11 ก.พ. เวลา 05:00 • ธุรกิจ

ส่อง ‘ARM’ ซูเปอร์สต็อกตัวใหม่? ออกแบบ 90% ของชิปสมาร์ตโฟนโลก

ส่องธุรกิจหุ้น “ARM” โดยเกือบทุกแบรนด์สมาร์ทโฟนต้องใช้สถาปัตยกรรมชิปจากบริษัทนี้ทั้งสิ้น หลังราคาหุ้นพุ่งสูงสุดกว่า 50% ในวันเดียว จน Forward P/E ขณะนี้แซง Nvidia แล้ว สิ่งนี้บ่งบอกว่า ARM เป็นซูเปอร์สต็อกแห่งยุคตัวใหม่หรือไม่
เมื่อโลกทุกวันนี้เข้าสู่เทรนด์ AI เกือบทุกผลิตภัณฑ์จึงใส่ลูกเล่น AI เข้ามา เพื่อไม่ให้ตกขบวน เช่น Samsung Galaxy S24 ที่ใช้ AI เป็นจุดขาย ไม่เว้นแม้แต่ Apple ก็ประกาศว่า รอพบ AI ในผลิตภัณฑ์เร็ว ๆ นี้
กระแสเช่นนี้ นอกจาก Nvidia ที่ได้ประโยชน์แล้ว ยังมีอีกบริษัทหนึ่งที่ได้รับอานิสงส์ด้วย นั่นคือ “ARM” บริษัทที่ออกแบบชิปในสัดส่วน 90% ของสมาร์ทโฟนทั่วโลก
ความเก่งเช่นนี้ ได้ทำให้ Nvidia พยายามซื้อกิจการของ ARM ในปี 2565 ด้วยมูลค่า 40,000 ล้านดอลลาร์ เพื่อคุมตลาดเซมิคอนดักเตอร์อย่างครบวงจรมากขึ้น แต่ดีลซื้อกิจการนี้กลับล่มลง เพราะหน่วยงานกำกับดูแลในสหรัฐ สหราชอาณาจักร และสหภาพยุโรปกดดัน และแสดงความกังวลต่อการควบรวมนี้
📌​ผลประกอบการดีเกินคาด ดันหุ้นพุ่งติดจรวด
สำหรับผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของบริษัท ปรากฏว่าสูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ดังนี้
- รายได้ 824 ล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่เหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 763 ล้านดอลลาร์
- กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.29 ดอลลาร์ สูงกว่าที่เหล่านักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 0.25 ดอลลาร์
ด้วยเหตุนี้ ราคาหุ้น ARM จึงพุ่งสูงสุดถึง 64% ในวันพฤหัสบดี (8 ก.ย. 2567) ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าตลาดราว 4.5 ล้านล้านบาท และทำให้ P/E ล่วงหน้าของ ARM ถูกซื้อขายกันที่ 90 เท่า สูงกว่าหุ้น Nvidia ที่ 33 เท่า และ AMD ที่ 46 เท่า ส่วนราคาหุ้นในปัจจุบัน (9 ก.พ. 2567) ได้ปรับตัวลงเล็กน้อย โดยอยู่ที่ราว 114 ดอลลาร์
ล่าสุด เรเน ฮาส (Rene Haas) ซีอีโอของ ARM ให้ความเห็นเกี่ยวกับบริษัทตัวเองว่า “หลายผลิตภัณฑ์ด้าน AI ที่คุณเห็นมา ไม่ว่าจะเป็นชิป NVIDIA Grace Hopper 200 ในการประมวลผลด้าน AI, สมาร์ทโฟน Google Pixel 6 ที่ใช้โมเดล AI Gemini, สมาร์ทโฟน Samsung Galaxy S24 ที่มาพร้อมฟังก์ชัน AI ล้วนทำงานอยู่บนสถาปัตยกรรมชิปแบบ ARM ทั้งสิ้น”
📌​2 แบงก์ยักษ์ใหญ่ มองบวกแนวโน้ม ARM
ด้านธนาคาร JPMorgan มองว่า การเพิ่มขึ้นของผู้ใช้งาน AI ใน Data Center, รถยนต์ไร้คนขับ และระบบเครือข่ายต่าง ๆ ช่วยเพิ่มความต้องการชิปที่ออกแบบโดย ARM จึงแนะนำให้เพิ่มน้ำหนักการลงทุน พร้อมให้เป้าหมายราคาที่ 100 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 70 ดอลลาร์
ขณะที่ธนาคาร Goldman Sachs ก็ปรับคำแนะนำเป็นซื้อเช่นกัน โดยมองว่าการเติบโตของ Data Center และบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันที่ต้องร่วมมือกับ ARM อย่าง Amazon, Microsoft และ Nvidia จะเป็นตัวพารายได้เติบโตไปด้วยกัน จึงให้เป้าหมายราคาที่ 95 ดอลลาร์ จากเดิมที่ 65 ดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม แม้เหล่านักวิเคราะห์จะออกมาแนะนำซื้อหุ้น นักลงทุนอาจจำเป็นต้องทำการบ้านก่อนการลงทุนว่า ราคาที่พุ่งขึ้น 50-60% ในวันเดียวนี้ แพงเกินไปหรือไม่เมื่อเทียบกับการเติบโตในอนาคต
จุดแตกต่างระหว่างหุ้นสหรัฐกับหุ้นไทย คือ หุ้นสหรัฐไม่มีกรอบ Ceiling หรือ Floor ในวัน จึงทำให้ราคาสามารถพุ่งแรงสูงถึง 100% หรือดิ่งลง 80% ก็ได้เช่นกัน ซึ่งควรใช้ความระมัดระวังในการลงทุน
สามารถอ่านฉบับเต็มได้ที่: https://www.bangkokbiznews.com/business/1112549
1
โฆษณา