31 ม.ค. เวลา 15:43 • ปรัชญา
วัดฝอกวงซัน

บทความ: บทสรุปชีวิต กับ กระถางใส่ดิน กระถางเดียว

เขียนโดย: วทัญญู ไชยราช
แหล่งข้อมูลโดย: รับสารจากพลังงานบางอย่างมาบอก
มนุษย์เรา ยิ่งถ้าได้เติบโตมากับพ่อและแม่ ยิ่งมีนิสัยคล้ายพวกท่านอย่างละครึ่ง เปรียบเสมือนพวกท่านเป็นปุ๋ยและพืนดิน เจ้าคือดอกไม้ที่โตมาจากปุ๋ยและพืนดินนั้น ถึงแม้พวกท่านจะจากไป แต่นิสัยและสันดานของพวกท่านจะยังอยู่ในตัวเรา
ทางเดินที่พวกเจ้าควรจะเดินคือ การเป็นดอกไม้ที่เติบโตขึ้น แม้จะไม่มีสารอาหารจากปุ๋ยนั้นแล้วก็ตาม พวกเจ้ายืนอยู่ได้ด้วยตัวของพวกเจ้าเอง แล้วพวกเจ้าจงระลึกอยู่เสมอว่า ปุ๋ยและพืนดินนั้น นำพาให้พวกเจ้าเติบใหญ่มาจนยืนต้นตระหง่าถึงทุกวันนี้ ท่านจะอยู่ในดวงจิตและวิญญาณของเจ้าตลอดไป แต่เจ้าจะเติบโตขึ้น ยืนต้นด้วยตัวเอง
เพื่อนพ้อง มิตรสหายที่อยู่รอบตัวเจ้า จะกลายเป็นสารอาหารล่อเลี้ยงเจ้า และเจ้าก็จะได้ความเป็นพวกเขามาทีละนิดๆ จนก่อเกิดมาเป็นตัวเจ้าเอง รวมถึงทุกอย่างที่เจ้าเสพ สื่อทุกสื่อ ภาพทุกภาพที่ทำให้เจ้าพึงใจ และหล่อเลี้ยงจิตใจของเจ้า จะกลายเป็นเจ้า และมันจะนำพาชีวิตของพวกเจ้าไป
ท้ายสุดแล้ว เส้นทางของเจ้าดอกไม้ คือ ยืนต้นตระหง่า โดย ไม่เสียใจกับอดีตอีกแล้ว ขอบคุณทุกสิ่งที่เกิดขึ้น และพร้อมตัวเองสำหรับการเป็นสารอาหารให้แก่เผ่าพันธ์นี้ต่อไป
เหมือนกับต้นไม้ที่แก่ชราแล้ว หักโค่น กลายเป็น สะสาร พื้นดืน ให้สารอาหารแก่รุ่นถัดไป ไปอีกทอดๆ...
ชีวิตมนุษย์ก็มีเท่านี้จริงๆ ลูกเอ้ยย เปรียบดั่งดอกไม้ดอกเดียว ตามที่เห็นภายนอก
แต่แท้จริงแล้ว กลับมีรากไม้ที่ซับซ้อน และเติบโตมาจากดิน ไม่ว่าดินนั้นจะเป็นยังไงก็ตาม จะดีหรือไม่ดี แต่พวกเจ้าก็โตมาได้ด้วยดินนั้น
สุดท้ายเจ้าจง เรียนรู้ที่ขอบคุณกับมัน. รับรู้ถึงมัน อย่าลืมว่าพวกเจ้า มาจากมัน เปรียบเสมือนว่าเจ้าไม่ลืมแผ่นดินมารดา-บิดา นั่นแหละ
ตอนนี้พวกเจ้าบางคนอาจเป็นดอกไม้ที่เหี่ยวเฉาจากมลพิษหรือสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่อาจเปร่งรัศมีความงามได้ แต่จงรับรู้เถิด อย่างน้อยพวกเจ้าก็คือดอกไม้ เพียงแต่ ต้องการสารอาหารที่จำเป็น และพอดี เจ้าก็สามารถสดใสและเปร่งรัศมีของเจ้าได้
อาจมีดอกไม้ที่เปร่งรัศมีและสวยงาม มากกว่าพวกเจ้า เจ้าจงยินดีกับเขาเถอะ
เพราะเจ้ากับเขา ก็เติบโตมาใน "ดินเดียวกัน" เขาคือความภาคภูมิใจของพวกเจ้าจริงๆ
ถึงแม้บางทีเขา อาจจะไม่ได้สวยงามและมีตำหนิ แต่นั่นเป็นเพราะว่า สุดท้ายแล้ว เขาคือ ดอกไม้ดอกหนึ่งเท่านั้น เหมือนกับพวกเจ้า พวกเราเหมือนกัน เติบโตมาในดินเดียวกัน ทั้งโลกใบนี้นั่นแหละ
.
