14 ก.พ. เวลา 11:41 • กีฬา

#MainStand : รักครั้งใหม่ชุบชีวิต ของจอมแอสซิสต์ ‘เควิน เดอ บรอยน์’

เจ้าแห่งการแอสซิสต์ , ตัวเดียวเสียวทั้งลีก , มิดฟิลด์เท้าชั่งทอง แฟนบอลทั่วโลกรู้จัก ‘เควิน เดอ บรอยน์’ ในสมญานามนี้ จนเราอาจลืมอดีตของเขาไปเลยว่า ครั้งหนึ่งก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นนักเตะที่เก่งกาจราวเทพประทาน เดอบรอยน์ เคยเป็นคนที่เทวดาฟ้าดินไม่เข้าข้าง และ ลงโทษให้เขาอกกลัดหนองเจียนตายมาแล้ว เนื่องในวันแห่งความรัก เราจึงอยากเปิดเผยเรื่องราวในมุมนี้ของ เดอ บรอยน์ เพื่อเป็นข้อคิดให้กับทุกคน ติดตามเรื่องราวของเขาในบทความสั้นชิ้นนี้
คำแนะนำ คนอกหัก และ คนโสดควรอ่านเป็นอย่างยิ่ง!
2
[เบลเยียม-ลอนดอน-เยอรมัน]
เคยได้ยินประโยค ‘ได้อย่าง เสียอย่าง’ กันไหม? หรือหลายคนอาจเคยโดนหมอดูทัก
“การงานรุ่งเรือง ความรักรุ่งริ่ง ถ้าอยากเสริมให้เด่นทุกด้าน ต้องเปลี่ยนเบอร์โทรศัพท์เป็นเบอร์มงคล”
แย่หน่อยที่ เควิน เดอ บรอยน์ เป็นคนเบลเยียม เขาถึงใช้ชีวิตมุ่งมั่นอยู่แค่ในสนามซ้อมและสนามแข่ง โดยไม่มีใครทักท้วงว่า การที่เขาโฟกัสแต่เรื่องงาน 100% นั้น มันทำให้ความรักของเขาค่อยๆเปราะบางลง
เดอ บรอยน์ มีแฟนที่คบกันมานานตั้งแต่สมัยเยาวรุ่น ชื่อ แคโรไลน์ ไลจ์เน่ สาวเบลเยียมหน้าตาจิ้มลิ้ม ทั้งคู่คบหากันถึงขั้นที่ว่าวางแผนจะแต่งงาน ไลจ์เน่ สนิทกับครอบครัวเดอ บรอยน์ และเธอเองก็วางเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต ที่ไม่ว่าในอนาคตเขาจะย้ายไปไหน เธอก็พร้อมจะย้ายสำมะโนครัวตามไปด้วยแม้จะยังไม่ได้ตบแต่งก็ตาม
จนในที่สุดปี 2012 ไลจ์เน่ ก็ได้เก็บกระเป๋าเตรียมย้ายบ้านสมใจอยาก หลัง เดอ บรอยน์ ถูกเชลซีซื้อตัวไปร่วมทีม เธอจะไปเป็นสาวลอนดึ่น! และจะได้เริ่มเส้นทางการเป็นนักเทนนิสอาชีพแบบเต็มตัวที่ออลอิงแลนด์คลับด้วย เพราะเธอชอบเล่นเทนนิส และมีความฝันอยากจะเป็นนักกีฬาอาชีพเช่นกัน
แต่แล้วมันก็แป้ก เพราะเชลซี ปล่อยให้ เดอบรอยน์ กลับไปเล่นกับเกงค์ด้วยสัญญายืมตัวจนจบฤดูกาลก่อน ซึ่งเอาจริงๆก็ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายเท่าไหร่นัก เพราะในเคสของ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เพื่อนร่วมอคาเดมี่ ที่ย้ายซบเชลซีก่อนหน้าเขา 1 ปี ก็ถูกปล่อยให้แอต.มาดริดใช้งาน
หลังสิ้นสุดภารกิจกับเกงค์ เดอ บรอยน์ กลับมาที่เชลซี ไลจ์เน่เองก็เตรียมจะบินมาตั้งรกรากกับเขาอีกครั้ง แต่ทั้งคู่อาจจะลืมคิดไปว่าการเป็นนักฟุตบอล ชีวิตไม่ได้ถูกกำหนดที่สองเท้าของตัวเองเท่านั้น มันขึ้นอยู่กับผู้จัดการทีมและบอร์ดบริหารด้วย
