7 ก.พ. เวลา 01:30 • ท่องเที่ยว
จังหวัดนอร์ทฮอลแลนด์

เพราะอะไร เนเธอร์แลนด์จึงถูกเรียกว่าแผ่นดินต่ำ?

เอกลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศเนเธอร์แลนด์ก็คือประเทศนี้มีพื้นที่ราบต่ำ โดยพื้นที่ประมาณร้อยละ 26 ของประเทศอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล บางพื้นที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 7 เมตรเชียวค่ะ โดยพื้นที่ประมาณครึ่งนึง (ร้อยละ 55) ของประเทศเสี่ยงต่อการถูกน้ำท่วม จึงไม่แปลกที่ชื่อประเทศถูกตั้งตามลักษณะภูมิประเทศ เพราะ Nether แปลว่า ต่ำ
ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ประเทศนี้ได้มีการก่อร่างสร้างชาติมาด้วยกำลังมือ กำลังสมอง เปลี่ยนจากผืนน้ำเป็นผืนดินเพื่อเพิ่มพื้นที่อยู่อาศัย และดำเนินการสร้างเนินทราย (Duinen) เขื่อนกั้นน้ำ และเขื่อนต่างๆ (Dijken) เพื่อกั้นน้ำทะเลไว้ และขุดคูคลองเพื่อระบายน้ำและควบคุมระดับน้ำในแหล่งน้ำต่างๆทั่วประเทศ
ซึ่งเป็นที่ยอมรับทั่วโลกว่าชาวเนเธอร์แลนด์นั้นมีชื่อเสียงมากในด้านการจัดการน้ำและการต่อสู้กับภัยธรรมชาติด้านนี้ อย่างไรก็ตามเมื่อโลกเปลี่ยนไป และสมดุลธรรมชาติถูกกระทบกระทั่ง ในระยะหลัง ๆ มานี้จึงมีนักวิชาการด้านนี้ออกมาพูดตามสื่อต่าง ๆ ว่าอาจจะมีการปรับเปลี่ยนแนวทางการจัดการน้ำใหม่ เพราะประเทศเนเธอร์แลนด์เริ่มมีปัญหาภัยแล้งมากขึ้น
กลับมาพูดถึงเรื่องภูมิประเทศของเนเธอร์แลนด์ต่อ อย่างที่เกริ่นไว้ว่าประเทศนี้มีลักษณะเป็นพื้นที่ราบต่ำ แต่ก็ไม่ได้หมายถึงพื้นที่ทั้งประเทศจะเป็นพื้นที่ราบต่ำทั้งหมด แบ่งตามโซนพื้นที่ ก็คือ พื้นที่ทางภาคตะวันตก และตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศมีลักษณะเป็นที่ราบต่ำ และบางส่วนเคยเป็นทะเลมาก่อน แต่ในพื้นที่ทางภาคตะวันออกและทางตอนใต้ของประเทศมีลักษณะเป็นเนินเขาค่ะ ส่วนที่สูงที่สุดของประเทศอยู่ที่เนินเขา Vaalserburg มีความสูง 322 เมตร
เนินเขา Vaalserburg นี้อยู่ในเขตจังหวัด Limburg ซึ่งเป็นเขตชายแดนติดต่อ ประเทศเบลเยียม และเยอรมันนี และเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแหล่งหนึ่งของเนเธอร์แลนด์
เมื่อคุณจะมาเที่ยวที่นี่ นอกจากจะรู้ข้อมูลภูมิประเทศแล้ว คุณก็คงต้องการที่จะรู้ข้อมูลเกี่ยวกับฤดูกาลและสภาพภูมิอากาศ เพื่อคุณจะได้จัดเตรียมเสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย รองเท้า และกระเป๋าเดินทางของคุณได้อย่างเหมาะสม