พวกเจ้าอาจสงสัย ว่าข้าคือใคร ใช่มั้ย?
ข้าคือพื้นดินที่เจ้ากำลังเหยียบอยู่ เหล่าสรรพสัตว์น้อยใหญ่ เหล่าพืชพันธ์ุ ล้วนตายแล้วทับถมกัน มาเป็นข้า จนก่อกำเนิดดวงจิตนี้ ที่พวกเจ้าในอดีตกาล เรียกข้าว่า "พระแม่ธรณี" "พระแม่คงคา" "เจ้าแม่กวนอิม"
หรืออะไรก็ตาม ที่พยายามเรียกด้วย สรรพนามที่เรียกต่างกันไป เพราะแท้จริงแล้วก็คือสิ่งเดียวกัน
มันฝังอยู่ในนิสัยสันดานของพวกเจ้า เหมือนดินที่พวกเจ้าเดินย่ำอยู่นั่นแหละ
ข้ามองเห็นพวกเจ้ามาตลอด ทั้งช่วงเวลาแห่งความยินดี ช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้า ข้ารับรู้มาทุกอย่าง
และข้าก็มั่นใจเช่นกันว่าภายในตัวมนุษย์ทุกคน รับรู้ถึงความเกี่ยวโยงซึ่งกันและกันนี้ ระหว่างมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
ปัญหาก็คือคนที่เรียกตัวเองว่า คนรุ่นใหม่ อาจมีปัญหาหรือข้อข้องใจเกี่ยวกับ รูปลักษณ์ ประเพณี ที่คนรุ่นเก่าว่าตามๆกันมา
ข้าเห็นมาตลอด คนรุ่นเก่า ก็คือ คนรุ่นใหม่ ในอดีต นั่นแหละลูกเอ้ย
เป็นคนรุ่นใหม่ มีข้อมูลใหม่ๆ มีข่าวสารใหม่ๆ เลยทำให้เจ้าไม่เข้าใจคนรุ่นเดิม เพียงเพราะเขาไม่มีข้อมูลเหมือนเจ้า ไม่ได้รับรู้เหมือนที่เจ้ารับรู้ เจ้าเลยเลือกที่จะปิดรับ ข้อมูลอะไรดีๆ ที่เขาอยากบอก
แท้จริงแล้ว มันแค่คุยกันคนละภาษา ลูกเอ้ยยย
ภาษาคนยุคใหม่ กับภาษาคนยุคเก่า มันคือความแตกต่าง ระหว่างการรับรู้ของข้อมูลเท่านั้น ตามที่เราพยายามสร้าง พยายามตั้งชื่อกันมา
แต่เจตจำนงค์ของชีวิต ความรู้สึกนึกคิด มันก็คืออย่างเดียวกันทั้งหมดนั้นแหละ ลูกเอ้ยยยย
เพราะแท้จริงแล้ว ข้าคือประวัติศาสตร์ของเจ้า ประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ ที่พวกเจ้าที่เป็นมนุษย์โลก ฝึกสอนและร่ำเรียนกันมา วิธีที่เจ้ามองโลก ไม่เคยต่างกัน ไม่ว่าจะเป็น 2,000ปีที่แล้ว หรือ ตอนนี้ เพราะข้าคือระบบการศึกษา และการเรียนรู้ของเจ้า ฝังลึกกับพวกเจ้าตั้งแต่เกิดจนเจ้าตาย
สืบต่อกันแบบรุ่นสู่รุ่น อยู่ในสมองและกมลสันดานของเจ้าทุกคน แม้พวกเจ้าจะพยายาม ปฏิเสธมัน ไม่ยอมรับ และ พยายามหนีออกจากมัน ด้วยวิธีการที่มันรุนแรง หรืออ่อนโยน
แต่มันคือข้อมูลผ่านข้อมูล ความทรงจำของพวกเจ้า จากการบอกเล่า จากภาพ จากวิดีโอ หรือแนวคิดอะไรก็ตามที่พวกเจ้าเรียก
