7 ก.พ. เวลา 09:29 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี

Thousands of coma patients may be conscious but we're ignoring them, says pioneering neuroscientist

ผู้ป่วยโคม่าหลายพันคนอาจมีสติ แต่เราเพิกเฉยต่อพวกเขา นักประสาทวิทยาผู้บุกเบิกงานวิจัยด้านนี้กล่าว
โดยปกติแล้วคนเรามักจะคิดว่า คนที่มีสภาพเป็นผักหรือสภาพเป็นเจ้าชายนิทรา ไม่รับรู้เกี่ยวกับโลกรอบตัว ดร. เอเดรียน โอเว่น ผู้บุกเบิกการวิจัยด้านนี้ ได้ค้นพบสิ่งใหม่ ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้ว เพื่อจะบอกว่า ทำไมเราจึงต้องพูดคุยกับผู้ป่วยเหล่านี้
ในเดือนกรกฎาคม 2005 แครอลถูกรถสองคันชนขณะเธอข้ามถนน เธอรอดชีวิตมาได้ แต่ได้รับบาดเจ็บที่สมองอย่างรุนแรง ทำให้เธอต้องอยู่ในสภาพเป็นผักหรือโคม่า และแทบไม่มีความหวังที่จะฟื้นตัวกลับมาเป็นปกติได้ ชีวิตของแครอลไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป รถสองคันและความว้าวุ่นภายในใจของเธอที่เกิดขึ้นชั่วครู่ ได้กำหนดการมีชีวิตอยู่ของเธอ เป็นสิ่งเตือนใจเราได้ดีว่า คนเรานั้นมีความอ่อนแอเพียงใด และเตือนเราว่า วิถีชีวิตของเรา สามารถจะเปลี่ยนแปลงไปในทันทีได้อย่างไร
ภาวะผักหรือโคม่าคือ 'การรู้สึกตัวโดยปราศจากการรับรู้' ผู้ป่วยเหล่านี้จะลืมตา และจะมีวงจรการนอนหลับ และการตื่น แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ตอบสนองต่อการกระตุ้นจากภายนอกทุกรูปแบบก็ตาม ผู้ป่วยเหล่านี้ยังคาค้างอยู่ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอนระหว่างการมีชีวิตและความตาย เป็นเวลาหลายทศวรรษแล้ว ที่เรามักทึกทักไปว่า ผู้ป่วยเหล่านี้ไม่รับรู้ใดๆ รวมถึงไม่การรับรู้ตัวตนของตัวเขาเอง ไม่รับรู้ว่าตัวเขาเองอยู่ที่ไหน และไม่รับรู้ถึงสถานการณ์ที่ตัวเขากำลังเผชิญอยู่
หลายเดือนหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ทีมงานวิจัยนี้ได้นำแครอลเข้าเครื่องสแกนสมอง เอฟเอ็มอาร์ไอ fMRI ซึ่งเป็นเครื่องที่ใช้ตรวจดูหน้าที่การทำงานของสมอง ที่โรงพยาบาล อาดินบรูก Addenbrooke ในเมืองเคมบริดจ์ ประเทศสหราชอาณาจักร และผู้วิจัยได้ขอให้เธอจินตนาการว่า เธอกำลังโบกแขนขึ้นไปในอากาศ เหมือนกับว่า เธอกำลังเล่นเทนนิสอย่างเอาจริงเอาจัง
ผลลัพธ์ที่ได้น่าประหลาดใจเป็นอย่างมาก พบว่าสมองบริเวณหนึ่งของเธอที่เรียกว่าบริเวณ คอร์เทกซ์พรีมอเตอร์ 'สว่างขึ้น' ที่จอแสดงผล ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนี้ ปรากฏว่าได้เกิดเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในคนที่มีสุขภาพแข็งแรง เมื่อถูกขอให้จินตนาการถึงการกระทำชุดเดียวกัน จากเครื่องสแกนสมอง
ผลลัพธ์ที่น่าตกใจนี้บอกเราว่า แครอลต้องเข้าใจคำแนะนำ และยิ่งไปกว่านั้น เธอยังสามารถเปลี่ยนคำแนะนำเหล่านั้นให้กลายเป็นการโต้ตอบได้ ไม่ใช่เพียงแค่การตอบสนองทางกายภาพเช่น การบีบมือหรือกระพริบตา แต่ผลจากเครื่องสแกนสมอง เอฟเอ็มอาร์ไอนี้ ได้บ่งบอกว่า เป็นการตอบสนองของสมองที่มีสติสัมปชัญญะ ซึ่งยืนยันได้อย่างไม่ต้องสงสัยว่า แครอลไม่ใช่ผักเลย แต่เธอยังมีสติและมีความตระหนักรู้ ถึงแม้ว่าร่างกายของเธอจะไม่ตอบสนองมานานกว่าห้าเดือนแล้ว
หลังจากทีมงานวิจัยนี้ ได้มีการปรับปรุงเทคนิคทางด้านวิทยาศาสตร์ประมาณสองสามปี เทคนิคที่พัฒนานี้ได้ก้าวไปอีกขั้นหนึ่ง และประสบความสำเร็จในการสื่อสารกับชายหนุ่มชื่อ สก็อตต์ ซึ่งเขาเป็นผักมาเป็นเวลา 12 ปี เพราะรถของสก็อตต์เกิดอุบัติเหตุชนกับรถตำรวจ
ด้วยเทคนิคที่มีการปรับปรุงใหม่ ทีมงานวิจัยนี้ ได้ตรวจหาการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานของสมองในเครื่องสแกนสมองเพื่อที่จะให้ผู้ป่วยระบุว่า 'ใช่' หรือ 'ไม่ใช่' โดย สก็อตต์ สามารถจะบอกเราได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน บอกได้ว่าเขาอยู่ที่นั่นมาเป็นระยะเวลานานแค่ไหนแล้ว เขาชอบดูอะไรทางทีวี และเขายังสามารถบอกได้ว่าเจ็บปวดหรือไม่เจ็บปวด อย่างไรก็ตาม ถ้าเราดูที่ข้างเตียงของเขา สก็อตต์ ก็ยังคงไม่ตอบสนองเมื่อแพทย์และเจ้าหน้าที่ดูแลตรวจร่างกายเขา