ซึ่งโชเซ่ มูรินโญ่ ผู้จัดการทีมเชลซี ณ เวลานั้น มองว่า เดอ บรอยน์ ดีแต่ยังไม่พอที่จะเข้ากับระบบของทีมชุดใหญ่ สโมสรจึงตัดสินใจจับเดอ บรอยน์ ใส่เครื่องบินอีกครั้ง แต่คราวนี้จุดหมายปลายทางคือ เบรเมน เมืองทางตอนเหนือของเยอรมนี
จากลอนดอน สู่ เยอรมนี ความศิวิไลซ์ ก็แตกต่างกันไปตามภูมิประเทศและวัฒนธรรม ซึ่งมันไม่ใช่ปัญหาสำหรับ เดอ บรอยน์ เลย แม้ใจจะอยากพิสูจน์ตัวเองให้มูรินโญ่ได้ประจักษ์ แต่ขณะที่เขาเหยียบย่ำผืนหญ้าอยู่ที่เยอรมนี เขาก็ตระหนักเสมอว่า ในเมื่อลีกอังกฤษประเมินเขาต่ำเตี้ย เขาจะทำให้คนทั้งโลกได้รู้จักผ่านเวทีบุนเดสลีกา เขาตั้งหน้าตั้งตาทำ ทำแล้ว ทำอีก ทำอยู่ และทำต่อ
จนกระทั่งเยอร์เกน คล็อปป์ ที่ตอนนั้นคุมดอร์ทมุนด์ เห็นมันสมองและของในตัวไอ้หนุ่มเดอ บรอยน์ ยื่นข้อเสนอให้เขาไปค้าแข้งด้วย
2
ชีวิตเดอ บรอยน์ตอนนั้น แสนแจ่มจ้าเจิดขวัญ เขากลายเป็นกองกลางดาวโรจน์ที่ทีมใหญ่หมายตา สิ่งที่ทำได้คือต้องทำในสิ่งที่ดีอยู่แล้วให้มากขึ้นไปอีก เพื่อที่เขาจะได้กลายเป็นผู้ที่บรรลุในสัมมาอาชีพและเป็นผู้เลือกมากกว่าคนถูกเลือก
ไม่แปลกที่ เดอ บรอยน์ จะมีแต่คำว่าฟุตบอลอยู่ในหัวสมองของเขา และก็ไม่แปลกเช่นกัน ที่ว่าที่คู่ชีวิตอย่าง ไลจ์เน่ จะเริ่มรู้สึกว่าเธอเป็นส่วนเกินในความสัมพันธ์ครั้งนี้…
เพราะหลังจาก เดอ บรอยน์ ทุ่มเทความรักให้กับฟุตบอลอย่างเดียว ไลจ์เน่ ก็นอกใจเขา
#ด้วยการวันไนท์สแตนด์กับติโบต์ กูร์กตัวส์ เพื่อนที่เติบโตมาพร้อมๆกันกับเดอ บรอยน์ ในแคมป์อคาเดมี่ และ เพื่อนร่วมทีมชาติเบลเยียม
กูร์กตัวส์ และ ไลจ์เน่ เริ่มความสัมพันธ์โดยที่เดอ บรอยน์ ไม่ระแคะระคาย เพราะไลจ์เน่ เข้าหากูร์กตัวส์ในลักษณะขอคำปรึกษา เพราะเขาเป็นเพื่อนสนิทของเดอ บรอยน์ จึงอยากได้คำแนะนำกับความสัมพันธ์ที่มันอึดอัด และ ระบายความรู้สึกที่เดอ บรอยน์ ไม่คิดจะรับฟังเธอ
“เขาไม่เคยปลอบฉัน ไม่เคยทำอาหารให้กินด้วยซ้ำ แต่กูร์กตัวส์ทำสิ่งนั้นให้ฉัน เขาปฏิบัติกับฉันจนฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่มีค่าจริงๆ”
ไลจ์เน่ ยอมรับแบบหมดเปลือก เธอให้เหตุผลว่า เดอ บรอยน์ ไม่เคยเติมเต็มความรักให้เธอเลย มันเป็นการก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 แบบซังกะตาย เธอเหมือนถูกทิ้งไว้กลางทาง ความรู้สึกที่ว่าเป็นคนพิเศษและความโรแมนติกไม่มีอีกแล้ว แต่กูร์กตัวส์เข้าใจเธอ และค่ำคืนนั้นเธอเป็นเหมือนเจ้าหญิงในอ้อมกอดของเขา