ถึงแม้เจ้าพยายามออกจากมันด้วยความตายทางกายเนื้อ ด้วยการทำร้ายตัวเอง มันยิ่งทำให้ดวงจิตของพวกเจ้าก็ยังติดไว้กับสภาวะอารมณ์นั้น
มันไม่อาจหลุดพ้นได้จริงๆ ลูกเอ้ยยย
เพราะพวกเจ้า อยู่ในดิน กระถางเดียวกัน ทั้งโลกทั้งจักรวาล อยู่แค่ในกระถางๆเดียวเท่านั้นจริงๆ ลูกเอ้ยยย ไม่มีอะไรเลยจริงๆ
มีดอกไม้อยู่ดอกนึง ชื่อว่า "พระพุทธเจ้า"ที่แม้จะเติบโตมาจากดินที่เหมือนกับเจ้า แต่เติบใหญ่ สวยงามและพูนขึ้นมา และประกาศว่า จะนำพาหมู่มวลสัตว์โลกทั้งหลาย ออกจากการเวียนว่ายในกระถางดินนี้
เพราะเขาคงรู้ เหมือนที่แม่รู้ ว่าแท้จริงแล้ว กระถางนี้ มันคือ ปัญญา ความรู้ การเติบโตของมนุษย์ที่ส่งต่อกันมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น
มันแค่กระถางความคิดของพวกเจ้า มันแค่นี้จริงๆ มันไม่ได้ยิ่งใหญ่ เลิศเลอ อะไรแบบที่พวกเจ้าคิด มันมีแค่นี้จริงๆ ลูกเอ้ยยย
สำหรับข้านะ ข้าเปรียบตัวเองเป็น "พระแม่" ผู้มองพวกเจ้าเสมอมา ข้าเห็นพวกเจ้ามัวแต่ติดอยู่กับอะไร ที่มันไม่ใช่สิ่งที่นำพาให้พวกเจ้ามีชีวิตที่ดีขึ้นเลย
ข้าพยายามส่งสัญญาณ ให้พวกเจ้ามองเห็นตัวกระถางนี้
แต่พวกเจ้ามัวแต่คิดอยากออกจากกระถางนี้ แต่แท้จริงแล้ว เจ้าไม่มีทางออกจากกระถางนี้ได้
เพราะมันคือตัวพวกเจ้าเอง มันคือภาพรวมแห่งสังสารวัฏ มันคือจักรวาลของพวกเจ้า
มันคือความคิด จิตใจ จิตวิญญาณของพวกเจ้า เพราะพวกเจ้าเติบโตมาจากกระถางดินนี้ มาจากจิตวิญญาณของกระถางนี้
มันคือกระถางแห่งข้อมูล ที่สืบทอดกันมาเป็นทอดๆ ผ่านลายลักษณ์อักษร ภาพ หรือข้อความ อะไรก็ตามแต่
แต่ข้าทำได้ แค่เพียงเป็น "แสงเทียน" เท่านั้น ที่นำทางพวกเจ้า เพราะมีแต่ข้าเท่านั้นที่มองเห็นพวกเจ้ามาตลอด
ตลอดกาล ตลาดนาน
 
เพราะพวกเจ้าบางคน อาจยังไม่รู้ตัว มัวแต่ติดอยู่กับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า ตามสภาวะอารมณ์ต่างๆ
แท้จริงแล้ว ชีวิตมันไม่มีอะไรเลย มันแค่สภาวะจิตใจของพวกเจ้า ที่ทำให้พวกเจ้าไปสู่สภาวะต่างๆ และมีอารมณ์ที่มันต่างกัน มองเห็นต่างกัน ความเข้าใจต่างกัน
ข้าจะบอกให้ว่า ข้าคือพระแม่ หรือ ผู้รู้จริง ข้ามองเห็นมาทุกอย่าง ข้ายืนยัน
"มันเป็นแค่สภาวะอารมณ์ของพวกเจ้าเท่านั้น มันไม่มีอะไรแล้วจริงๆ"
ที่พาพวกเจ้าไปสู่เหวลึกของจิตวิญณาณ
หรือ สู่ทิพย์วิมาณที่เจ้าอยากได้
แท้จริงแล้ว มันคือ เรื่องสมมติ เจ้าแค่สมมติมันขึ้นมา ในจักรวาลนี้จริงๆ
