3M เจ้าของผลิตภัณฑ์ครอบจักรวาล กำลังเจอมรสุม ขาดทุน 250,000 ล้าน
รู้หรือไม่ว่า ตอนนี้ 3M เจ้าของผลิตภัณฑ์สากกะเบือยันเรือรบ กำลังเจอมรสุมบริษัท
จนทำให้มูลค่าบริษัทลดลงมาเหลือ 1,900,000 ล้านบาท จากจุดสูงสุดเมื่อปี 2018 ที่ 5,300,000 ล้านบาท หรือมูลค่าบริษัทหายไปมากถึง 64%
อีกทั้งผลประกอบการปีล่าสุดของบริษัท ก็พลิกจากกำไรหลักแสนล้านบาท มาเป็น “ขาดทุน” หลักแสนล้านบาทแทน..
แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับ 3M ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หลายคนน่าจะรู้จัก 3M บริษัทที่ผลิตสินค้าหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น
- หน้ากากอนามัย N95 ที่เคยฮิตในช่วงล็อกดาวน์
- ฟองน้ำล้างจาน ที่เราเรียกกันติดปากว่า สก๊อตช์-ไบรต์
- เทปกาว แบรนด์ Scotch ที่เราเรียกกันว่า สก๊อตช์เทป
- กระดาษจดโน้ตสั้น ที่เราเรียกกันว่า Post-it
- ไปจนถึงผลิตภัณฑ์อื่น ๆ อย่างเช่น แผ่นแปะสิว ที่ปัดน้ำฝน เครื่องมือช่าง และอีกสารพัดเลยทีเดียว
โดยสัดส่วนรายได้ของ 3M นั้นมาจากผลิตภัณฑ์ด้าน
- ความปลอดภัยและอุตสาหกรรม 34%
- ขนส่งและอิเล็กทรอนิกส์ 26%
- เฮลท์แคร์ 25%
- สินค้าอุปโภคบริโภค 15%
จะเห็นว่า 3M มีสินค้าอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม อีกทั้งยังมีผลิตภัณฑ์ที่คนทั่วไปคุ้นเคย โดยที่ผ่านมา 3M ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่มีกำไรสม่ำเสมอ
แต่ในวันนี้ มันกลับไม่เป็นอย่างนั้น..
ปี 2021 รายได้ 1,260,000 ล้านบาท กำไร 210,000 ล้านบาท
ปี 2022 รายได้ 1,220,000 ล้านบาท กำไร 205,000 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 1,160,000 ล้านบาท ขาดทุน 249,000 ล้านบาท
จากที่เคยทำกำไรได้ปีละ 2 แสนล้านบาท กลับต้องประสบกับการขาดทุน 2 แสนล้านบาทแทน ในปีล่าสุด
แล้วมันเป็นเพราะอะไร ?
คำตอบก็คือ ตอนนี้ 3M กำลังเจอมรสุมที่กำลังถาโถมเข้ามายังบริษัท โดยเฉพาะเรื่องการโดนฟ้องร้องเกี่ยวกับอันตรายต่อสุขภาพของผู้บริโภค ที่เกิดขึ้นจากผลิตภัณฑ์ของบริษัท จากทั้ง..