ในตอนแรก ไลจ์เน่ ให้สัมภาษณ์สื่อแค่นั้น แต่ในวันที่เดอ บรอยน์ เขียนหนังสืออัตชีวประวัติโดยมีการพาดพิงเธอ เธอจึงออกมาสวนว่า เขาเคยนอกใจเธอก่อน ไปคุยกับเพื่อนสาวในแก๊งของเธอนั่นแหละ แต่ที่เธอไม่พูด เพราะครอบครัวของเดอ บรอยน์ ขู่จะเล่นงานทางกฎหมาย
จะเป็นการเอาคืนหรือความเหงาอย่างไรก็ตามแต่ ท้ายที่สุด เดอ บรอยน์ กับ ไลจ์เน่ ก็ตัดสินใจจบความสัมพันธ์ แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตโดยที่เดอ บรอยน์ พยายามปิดปากไม่พูดถึงเรื่องนี้ให้มากที่สุด
เขาทำตัวเหมือนไม่มีเรื่องนี้เกิดขึ้น แม้ในช่วงแคมป์ทีมชาติสื่อจะพยายายามแหย่ถาม ใส่สีตีประเด็น แต่เดอ บรอยน์ เป็นฝ่ายที่ต้องการให้เรื่องนั้นมันเป็นแค่เรื่องส่วนตัวที่ตายไปกับความรักแล้ว และโฟกัสกับทีมชาติ โดยที่ผู้รักษาประตูต้องชื่อ ติโบต์ กูร์กตัวส์ เท่านั้น แม้มาร์ค วิลม็อตต์ กุนซือจะถามเดอ บรอยน์ ย้ำว่า ต้องการให้ตัดชื่อเพื่อนที่แทงข้างหลังเขาออกจากทีมเพื่อความสบายใจไหม แต่เดอ บรอยน์ เอาอคติในใจออกไป เพราะ ณ ตอนนั้น เขามองหาผู้รักษาประตูที่ดีกว่ากูร์กตัวส์ไม่เจอจริงๆ
[นางฟ้าที่มาพร้อมรถพยาบาล]
ทุกอย่างผ่านไปเหมือนไม่เคยมีข่าวฉาวเกิดขึ้น เดอ บรอยน์ ยอมรับว่าช่วงเวลานั้นเขาก็เหมือนคนอกหักทั่วไป ที่มีอารมณ์คล้ายซึมเศร้า ดิ่ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเดอ บรอยน์ จะเปิดฝักบัวรดน้ำใส่ตัวเองแล้วร้องไห้ หรือ กินเบียร์วันละลังแบบวัยรุ่นชาวสยามหรือเปล่า
แต่เขากลายเป็นคนที่ปลงกับความรักไปเลย จนกระทั่งวันหนึ่ง โซเชียล มีเดีย ก็นำพายาสมานแผลใจมาให้เขา
“ตอนนั้นผมยังไม่ได้มีชื่อเสียงมาก (ปี 2014) ผมยังเป็นนักเตะยืมตัวของเบรเมนอยู่เลย และคนตามในโซเชียล มีเดียหลักพันเอง ผมจำได้ว่า ผมโพสต์ข้อความว่าจะมีแข่ง แล้วก็มีผู้หญิงที่ใช้รูปโปรไฟล์สวยมาก Favorite” เขาเล่าย้อนความ
“พอมันเด้งขึ้นมา ผมก็เข้าไปดูโปรไฟล์เธอ แล้วก็อุ้ย (เสียงพี่หนุ่ม) เธอน่ารักดี เพื่อนผมก็มามุงดู แล้วทุกคนก็เชียร์ให้ผมทักข้อความไปหาเธอ เพราะผมโสดแล้วไง”
แต่เดอ บรอยน์ ก็ไม่ได้มีความมั่นใจที่จะทักเธอไปในทันที ณ เวลานั้นเขาประเมินตัวเองว่าเป็นไอ้หนุ่มจืดชืด ธรรมดา ไร้ซึ่งเสน่ห์ แต่ในเมื่อฝั่งตรงข้ามเป็นสาวสวยสะโอดสะอง ที่อุตส่าห์สละเวลามากดชื่นชอบทวีตของเขาขนาดนี้ จะไม่ทักไปขอบคุณก็ดูจะเสียมารยาทว่าไหม?