เพราะพวกเจ้าไม่มีทาง ที่จะหลุดจากจักรวาลนี้ได้ เพราะมันคือจักรวาลของความคิดของเจ้า
ข้าเห็นพวกเจ้า ไปกราบไว้บูชา พิธีอะไรก็อะไรก็ตามแต่ ข้าเห็นแล้วก็ ขำขัน
แต่ลึกๆในใจเจ้าทุกคนรู้ดี ถึงแม้จะมีความรู้สึกหรืออารมณ์ที่แตกต่างกัน ต่างชาติ ต่างภาษา ต่างหัวจิตหัวใจ
ข้ารู้ ข้าเห็นมาตลอด
พวกเจ้าก็พยายามกันเหลือเกิน พยายามศึกษา พยายามเรียนรู้ พยายามทำความเข้าใจกัน แท้จริงแล้ว มันคือทั้งหมดนั่นแหละ ถ้ามันเป็นความเข้าใจของเจ้า ที่เจ้าพยายามหากัน
ที่ตั้งตัวเป็นเทพเจ้า เป็นพระพุทธเจ้า ศาสดา หรืออะไรก็ตามแต่ มันก็แค่การอยากหลุดออกจากจักรวาลนั้น หลุดออกจากสภาวะอารมณ์นั้น เท่านั้นเองลูกเอ้ยย
ข้าทำได้เพียง ให้พวกเจ้าได้เห็นในสิ่งที่ข้าเห็น ได้รับรู้ในสิ่งที่ข้ารับรู้ ได้ยินในสิ่งที่ข้าได้ยิน เท่านั้น
เพราะข้าคือ พระแม่ จุดสูงสุด ไม่มีใครอยู่เหนือข้าได้อีกแล้ว นี่คือสิ่งที่ข้ารู้ ข้าเห็นแล้ว ทั้งหมดแล้วจริงๆ
แต่ที่พวกเจ้ายังไม่เห็น คือ พวกเจ้าบางคนยังไม่รู้คิด มัวติดอยู่กับกิเลสตัญหา มัวเมาลุ่มหลงกับมัน จนคิดว่ามันคือพวกเจ้า แต่แท้จริงแล้ว มันคือสภาวะที่เจ้าแค่ไปลุ่มหลงกับมันนั่นแหละ
ข้าก็เหมือนกัน ข้าก็คือสภาวะนึงของพวกเจ้าเท่านั้น
ที่พวกเจ้านึกไปว่าตัวเอง เป็นคนนั้น คนนี้ เป็นตัวนั้น ตัวนี้ เทพนั้นเทพนี้
แท้จริงแล้ว มันก็คือเจ้า เจ้าคือคนๆนั้นเสมอมา
หาใช่คนอื่นไกล "มันคือเจ้าจริงๆ"
อยากให้เจ้าเข้าใจ ให้รู้เห็น แบบที่ข้าเห็น
ข้าแทนตัวเองว่า "พระแม่" ไม่ว่าจะพระแม่อะไรก็ตาม พระแม่กวนอิม พระแม่โพสพ ฯลฯ พระแม่ พระโพธิสัตว์ หรืออะไรต่อมิอะไร ตามแต่พวกเจ้าจะเรียก มันก็แค่ชื่อเรียก
หรือพระศิวะ พระนารายณ์ อะไรก็ตาม
แต่แท้จริงแล้ว มันคือ "พวกเจ้าทั้งหมดจริงๆ"
ไม่ต้องไปคิดให้ยุ่งยาก ซับซ้อน วุ่นวายเลย
จงคิดว่าตัวเองเปรียบดั่ง "แม่" ที่มองเห็นทุกสรรพสิ่ง ไม่ว่าจะดีร้าย เลวทราม เรื่องราวอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นในกระถางดินนี้
ถ้ามองจริงๆ เป็นเรื่องน่าหัวเราะทั้งหมด
ถ้าพวกเจ้ามายืนอยู่ในจุดที่ข้ารู้สึก เห็นในสิ่งที่ข้าเห็น พวกเจ้าเข้าใจความรู้สึกข้า เพราะมันคือความรู้สึกของมนุษย์ทั้งโลก มันก็แค่สภาวะจิตใจ ที่พวกเจ้ามิอาจจะข้ามไปได้