1) สารเคมีชั่วนิรันดร์ หรือ PFAS
หลายคนอาจจะสงสัยว่า PFAS คืออะไร ? มันก็คือ สารเคมีที่ไม่ย่อยสลายไปตามธรรมชาติ พบได้ตามของใช้ทั่วไป อย่างเช่น กระทะเทฟลอน เครื่องสำอางกันน้ำ
โดยจุดเด่นของมันก็คือ ไม่ย่อยสลาย ไม่ถูกทำลาย ทำให้มันเหมาะสำหรับการเคลือบผิว
แต่สารชนิดนี้ก็เป็นเหมือนดาบสองคม เพราะถึงจะดีในแง่ของการใช้งาน แต่มันก็สะสมในร่างกายมนุษย์ได้ และทำให้เกิดปัญหาสุขภาพ อย่างเช่น โรคมะเร็ง
กลับมาที่ 3M กันต่อ เรื่องของเรื่องก็คือ สารชนิดนี้อยู่ในผลิตภัณฑ์บางอย่างที่ 3M ผลิต ตัวอย่างเช่น กาวแท่งแบบพิเศษที่ใช้สำหรับงานก่อสร้าง เทปหนามติดกรอบรูป
3M เลยถูกฟ้องร้องว่า บริษัทมีส่วนทำให้น้ำและดินในสหรัฐอเมริกาเกิดการปนเปื้อน
ซึ่งสุดท้ายแล้ว 3M ก็แพ้คดี เลยต้องจ่ายเงินชดเชย จำนวน 355,000 ล้านบาท ให้กับการประปาสหรัฐอเมริกาสำหรับแก้ไขปัญหานี้ โดยเงินจำนวนนี้จะถูกแบ่งจ่ายเป็นเวลา 13 ปี
2) ที่อุดหูกันเสียงที่ไม่ได้มาตรฐาน
การฟ้องร้องนี้ เกิดจากหน่วยงานราชการทหาร และทหารสหรัฐอเมริกาที่ใส่ที่อุดหูของ 3M เพื่อไปรบกับอิรัก และอัฟกานิสถาน
แต่ผลปรากฏว่า ทหารที่ไปรบในครั้งนั้น กลับมีอาการหูหนวก รวมถึงมีเสียงก้องในหู
ซึ่งคดีนี้ผลสรุปก็ออกมาว่า 3M จะต้องจ่ายเงินชดเชยไปอีก 213,000 ล้านบาท โดยบริษัทตกลงว่าจะจ่ายเงินจำนวนนี้ภายใน 7 ปี
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็จะเห็นได้ว่าสรุปแล้ว 3M ต้องจ่ายเงินชดเชยมากถึงเกือบ 600,000 ล้านบาท
ซึ่งเงินจำนวนนี้คิดเป็นสัดส่วนเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ในแต่ละปี ของบริษัทเลยทีเดียว..
โดยบริษัทเลือกที่จะรับรู้ค่าใช้จ่ายเรื่อง PFAS รวดเดียวในปีที่แล้ว เลยทำให้บริษัทมีผลขาดทุนทางบัญชีมากถึง 249,000 ล้านบาท
ซึ่งหาก 3M ต้องแบ่งจ่ายค่าปรับในปีละเท่า ๆ กัน ก็จะเท่ากับว่า บริษัทจะต้องจ่ายเงินชดเชยปีละ 57,700 ล้านบาท ในช่วง 7 ปีแรก และอีกปีละ 27,300 ล้านบาท ในช่วง 6 ปีที่เหลือ
เรื่องนี้ส่งผลกระทบกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน เพราะที่ผ่านมา 3M ถือได้ว่าเป็นบริษัทที่มีกำไรสม่ำเสมอ จ่ายปันผลต่อเนื่อง ถือเป็นเครื่องจักรผลิตเงินสด
และนอกจากเรื่องนี้ ก็ยังมีเรื่องของรายได้ที่ไม่เติบโต
เพราะบริษัทไม่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ประสบความสำเร็จเหมือนกับ Post-it, เทปกาว Scotch และสก๊อตช์-ไบรต์ ออกมาเลยในช่วงหลัง ๆ
พอมีความไม่แน่นอนเหล่านี้เข้ามา และกังวลเรื่องการเติบโตในอนาคตของบริษัท ก็เลยทำให้นักลงทุนแห่กันเทขายจนทำให้มูลค่าบริษัทลดลง
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็จะเห็นได้ว่า บริษัทใหญ่ที่ดูมีความมั่นคง ก็สะเทือนได้เหมือนกัน ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือบริษัทไม่สามารถสร้างความสำเร็จใหม่ ๆ ได้
เหมือนกับ 3M ที่เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ มีประวัติยาวนาน และมีสินค้าหลากหลาย ดูแล้วเสี่ยงน้อย ลงทุนแล้วน่าจะสบายใจ
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับกลายเป็นว่า ผ่านมาได้ 6 ปี ตอนนี้มูลค่าบริษัทได้หายไปแล้ว 3,400,000 ล้านบาท ติดลบมากถึง 64%..
References
- 269
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
