8 ก.พ. เวลา 18:15 • ปรัชญา

คนที่คุณชอบ คนที่รักคุณรัก ก็เหมือนบ้าน

วันนี้จะมาเล่าเรื่องความรัก ที่เพิ่งตกผลึกได้ จากเหตุการณ์ที่ไม่ได้สมหวังจากความรัก อย่างที่ตัวเองได้ปรารถนาเอาไว้ การกลับมาอยู่กับตัวเองและพูดคุยกับตัวเองหน้ากระจกจนทำให้ตกผลึกได้ ในเรื่อง ของความรัก จากคนคนหนึ่ง ที่พยายามที่จะเข้าไปในใจของใครคนใดคนหนึ่ง ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่สามารถที่จะเข้าไปได้ เพียงเพราะ กุญแจที่ถืออยู่นั้น ไม่ใช่ของบ้านหลังนั้นนั่นเอง เหมือนกับคำภาษาอังกฤษที่ว่า "Let Me In" ให้ฉันได้เข้าไป บทความนี้จะมาเล่าว่า คนที่คุณรักคนที่คุณชอบ นั้นเหมือนบ้านยังไง
แน่นอนว่ามนุษย์เราใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานในเรื่องของความรักอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราทุกคนล้วนแล้วแต่มีความรัก ในรูปแบบต่างๆ ที่ไม่เหมือนกัน คนที่คุณชอบคนที่คุณรัก เปรียบดังเสมือนบ้านหลังหนึ่ง ที่คุณใฝ่ฝัน อยากจะเข้าไปอยู่อาศัย ใช้ชีวิตอย่างสบายใจ และมีความสุข
ภายในบ้านจะมีห้องต่างๆอยู่มากมาย ตามที่คุณปรารถนาอยากให้มี โซฟาอาจจะเป็นเหมือนความสบายใจ ทีวีเครื่องเล่นเพลงวิทยุ อาจจะเป็นความสนุกสนาน และเสียงหัวเราะ ห้องครัวอาจจะเป็น อาหารการกินที่คุณชอบ ส่วนหลังบ้านอาจจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ที่คุณอยากจะออกไปท่องโลกในทุกๆครั้ง เตียงนอนอาจจะเป็นความรัก ทั้งเรื่องเซ็กส์ที่ถูกจริต บ้านที่คุณชอบมักจะมีในสิ่งที่คุณปรารถนา จึง เปรียบเสมือนว่าคนที่คุณชอบคนที่คุณรัก นั่นคือบ้านหลังหนึ่ง ที่คุณต้องมีกุญแจ ที่คู่ควรที่จะไขประตูบานนั้นเข้าไป
เหตุการณ์ที่ทำให้เกิดบทความนี้ได้เกิดจากการที่ ตัวผู้เขียนเองไม่ได้สมหวังกับความรักที่ปรารถนา จึงกลับมาทบทวนตัวเองอีกครั้งว่าสาเหตุเป็นเพราะอะไร? การยืนคุยหน้ากระจกกับตัวเอง เป็นการพูดคุยกับจิตวิญญาณของตัวเองอีกอย่างหนึ่ง พูดไปพูดมาจนได้ คำตอบในแบบฉบับของตนเองที่ว่า คนที่เราชอบและเราปรารถนานั้นก็เหมือนบ้าน บ้านที่เราอยากจะได้มาครอบครองและอยากเข้าไปอยู่อาศัย
ตัวผู้เขียนเองได้มีโอกาสเจอบ้านหลังหนึ่ง ที่ตัวผู้เขียนเองมีความปรารถนา อยากจะได้มันมานานมาก เป็นบ้านที่สวยงาม ตรงตามอุดมคติในฝัน และตัวผู้เขียนเองมีโอกาสได้ไปเยือน ครั้งหนึ่ง ตอนที่เขาเปิดประตูให้เข้าไป ถึงจะเป็น เพียงแค่การได้ไปเยี่ยมเยือนเพียงแค่ส่วนหนึ่งของบ้านหลังนั้น ก็รู้สึกถูกใจเป็นอย่างมาก และมีความหวังที่จะได้อยู่บ้านหลังนั้น