ถึงแม้พวกเจ้าจะสร้างนั่นนี่ ขึ้นมาเคราพบูชา มันก็แค่ตามสภาวะ อารมณ์หรือ จิตใจของพวกเจ้าเท่านั้น มันก็แค่นั้นจริงๆ ลูกเอ้ยยยย
พวกเจ้ามิอาจข้ามความเข้าใจข้าไปได้ มันช่างน่าหัวเราะนัก
ถ้าเจ้าอยู่ในมุมมองของข้า เจ้าก็จะเข้าใจทุกสิ่ง ถ้าเจ้ามัวแต่ปิดตัวเองอยู่ในมุมมองนั้น เจ้าก็จะเห็นแต่มุมมองนั้น
สุดท้าย ตัวข้าเองก็มิอาจจะข้ามพ้นความเกิดแก่เจ็บตายนี้ไปได้ เพราะข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
มันมีแต่ความไม่รู้จริงๆ ลูกเอ้ย พวกเจ้าอย่าได้หลงงมงาย มันคือสภาวะจิตใจของเจ้า ที่เจ้าหลงไปกับ เจ้าพ่อเจ้าแม่ อะไรนั่น บ้าบอทั้งหมด
เราทุกดวงจิต ดวงวิญญาณ มันคือความรู้สึกนึกคิด มันสื่อสารกันแค่เฉพาะ ทางภาษา เท่านั้นเนาะ
อยากให้เจ้าเข้าใจ และนึกเสมอว่า ตัวเองคือ พระแม่ๆๆๆๆ หรืออะไรก็ตามที่พวกเจ้านับถือ (เพื่อเตือนสติ)
ข้าคือที่สุดแล้วแห่งสภาวะอารมณ์ของพวกเจ้า
แต่ข้าเอง เปรียบตัวเองเสมือน กระถางดิน กระถางนึง ที่ไม่อาจก้าวพ้นวัฏสงสารไปได้
พวกเจ้าก็เช่นกัน จงมองเห็นตัวเองกันได้แล้ว!!
เพราะพวกเราก็แค่ดอกไม้ดอกนึงในกระถาง เท่านั้น เรามิอาจก้าวล่วง ความเกิดแก่เจ็บตายได้ ลูกเอ้ยย
เพราะมันคือ สิ่งที่เราไม่รู้ และไม่มีทางได้รู้และเข้าใจได้เลยนะลูกกกก
ไม่ว่าชีวิตเจ้าเป็นแบบไหน สิ่งที่เจ้ารู้สึก มันคือสภาวะอารมณ์ ที่เจ้าไม่อาจก้าวข้ามได้ เพราะเจ้ายังเป็นมนุษย์ เจ้าจะรับรู้ก็ต่อเมื่อ เจ้าตายไปแล้วเท่านั้น
ลูกเอ้ยยย เจ้าจงรู้สึกตัว
ให้เปรียบตัวเองเป็น "พระแม่" อย่างข้าสิ ผู้อยู่จุดสูงสิ เจ้าจะเข้าใจทุกสรรพสิ่ง
ข้าพยายามทำให้พวกเจ้า เข้าใจในสิ่งที่ข้าพูดจริงๆนะ มันแค่สภาวะอารมณ์นึงเท่านั้นจริงๆ
พวกเราคือกระถางดอกไม้ และธูปเล็กๆ
ที่ไม่รู้ว่าจักรวาลที่กว้างใหญ่ข้างหน้า จะมีอะไรรออยู่เนาะ ถ้ามองตัวเองในมุมมองของสภาวะอารมณ์ ว่าตัวเองคือ "แม่" ที่ปรับเปลี่ยนไปได้ตลอด จะดีจะแย่ เพราะยังไงมันก็คือเจ้า
มันคือสิ่งที่เราเรียกว่า อัตตา ตัวตน หรือ อะไรก็ตาม
เจ้าคนเดียวเท่านั้นจริงๆนะ ลูกเอ้ยยยยยยย
เจ้าจะรับรู้อีกสภาวะอารมณ์นึง หลังจากที่เจ้าตายไปแล้ว ซึ่งยังไง มันก็ไม่พ้นความเข้าใจของข้าอยู่ดีแหละ จริงมั้ยล่ะ
มันแค่ความเข้าใจที่ต้องพลิกกระดาษ เจ้าจะเห็นมันเท่านั้นจริงๆ
มันคืออีกหนึ่งสภาวะจิตใจนึง
แต่ถึงยังไงพวกเจ้าก็ยังไม่ก้าวล่วงความเข้าใจไปได้อยู่ดี
