13 ก.พ. เวลา 18:18 • หนังสือ

โปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น

หนังสือโปรดเยียวยาใจฉันด้วยหนังสือเล่มนั้น
เขียนโดย เทราดะ มาริโกะ
แปลโดย ทินภาส พาหะนิชย์
เล่มนี้เป็น"คู่มือใช้หนังสือเพื่อฟื้นฟูความสุขในชีวิต"
คุณเทราดะ มาริโกะ ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสมาคมหนังสือบำบัดแห่งประเทศญี่ปุ่น ทำงานเป็นทั้งนักเขียน และนักแปลด้วย
คุณมาริโกะ คือผู้ที่มีประสบการณ์การใช้หนังสือเยียวยาตัวเองจนหายจากโรคซึมเศร้ามาแล้ว ก็เลยจัดตั้งสมาคมหนังสือบำบัดขึ้น เพื่อเผยแพร่พลังของหนังสือในการเยียวยาผู้คน
วิธีเยียวยาจิตใจที่เปราะบางก็มีอยู่มากมาย แล้วแต่สไตล์ของแต่ละคน แต่อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเยียวยาเราได้ ไม่ว่าจะเป็นช่วงเหนื่อยล้า จนไม่อยากลุกจากที่นอน ช่วงที่ท้อแท้จนไม่อยากหยิบจับอะไร หรือตอนที่ผิดหวังกับเรื่องต่างๆ จนอยากหนีไปไกลๆ วิธีที่ว่านี้คือ "การเยียวยาจิตใจด้วยหนังสือ หรือ หนังสือบำบัด (Bibliotherapy)"
ถ้าเราอ่านหนังสือแล้วรู้สึกโล่งขึ้น นั่นคือการใช้หนังสือเยียวยาตัวเองโดยไม่รู้ตัว ต่างคนต่างใช้หนังสือเยียวยาในลักษณะแตกต่างกันไป แต่สิ่งที่เหมือนกันคือ การอ่านหนังสือส่งผลดีต่อร่างกาย และจิตใจ
หนังสือบำบัดไม่ใช่แค่อ่าน การเขียนหนังสือหรือแต่งกลอนก็เป็นวิธีเยียวยาอย่างหนึ่ง เขียน"ความรู้สึกของตัวเอง" ทำให้กล้าเผชิญโลกภายนอกมากขึ้น จนนำไปสู่การเยียวยาตัวเองได้เช่นกัน
1
หนังสือที่เราสามารถอ่านเพื่อเยียวยาไม่ได้มีแค่ผลงานคลาสสิกชื่อดัง แต่มีขอบเขตกว้างมาก (หลากหลายประเภท) และไม่จำเป็นต้องอยู่ในรูปแบบหนังสือ จะเป็นบทความ เนื้อเพลง อักษรเบรลล์ หรือหนังสือเสียงก็ได้ ที่จริงอาจใช้สื่อได้หลายชนิด บางคนเลือกใช้ภาพยนตร์หรือเพลง แต่พอเป็นหนังสือบำบัด จึงเน้นหนักไปที่ตัวหนังสือและภาษา
บางคนคิดว่าใช้งานอินเทอร์เน็ตสะดวกกว่า ดูวิดีโอคลิปก็ได้ข้อมูลเยอะกว่าการอ่านหนังสือ แต่เวลาที่จิตใจอ่อนล้า สื่ออิเล็กทรอนิกส์จะยิ่งเพิ่มความอ่อนล้าในยามที่สมองล้า "หนังสือจะรอคอยเราอย่างซื่อสัตย์ เราจึงเลือกอ่านตามจังหวะชีวิตของตัวเองได้
เวลาเราทุกข์หรือมีปัญหา หนังสือจะให้กำลังใจ หนังสือมีพลังมหาศาล เลือกหนังสือที่เหมาะกับตัวเอง เพื่อตัวเอง หนังสือทั้งหมดทั้งมวลจะกลายเป็นเพื่อนเรา ไม่มีอะไรน่าอุ่นใจไปมากกว่านี้แล้ว"
หนังสือมีประโยชน์มากกว่าที่คิด
•ในบรรดาวิธีผ่อนคลายความเครียดนั้น การอ่านหนังสือได้ผลมากที่สุด ลดความเครียดได้ถึง ๖๘ %
ทำให้นอนหลับสบายและอายุยืน ถึงขนาดมีการวิเคราะห์โดยใช้ AI ว่าการอ่านหนังสือช่วยยืดอายุขัยได้ดีที่สุด
1
•หนังสือช่วยเยียวยาความเจ็บปวดทางกายได้ เพราะเรารับความรู้ที่ถูกต้องแล้วนำมาปรับใช้
•หนังสือช่วยลดอาการติดสารเสพติดได้ทุกประเภท เช่นสุรา โคเคน กระทั่งโรคคลั่งผอม
•หนังสือช่วยกระตุ้นความทรงจำของผู้สูงอายุที่เป็นโรคสมองเสื่อม โดยอ่านบทกวีที่พวกเขาเคยอ่านเมื่อนานมาแล้ว เป็นการบำบัดด้วยการรำลึกความหลังประเภทหนึ่ง
