จริงๆ แล้วสตาร์ทอัพเกิดขึ้นนานแล้ว เช่น บริษัท British East India ซึ่งอาจสามารถเรียกได้ว่า The pre-startup แต่ถ้าจะพูดถึงจุดเริ่มต้นของสตาร์ทอัพในยุคปัจจุบันมักมีการโยงถึง Silicon Valley ในรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งเป็นศูนย์กลางของ Tech company ในปัจจุบัน ตัวอย่างของสตาร์ทอัพรุ่นแรกๆ เช่น International Business Machines หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ IBM ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1911
ได้มีผู้ตั้งเกณฑ์ในการพิจารณาว่าสตาร์ทอัพนั้นๆ โตเกินกว่าจะเรียกว่าสตาร์ทอัพหรือไม่โดยใช้กฎ The 50-100-500 rule โดยผู้กำหนดเกณฑ์นี้คือ Alex Wilhelm โดยถ้าสตาร์ทอัพรายใดมีตัวเลขถึงหรือเกินจำนวนที่กำหนดก็ถือโตเกินกว่าที่จะเรียกว่าสตาร์ทอัพได้แล้ว
ในขณะที่ SME มีโครงสร้างองค์กรที่เน้นในเรื่องการส่งมอบคุณค่าให้กับกลุ่มลูกค้าของตัวเอง ดังนั้นโครงสร้างองค์กรของ SME จึงไม่ต้องมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆหรือต้องเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
FUNDING: สำหรับสตาร์ทอัพเพื่อที่จะสามารถเติบโตเป็นองค์กรขนาดใหญ่ที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับวงการได้ ต้องมีการระดมหรือหาเงินทุน หาผู้ร่วมลงทุนทั้งการแชร์ผลกำไร หรือการหานักลงทุนมาลงทุนในโครงการ ในขณะที่ SME เจ้าของธุรกิจจะดำเนินธุรกิจด้วยตัวเองหาเงินทุนเอง ซึ่งอาจเป็นเงินทุนส่วนตัวหรือการกู้ยืมจากธนาคาร