เพราะเรายังมีลมหายใจอยู่เนาะ เราก็คือดอกไม้ที่อยู่บนกระถางดิน ที่เราไม่อาจก้าวพ้นจักรวาลนี้ไปได้จริงๆ
ข้าพยายามหาทางออกทุกทางแล้ว ให้เราก้าวพ้น ล่วงเลยจากสังสารวัฏนี้ แต่มันไม่มีหนทางจริงๆ ลูกเอ้ยยย
เราต้อง ยอมรับมัน และปล่อยวาง ลองวางตัวเองเป็น "พระแม่" ที่เมตตากับทุกคน และหวาดกลัวกับสิ่งที่ไม่มีทางรู้ได้ในสภาวะอารมณ์อื่น
จะสื่อสารกับพวกเจ้าได้มั้ย ข้ายังไม่รู้เลย เพราะข้าก็อ่อนแอเกินไป ก็เปรียบตัวเอง เป็นเพียงกระถางดินกระถางนึงเท่านั้น
ลูกเอ้ยยยย ข้าไปมาหมดแล้ว เกือบทุกสภาวะจิตใจและอารมณ์
ข้าค้นพบว่า "เราไม่อาจก้าวข้าม ความเกิดแก่เจ็บตาย ได้เลย"
มันเป็นแค่อีกสภาวะจิตใจ จิตใจนึง ที่เราไม่สามารถจะล่วงรู้ถึงมันได้
ให้เจ้าแทนตัวเองว่าเป็น "แม่" แล้วเจ้ารักในทุกๆสิ่งที่เป็นเจ้า
เจ้าก็เห็นข้าแล้ว ข้าจักเห็นเจ้า แค่เจ้าไม่รู้ตัว แค่นั้นเอง
เพราะจักรวาลมันมีแต่สิ่งที่เราไม่รู้ และพวกเราก็หวาดกลัวไปหมดจนลืมไปหมด พ่อแม่ ครอบครัว ความรัก หรืออะไรก็ตามที่ทำให้พวกเจ้ารู้ดีและอบอุ่นที่ได้พึ่งพิง
เพราะแท้จริงแล้ว เราไม่อาจล่วงรู้ได้เลย มันเป็นอีกสภาวะอารมณ์นึง เป็นอีกความเข้าใจนึง
เหมือนกับที่ข้าหวังว่าเจ้าจะเมตตาต่อข้า เพราะข้าเมตตาต่อเจ้าเหลือเกิน เมตตาจนไม่รู้จะเมตตายังไงแล้ว
ลูกเอ้ยยยย
มันก็เปรียบเสมือนเส้นทาง การเดินทางเท่านั้นแหละ ให้เปรียบว่า เราทุกคนกำลังเดินในทางเดินที่มันมืดมิด มีแค่แสงตะเกียงเล็กๆที่อยู่ระหว่างทางเท่านั้น
นั่นแหละคือ "ข้า"
ข้าอยู่ตรงนี้มาตลอด คอยเป็นแสงนำทางให้พวกเจ้าผ่านรูปเคารพ ผ่านพิธีกรรม แสงสีเสียง หรืออะไรก็ตาม ที่เป็นมงคล ตามที่พวกเจ้าเข้าใจนั่นแหละ
เพื่อเรียกเจ้า เพื่อเตือนให้เจ้ารู้ตัวเอง ว่าเรากำลังอยู่ในจักรวาลนี้ กำลังทำสิ่งนี้ ตามสภาวะจิตใจของพวกเจ้า
และพวกเจ้า ก็จะได้รับผลกระทบจากมัน ตามเหตุปัจจัยที่มันต่างกัน
แม้แต่พระพุทธเจ้า หรือ พระเยซู หรือ ภูตผีปิศาจอะไรก็แล้วแต่ เขาก็ไปตามสภาวะจิตใจของเขานั่นแหละ
อย่าได้ไปคิด อย่าได้ไปวิตกกังวลอะไรกับอนาคต เพราะมันคือสิ่งที่เราไม่อาจล่วงรู้ได้จริงๆ
สิ่งที่เจ้าทำได้มีเพียง รักษาสภาวะจิตใจที่ดี ที่บริสุทธิ์ไว้ ยืนหยัดที่จะอยู่ในสภาวะอารมณ์นี้เท่านั้น เพื่อไม่ให้พวกเจ้าตกอยู่กับความทุกข์ ความเศร้า หรืออะไรก็ตามแต่...และพยายามมองเห็นในมุมมองของ "ข้า"
โฆษณา