบทของคำถาม และคำตอบ รวมไปถึงคำศีพท์เฉพาะของธุรกิจได้ดีเท่ากับ AI Chatbot
เนื่องจากเราสามารถเทรนให้ตัว AI Chatbot เข้าใจศัพท์เฉพาะของธุรกิจประกันได้ และด้วยความสามารถของเทคโนโลยี NLP (Natural language processing) หรือความสามารถในการประมวลผลภาษาธรรมชาติที่ทำให้ AI Chatbot สามารถเข้าใจบริบทของคำถาม และคำตอบได้ดีกว่า Chatbot ทั่วไป รวมไปถึงทำให้ตอบคำถามลูกค้าได้เหมือนพูดคุยกับพนักงานด้วยกัน
4. AI Knowledge management สำหรับการจัดการ และค้นหาข้อมูลภายในองค์กร
AI-Knowledge management หรือระบบจัดการ และค้นหาความรู้ภายในองค์กรเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือ AI ที่ตอบโจทย์กับธุรกิจประกันได้เป็นอย่างดี เนื่องจากระบบ AI-Knowledge management จะเข้ามาช่วยให้การจัดการ และรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่ภายในธุรกิจให้อยู่ที่เดียวกัน รวมไปถึงสามารถใช้เป็นระบบค้นหาข้อมูลภายในองค์กรได้ เปรียบได้กับมีระบบ Internal search engine ไว้ใช้งานภายในองค์กรได้
โดยที่ระบบ AI-Knowledge management นั้นมีฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครันที่จะตอบโจทย์ขั้นตอนการทำงานของธุรกิจประกันได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรองรับการอัปโหลดไฟล์หลากหลายรูปแบบ ค้นหาข้อมูลได้ทั้งในรูปแบบของคีย์เวิร์ด และคำถาม พร้อมกับระบบสามารถไฮไลต์คำตอบให้ได้แบบอัตโนมัติ นอกจากนั้นประมวลผลข้อมูล และเรียนรู้ข้อมูลที่มีอยู่ในระบบด้วยเทคโนโลยี AI เพื่อนำไปใช้ในการเลือกแสดงผลคำตอบที่ดีที่สุดเวลาที่ผู้ใช้งานเข้ามาพิมพ์ค้นหาข้อมูลที่ต้องการ
นอกจากนั้นธุรกิจประกันยังสามารนำระบบ AI-Knowledge management ไปต่อยอดในการพัฒนาเป็น AI Chatbot และ Live chat ในเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันของธุรกิจเพื่อใช้ในการตอบคำถามลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ และอัตโนมัติได้เช่นกัน
Think AI Think AIGEN
ผู้ที่สนใจเกี่ยวกับการนำโซลูชัน AI ไปใช้กับธุรกิจประกันเพื่อเพิ่มขีดความสามารถให้กับธุรกิจ
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ AIGEN ได้ที่
· Facebook : AI GEN : ไอเจ็น
· Line : @aigen
โฆษณา