7 ก.พ. 2024 เวลา 14:00 • ธุรกิจ

รู้จัก 'Eli Lilly' ว่าที่น้องใหม่ 7 หุ้นนางฟ้า ที่อาจเขี่ย 'Tesla' ตกสวรรค์!

ท่ามกลางราคาหุ้น Tesla ที่ปรับตัวลงอย่างต่อเนื่อง โดยติดลบราว 25% แล้วในรอบ 1 เดือน และมีโอกาสหลุดจากกลุ่ม “หุ้น 7 นางฟ้า” บริษัทที่มีแววเข้ามาแทนที่อันดับ 7 นี้ คือ “Eli Lilly” (อีไล ลิลลี) บริษัทผลิตยารายใหญ่ที่สุดในสหรัฐ
โดยในเวลาเพียง 1 ปี ราคาหุ้นปรับตัวขึ้น 109% จนล่าสุดมีมูลค่าตลาด 6.7 แสนล้านดอลลาร์ แซงหน้า Tesla ซึ่งมีมูลค่าตลาด 5.67 แสนล้านดอลลาร์ไปแล้ว จึงน่าสนใจว่า อะไรทำให้ Eli Lilly ขึ้นมายิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้
📌​“เบาหวาน” ดันยอดขายยาบริษัททะยาน
ในปัจจุบัน ชาวอเมริกันเผชิญโรคเบาหวานและโรคอ้วนเป็นจำนวนมาก โดยศูนย์ควบคุมโรคติดต่อสหรัฐ (CDC) ระบุไว้ว่า “เกือบครึ่งหนึ่ง” ของประชากรสหรัฐเป็น ภาวะก่อนเบาหวาน หรือมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นเบาหวาน และมากกว่า 10% ของประชากรสหรัฐป่วยเป็นโรคเบาหวานแล้ว
นี่เป็นตัวเลขที่น่าตกใจ เนื่องจากเกือบครึ่งประชากรที่มีภาวะก่อนเบาหวาน หากไม่ปรับพฤติกรรมก็อาจเสี่ยงเข้าสู่ “ภาวะเบาหวาน” ในขั้นต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้น ข้อมูลจากสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติระบุว่า ในปี 2564 มีผู้ป่วยเบาหวานทั่วโลกสูงถึง 537 ล้านคน และมีแนวโน้มว่า ตัวเลขนี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 643 ล้านคนภายในปี 2573 และเป็น 783 ล้านคนภายในปี 2588
แนวโน้มดังกล่าวได้ให้อานิสงส์แก่ Eli Lilly ที่เชี่ยวชาญด้านโรคนี้อยู่แล้ว เพราะเป็นบริษัทยารายแรกของโลกที่ผลิตอินซูลินในการฉีดรักษาโรคเบาหวาน และมีสัดส่วนรายได้จากยากลุ่มเบาหวานมากที่สุด
ช่วงหลังมานี้ บริษัทประสบความสำเร็จในการคิดค้นยารักษาเบาหวานชนิดที่ 2 และช่วยลดน้ำหนัก ที่ชื่อว่า “Mounjaro” ซึ่งได้รับการอนุมัติจากองค์การอาหารและยาสหรัฐ (FDA) แล้ว
ยาตัวนี้ให้ผลการรักษาอย่างน่าพอใจ จนถูกคาดหวังจากเหล่านักวิเคราะห์ว่า จะสร้างยอดขาย 4,730 ล้านดอลลาร์ในปี 2566 ซึ่งเป็นการเติบโตเกือบ 879% จากปีต่อปี และเป็นไปได้ว่า ยอดขายจะเติบโตเกือบ 2 เท่าเป็นมูลค่า 8,490 ล้านดอลลาร์ในปี 2567 และภายในปี 2571 ยอดขายยาตัวนี้อาจเข้าใกล้ 22,000 ล้านดอลลาร์
1
📌​Eli Lilly บริษัทยาอันดับ 1 ในสหรัฐ
หลายคนอาจเข้าใจว่า บริษัทผลิตยาใหญ่ที่สุดในสหรัฐน่าจะเป็น Pfizer เพราะคุ้นหูชาวไทยมากที่สุดและผลิตวัคซีนโควิด-19 ส่งขายไปทั่วโลก แต่ตามความจริงแล้วไม่ใช่ บริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐ คือ “Eli Lilly” ด้วยมูลค่าตลาด 670,400 ล้านดอลลาร์ หรือราว 24 ล้านล้านบาท
อันดับที่ 2 คือ บริษัทยา Johnson & Johnson ด้วยมูลค่าตลาด 375,050 ล้านดอลลาร์ ส่วน Pfizer มีมูลค่าตลาดเพียง 150,002 ล้านดอลลาร์
สำหรับบริษัท “Eli Lilly” ก่อตั้งเมื่อเกือบ 150 ปีที่แล้ว โดยชายที่ชื่อ อีไล ลิลลี เขาเป็นทั้งทหารอเมริกัน เภสัชกร นักเคมี และนักธุรกิจ
ซึ่งผลงานยาที่บริษัทผลิตในเชิงพาณิชย์เป็น “รายแรก” ของโลก เช่น อินซูลินที่ใช้ฉีดรักษาโรคเบาหวาน ในชื่อการค้าว่า “Iletin”, วัคซีนโปลิโอ (Polio Vaccine), Penicillin-G ยาปฏิชีวนะในการสู้กับโรคติดเชื้อ, Humulin อินซูลินที่ใช้เทคโนโลยี DNA เป็นรายแรกของโลก
เรียกได้ว่า Eli Lilly เป็นธุรกิจยารักษาโรคที่น่าจับตาอย่างยิ่ง โดยเฉพาะบริษัทมีความเชี่ยวชาญด้านยารักษาโรคเรื้อรังเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นโรคอ้วน เบาหวาน ความดันโลหิตสูงที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้นตาม เทรนด์ผู้สูงอายุทั่วโลก จนอาจเป็น “ตัวขับเคลื่อน” การเติบโตของบริษัทให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องได้
#ราคาหุ้นTesla #อีไลลิลลี #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจBusiness #กรุงเทพธุรกิจFinance
โฆษณา