•ได้เจอคำพูดที่มีพลัง และมีคลังคำศัพท์มากขึ้น จึงทำให้เราถ่ายทอดความรู้สึกของตนเองได้ดียิ่งขึ้นด้วย
•เวลาเผชิญปัญหาในชีวิต หนังสือช่วยให้เรามองเห็นสิ่งที่ใหญ่กว่าตัวเรา และนำสิ่งเหล่านั้นมาช่วยแก้ปัญหา หรือทำให้ตัวเรามีความสุข
1
•หนังสือทำให้รู้จักมุมมองที่กว้างขึ้น เราจึงเห็นรายละเอียดของโลกรอบตัวได้ดีขึ้น พบว่าโชคดีเกิดขึ้นกับเราได้ทุกวัน เราจะใช้ชีวิตได้ดีขึ้น และเติบโตเป็นคนที่ดีขึ้นได้
•หนังสือช่วยให้เราเข้าใจตัวเองและผู้อื่น จากการเรียนรู้ประสบการณ์ที่คล้ายกัน เกิดความรู้สึกเห็นอกเห็นใจ ช่วยให้รู้ว่าเราไม่ได้โชคร้ายอยู่คนเดียว
1
•เราได้เรียนรู้ประสบการณ์ และความคิดของผู้คนมากมายจากหนังสือ นำมาเป็นตัวอย่างในการแก้ปัญหาชีวิตเราได้
•หนังสือช่วยพัฒนาความคิด ทำให้เรามองสิ่งรอบตัวในมุมใหม่ และมีความคิดที่ลึกซึ้งขึ้น
•หนังสือช่วยเชื่อมโยงประสบการณ์ให้เราเข้าใจความสัมพันธ์ของสิ่งต่างๆ ระหว่างตัวเองกับคนอื่น ระหว่างสิ่งที่คิดกับสิ่งที่ทำ เราจึงมีความสุขขึ้น และเป็นคนที่ดีขึ้น
•หนังสือช่วยให้เรามองเห็นภาพรวม เมื่ออ่านหนังสือโลกของเราจะเปิดกว้าง เราจะสนใจสิ่งรอบตัวในหลายมิติ ทั้งคนรอบข้าง สภาพสังคม โลก และตัวเราในระดับที่ลึกขึ้น
•การอ่านหนังสือจะกระตุ้นจิตใจและจินตนาการ เราจะรู้สึกผ่อนคลาย และได้เรียนรู้วิธี"จัดการอารมณ์" เราสัมผัสถึงภาษาที่งดงามในหนังสือ ทำให้เรารู้สึกมีความสุข เวลาอ่านหนังสือเราจะจดจ่อ เป็นการฝึกสมาธิได้ด้วย
1
•การอ่านหนังสือทำให้เราเข้าใจสภาพของตนเอง รักตัวเอง และเริ่มเชื่อมั่นในตัวเอง "ส่งเสริมการยอมรับในตัวเอง"
•การอ่านหนังสือทำให้เรา"มีพลังไปเผชิญหน้ากับความจริง"ทางสังคม ทางจิตใจ และทางความรู้สึก
•"หนังสือช่วยบำบัดอาการซึมเศร้า"และลดการกินยาลงได้ โดยหนังสือสองเล่มที่พิสูจน์แล้วว่าช่วยบำบัดอาการซึมเศร้าได้ดีคือ Feeling Good และ The Feeling good Handbook เขียนโดย เดวิด เบิร์น
หนังสือช่วยพัฒนาตัวเราและเยียวยาได้ไม่มีจุดสิ้นสุด
หลายคนซื้อหนังสือมาดอง ถ้าซื้อมาเก็บไว้...เดี๋ยวเราก็อ่านเอง ถึงจะอ่านหลังจากซื้อมาหลายปี แต่นั่นคือจังหวะของเรา เชื่อว่าการอ่านจะเกิดขึ้นในเวลาที่เหมาะสม
สิทธิของผู้อ่าน : สิทธิที่จะไม่อ่าน อ่านข้าม อ่านไม่จบ อ่านซ้ำ อ่านอะไรก็ได้ อ่านที่ไหนก็ได้ สิทธิที่จะแย่งกันอ่าน สิทธิที่จะอยู่ในโลกจินตนาการของหนังสือ สิทธิที่จะอ่านออกเสียงก็ได้ หรือนั่งเงียบๆก็ได้
ท้ายเล่มของหนังสือเล่มนี้มี case study ตัวอย่างจริงของคนที่เผชิญภาวะต่างๆ แล้วต้องการใช้หนังสือบำบัด เพื่อให้เราได้ใช้เป็นแนวทาง ถ้าเราต้องการเลือกหนังสือมาบำบัดตัวเองด้วยค่ะ
โทมัส ซิเดนแฮม นายแพทย์ชาวอังกฤษในศตวรรษที่ ๑๗ ได้กล่าวไว้ว่า
หนังสือมีสรรพคุณเหนือกว่ายานับร้อยชนิด
โทมัส ซิเดนแฮม
ถ้าต้องการพิสูจน์ว่ายานี้ให้ผล และคุณค่ากับชีวิตได้จริงหรือไม่ ก็ต้องอ่านหนังสือค่ะ 😊
โฆษณา