แต่ทว่าบ้านหลังนั้น ได้หมดเวลาที่ให้จะเยี่ยมเยือนแล้ว กลับกลายเป็นว่าได้เพียงแค่เยี่ยมชมแค่ภายนอกเท่านั้น ตัวผู้เขียนทำได้แค่ยืนรอบๆสวน แต่ไม่สามารถที่จะเข้าไปในตัวบ้านได้
ตัวผู้เขียนสำรวจตัวเองว่าในมือของตนเองนั้นมีกุญแจอยู่หลายดอก กุญแจเปรียบเสมือนศักยภาพ ทางเคมีจิตวิญญาณ ความคิด ทัศนคติ ฐานะการเงิน ความใคร่ รสนิยม และอะไรอีกหลายๆอย่าง กุญแจที่ผู้เขียนได้ถืออยู่แต่ละดอกนั้นก็ไม่สามารถที่จะไขเข้าไปในบ้านหลังนี้ได้ เพียงเพราะกุญแจนั้นไม่ใช่ของบ้านหลังนี้ก็เท่านั้นเอง ผู้เขียนพยายามสะเดาะกลอน ด้วยเครื่องมือหลายอย่าง เพื่อที่จะเข้าไปอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล ด้วยตัวบ้านที่ผู้เขียนชื่นชอบนั้นมีกลไกที่ละเอียดและซับซ้อนเป็นอย่างมาก
ตัวผู้เขียนเองจึงรู้ได้เลยว่า เราไม่ใช่ เจ้าของบ้านหลังนี้ เพียงเพราะมีเหตุผลและเงื่อนไขหลายอย่าง ที่ไม่ตรงตามสเปคที่ต้องการ การที่เราชอบใครสักคน และอยากที่จะเข้าไปในใจนั้นได้ มันต้องมีเงื่อนไขและเหตุผลอะไรบางอย่าง แต่ถ้าบ้านหลังนั้นเป็นของคุณจริง คุณสามารถเดินเข้าบ้านหลังนั้นได้อย่างง่ายดาย เหมือนกับสแกนใบหน้าแล้วสามารถเดินเข้าไปได้เลย
หากการเจอใครสักคน แล้วรู้สึกได้ทันทีว่า นี่แหละคือบ้านของเรา โดยที่ไม่ต้องพยายามอะไรที่ทำให้รู้สึกว่าเหนื่อยเปล่า การมองตากัน แล้วรู้สึกได้ถึงกันและกันพร้อมที่จะปรับจูนกันอยู่ตลอดเวลา เป็นสัญญาณที่บ่งบอกได้ชัดว่า มีโอกาสสูงที่คุณจะได้เข้าไปอยู่ในบ้านที่ตัวเองฝันและเป็นของกันและกัน มันจะมีความสุขมาก แต่ถ้าหากว่าบ้านหลังนั้น ยังคงรอกุญแจดอกใดดอกหนึ่งที่จะเข้าไปไขมันได้ คุณเองก็สามารถสร้างกุญแจนั้นได้ด้วยการหล่อหลอมจากตัวของคุณเอง และทำมันให้คู่ควรอย่างแท้จริง
แต่ถ้าหากว่าบ้านหลังนั้น มีคนเข้าไปอยู่แล้ว ก็คงทำได้เพียงแค่ยินดีและชื่นชม ยืนมองดูให้กับอดีตที่สวยงาม หลังจากนั้นคงต้องหาบ้านหลังใหม่ต่อไป ตัวเราเอง ก็เป็นทั้งกุญแจ และเป็นบ้านในตัวด้วยเช่นกัน อย่าลืมเปิดบ้านให้คนอื่นเข้ามาเยี่ยมชมทุกครั้ง บางทีเขาอาจจะมีกุญแจบ้านของเราอยู่ก็เป็นได้
Let Me In & Let You In Too 🙂
โฆษณา