ประเทศเนเธอร์แลนด์นั้นตั้งอยู่ในเขตหนาวและอบอุ่น และเนื่องจากประเทศนี้อยู่ติดกับทะเลเหนือ สภาพภูมิอากาศจึงได้รับอิทธิพลจากกระแสน้ำอุ่นจากมหาสมุทรแอตแลนติก(Atlantic ocean) และทะเลเหนือ ดังนั้นจึงทำให้มีปริมาณน้ำฝนค่อนข้างมาก รวมทั้งภูมิอากาศในประเทศจึงไม่ร้อนจัดในฤดูร้อน รวมถึงไม่หนาวจัดในฤดูหนาว คุณ ๆ ที่กลัวความหนาวก็คงดีใจกับข้อมูลตรงนี้นะคะ
สำหรับในส่วนของฤดูกาล ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์มี 4 ฤดูกาล ดังนี้ค่ะ
ฤดูกาลแรกคือ ฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม-กลางเดือนมิถุนายน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 7-20 องศาเซลเซียส เป็นช่วงฤดูกาลที่เราชอบมากที่สุดค่ะ เพราะต้นไม้จะเริ่มผลิดอกออกใบ ผืนหญ้าสีเขียวขจี ดอกไม้ผลิบานสะพรั่งเต็มไปหมด มองไปทางไหนก็สดชื่นสวยงาม ชาวบ้านชาวเมืองก็ออกไปทำกิจกรรมต่างๆ นอกบ้านดูมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูก
ฤดูกาลที่สองคือ ฤดูร้อน ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนกลางเดือนมิถุนายน-กลางเดือนกันยายน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 18-25 องศาเซลเซียส แต่ในช่วงหลังๆนี้ บางวันก็ร้อนมากๆจนถึง 35 องศาเซลเซียส ร้อนแรงแซงหน้าประเทศไปเลยค่ะ โดยส่วนตัวก็ชอบฤดูกาลนี้เช่นกันค่ะ ออกไปไหนมาไหนไม่ต้องใส่ ๆ ถอด ๆ เสื้อผ้ากันหนาวให้ยุ่งยาก ดอกไม้ก็บานสะพรั่งสวยงาม ต้นไม้ใบไม้เขียวชะอุ่ม มีกิจกรรมเยอะแยะให้เด็ก ๆ ทำ หรือจะทำร่วมกับเด็ก ๆ ก็ได้ แต่แสงแดดร้อนมากค่ะ ก็ต้องเตรียมครีมกันแดดให้พร้อม
ฤดูกาลที่สามคือ ฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเดือนกันยายน-กลางเดือนธันวาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณเดียวกับฤดูใบไม้ผลิ แต่บรรยากาศตรงกันข้ามค่ะ คือ ฝนจะตกบ่อยมาก บางครั้งบางคราวก็ตกหนักมาก มีพายุฝนฟ้าคะนอง ใบไม้ร่วงโรย และท้องฟ้าเริ่มหม่นหมองเป็นสีเทา แต่ความมีเสน่ห์ของฤดูกาลนี้ก็คือ สีสันสวยงามของใบไม้ที่พร้อมใจกันเปลี่ยนจากสีเขียวไปเป็นสีทอง สีแดง สีส้ม สีเหลือง แซม ๆ กับใบของต้นไม้บางชนิดที่ยังคงมีใบสีเขียวแบบเดิมอยู่ ดูแล้วเหมือนภาพวาดอันสวยงามบนฝาผนังเชียวค่ะ
ฤดูกาลที่สี่คือ ฤดูหนาว ซึ่งอยู่ในช่วงกลางเดือนธันวาคม-ปลายเดือนมีนาคม อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 0-3 องศาเซลเซียส ถึงแม้จะมีบางครั้งที่อุณหภูมิอาจจะลดต่ำลงกว่า 0 องศาเซลเซียสบ้าง แต่ก็มักจะกินเวลาไม่นานค่ะ อากาศที่นี่ก็จะหนาวแบบแห้ง ๆ ค่ะ ผิวคนไทยแบบเราก็มักแห้งมาก เตรียมครีมทาผิวมาให้พร้อมนะคะส่วนช่วงเวลากลางคืนก็จะยาวนานมาก อาจจะมีหิมะตกบ้างโดยเฉพาะทางตอนใต้ และทางตะวันออกของประเทศ
แหล่งอ้างอิง
โฆษณา