9 ก.พ. เวลา 15:32 • ความคิดเห็น
เรื่องอารมณ์นั่น มันเกิดขึ้น มันก็นำพาให้เกิดเรื่องราวต่างๆมากมาย คนเราเวลามาอยู่ร่วมกัน ก็เอาเรื่องนั้นเรื่องนี้มาคุยกัน ส่วนมากอารมณ์มันผุดขึ้นมา (กรรม) ไปคล้องเรื่องนั้นเรื่องนี้ เอาเข้า ทำตนเป็นผู้อวดรู้ อวดเก่ง รู้เรื่องคนคนนั้นคนนี้ วิพากษ์วิจารณ์ ..สนุกบันเทิงอารมณ์ ของตัวนินทา .เวลาดูละคร..แหม บางที่ไอ้ตัวนินทา มันสรรหาสารพัดคำพูด เชือดเฉือน ทำยังกับพวกนั้นเป็น ภูตผีปีศาจ
..แต่กลับมองไม่เห็นผีปีศาจที่มันครองปากครองหู หน้าตามันไปหมด ..เวลาไอ้ตัวนินทา..มันเกิดขึ้น ที่กายใคร ..มันก็ไปยืมรูปนั้น ..ชื่อนั้นชื่อนี้ เอามาพูด .นั่นมันกรรม ที่เกิดขึ้นที่ตัวเค้า อารมณ์ของเค้า เร่ไปแก้ไขอารมณ์กรรมของเค้าไม่ได้ ..ทิฐิความคิดเห็นอะไรเค้าไม่ได้ ..
..ส่วนเรา. เรารู้จักตัวเอง ..ไม่เป็นอย่างที่ อารมณ์กรรมปรุงแต่งที่กายเค้า .ประกอบมาด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง ของเน่า .คำพูดเน่าๆ มันของเค้า เมื่อเราไปแอ่นอกไปรับ นั่นมันคำพูดของใคร ..เราทำตัวเราปกติ ทำจิตให้เฉยเป็นปกติ ..เพราะนิสัยเราไม่ใช่อย่างนั้น เราไหว้เค้า แต่เราไม่ไปยึดเค้า ไม่ยึดเรื่องที่เค้าพูด .เพราะเรารู้อยู่แก่ใจ ..ว่ามันไม่จริง .ปล่อยวางอารมณ์นั้นไป ไม่ไปยึดอารมณ์กรรมของเค้า อารมณ์นั้นมันคือกรรม .มันก็ไหลไปหาเค้าเอง เหมือนปาลูกบอลเค้าช้างฝา แรงมาก็สะท้อนไปหาเจ้าของเอง..
บางที เราอยู่ในกลุ่มคน ..เรื่องที่เค้าว่า กิริยา ของกายวาจาใจ นั่นเป็นอย่างไร เราก็ดูเอา ระกว่างคนที่เค้าดี คนที่ไม่ดีอันธพาล คนที่มีแต่อารมณ์ ใช้อารมณ์มากก็กรรมมาก .เราก็ค่อยๆดูเอาว่าจริงมั้ย ..แล้วมันมีความสุขมั้ย เมื่อเค้าทำแบบนั้น
..เราดูเค้า เราก็มาตรวจสอบตัวเรา ..เราแก้ไขตัวเราเอง..คนดีอยู่ที่ตัวเรา ไม่ได้มีใครมาทำให้เราดี เป็นคนดีได้เลย หากเราไปตอบโต้ อารมณ์ทิฐิไม่ยอม มันก็เกิดที่ตัวเรา ..แล้วเรามีความสุขมั้ย
..นั่นก็เป็นเรื่องราวที่เราเรียนรู้จักที่จะอ่านอารมณ์นึกคิดในตัวเรา ว่ามันพาให้เราเดือดร้อน ..พาไปเรื่องทุกข์กายทุกข์ใจ ..เราก็ใช้สติที่เรามี ใคร่ครวญดูน่ะ ..เราก็เป็นผู้ที่ปัญญา เค้าให้ติดตัวเรามา เราก็เรียบเรียงเอาดีไม่ดี ..เราเรียนรู้ ..ในสิ่งที่ตาเห็น หูได้ยิน ..รู้ว่ามันไม่ดี เราก็วางมันไป.. แล้วเราก็อยู่กับเค้าได้ เป็นปกติ โรงเรียนชีวิตนี้ บางที่ก็เหมือนเด็กอนุบาล ..มีเรื่ิองนั้นเรื่องนี้ วุ่นวาย ..อารมณ์เหมือนเด็กๆ
โฆษณา