ในปี 2016 มีผู้ป่วยมากกว่า 1,000 รายทั่วโลก สแกนสมองโดยใช้เทคนิคการถ่ายภาพสมองที่หลากหลายที่ทีมงานวิจัยได้พัฒนาขึ้น และงานวิจัยที่เป็นรีวิวทางวิทยาศาสตร์พบว่า มีจำนวนผู้ป่วยอยู่ระหว่าง ร้อยละ 20 ถึง ร้อยละ 25 ของผู้ที่เป็นผัก สามารถจะตอบสนองได้เหมือนกับ แครอล และ สก็อตต์ โดยผู้ป่วยเหล่านี้จะมีสติสัมปชัญญะและความตระหนักรู้ ถึงแม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอก จะอยู่สภาพที่ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ แต่ผู้ป่วยที่เป็นผักเหล่านี้ จะฟังทุกบทสนทนาที่อยู่ข้างเตียงอย่างเงียบ ๆ และฟังทุกการตัดสินใจที่เคยทำเพื่อพวกเขา
แม้ว่าจะไม่มีใครรู้แน่ชัดว่ามีผู้ป่วยที่เป็นผักจำนวนเท่าใดในโลก สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้ป่วยเหล่านี้คาดว่าจะมีประมาณ 15,000 ถึง 40,000 ราย
แม้ในการวิจัย จะมีการค้นพบที่น่าอัศจรรย์หลายครั้ง แต่หน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ ที่มีหน้าที่กำหนดประโยชน์ที่จะมีต่อผู้ป่วยทุกรายที่เป็น 'โรคไม่รู้สึกตัว' เช่นเดียวกับสภาวะผัก ก็ยังไม่กำหนดหรือตัดสินใจอะไร จนในปี 2021 ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์ Royal College of Physicians ของประเทศสหราชอาณาจักร ได้แก้ไขปรับปรุงแนวเวชปฏิบัติของประเทศสหราชอาณาจักร ในการจัดการผู้ป่วยเหล่านี้ โดยระบุว่า "เมื่อผู้ป่วยเป็นโรคที่ไม่รู้สึกตัวเป็นระยะเวลานาน ไม่จำเป็นต้องไปสแกนสมองเป็นประจำ"
เป็นเวลาหลายปี ที่ผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่าอยู่ในสภาพผักมักจะถูก "ตัดขาด" จากการดูแลของผู้เชี่ยวชาญที่สามารถจะประเมินการทำงานของสมอง และประเมินการใช้เหตุผล หรือประเมินการตัดสินใจอย่างรอบคอบตามระยะเวลา และการประเมินหรือการตรวจด้วยเครื่องมือ เช่นเครื่องสแกนสมอง
ซึ่งการประเมินของผู้เชี่ยวชาญนั้น จะช่วยให้มองเห็นสัญญาณบางอย่างที่บอกเป็นนัยๆ ว่า มีการรับรู้เกิดขึ้น แต่ตอนนี้เราได้รู้แล้วว่า ผู้ป่วยโคม่าจำนวนมาก มีสติสัมปชัญญะมาโดยตลอด เมื่อเราทราบว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีสติสัมปชัญญะตลอดในช่วงที่เขาเป็นผัก มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกอึดอัดใจ และไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
การที่ไม่ให้ตรวจหาการตอบสนองของสมอง เพื่อจะตรวจดูการมีสติสัมปชัญญะและความตระหนักรู้ของผู้ป่วย โดยใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น เครื่องสแกนสมอง เอฟเอ็มอาร์ไอนั้น ถือเป็นการกีดกันผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บทางสมองไม่ให้ได้รับประโยชน์นับหมื่นรายทั่วโลก สูญเสียโอกาสที่สำคัญที่ควรได้เช่น โอกาสในการทำให้ผู้ป่วยเองได้ยินเสียง โอกาสในการสื่อสารกับทีมแพทย์และญาติของพวกเขา และโอกาสมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเกี่ยวกับการรักษา การฟื้นฟูสมรรถภาพ และการรักษาวิธีอื่น ๆ
หากว่าไม่สามารถสแกนสมองผู้ป่วยเหล่านี้ได้ ก็เท่ากับว่า เราได้ละทิ้งผู้ป่วยเหล่านี้ ผู้ป่วยเหล่านี้เขาไม่มีเสียง แต่ทีมงานวิจัยเราก็ได้สร้างเทคโนโลยีใหม่มาให้ ที่สามารถให้เสียงแก่พวกเขาได้ ดังนั้น ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะให้ผู้ป่วยเหล่านี้เข้าถึงเทคโนโลยีเหล่านี้ เพื่อที่พวกเขา จะได้เข้ามามีส่วนร่วมชีวิตกับพวกเราอีกครั้ง
ผู้เขียน : Adrian M Owen (neuroscientist)
แปลไทยโดย : Wichai Purisa (senior scientist)
โฆษณา