เขาตัดสินใจทักเธอไป ‘มิเชล ลาครัวซ์’ นางแบบและอินฟลูเอนเซอร์สาวชาวเบลเยี่ยม ที่ตอนนั้นเธอเรียนด้านการบริหาร และทำบล็อกแนวให้กำลังใจผู้ใจ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลหลักแสน และเธอก็ตอบข้อความเขา จุดเริ่มต้นมาจากวันนั้น…ทั้งคู่แชทคุยกันแบบไม่เห็นหน้าอยู่ 3 เดือน ก่อนจะนัดเจอและสานสัมพันธ์กันโดยที่อัจฉริยะด้านฟุตบอลที่เป็นผู้ประสบภัยด้านความรักอย่าง เดอ บรอยน์ ไม่ได้คาดหวังเลยว่า เธอจะก้าวเข้ามาเป็นคู่ ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตเขาให้ดีขึ้นในหลายๆด้าน
ความรักของ เดอ บรอยน์ ครั้งนี้มันเหมือนกามเทพส่งคนเทสเดียวกันมาเจอกัน เดอ บรอยน์ เป็นคนที่ทำงานหนัก และ ให้เกียรติอาชีพของตัวเองมาก เช่นเดียวกับ มิเชล เธอไม่ได้ใช้แค่ความสวยหากิน แต่เธอใช้มันเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานเท่านั้น เพราะนอกจากการเป็นนางแบบ มิเชล มีรายการพอดแคสต์ที่ชื่อว่า your dose of girl talk และทำมูลนิธิเกี่ยวกับเด็ก
1
เธอใช้ภาพลักษณ์ของเธอส่งต่อพลังงานด้านบวก ซึ่งมันไม่ได้ช่วยแค่คนในคอมมูนิตี้ที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของเธอเท่านั้น เพราะสิ่งที่เธอทำออกมา มันมีอิทธิพลกับชายที่ชื่อว่า เควิน เดอ บรอยน์ ด้วย
จากที่เคยมองว่าความรักความใจใส่เป็นเรื่องรอง นับตั้งแต่มิเชลก้าวเข้ามา แม้แต่อาหารเขาก็ตักให้ภรรยาก่อนเสมอโดยที่เธอไม่ต้องร้องขอ จนครั้งหนึ่งถูกแซวว่า เป็นจอมแอสซิสต์ทั้งในและนอกสนาม
เขายิ้มง่ายเพราะเธอและลูกๆ ไม่สร้างความสัมพันธ์ที่อึดอัด และแบ่งเวลาให้กับความรักและความฝันได้เท่าๆกันเสมอ 2014 มาจนถึงตอนนี้ ก็ 10 ปีแล้ว ที่เดอ บรอยน์มี มิเชล
“ผมไม่รู้เลยว่า ถ้าไม่มีเธอผมจะอยู่ยังไง” เดอ บรอยน์ ให้คำจำกัดความถึงแฟนสาว ที่ปัจจุบันกลายมาเป็นภรรยา และแม่ของลูกทั้ง 3 คน
ความรักชุบชีวิต…เขายอมรับผ่านหนังสือชีวประวัติว่า เขาผ่านช่วงเวลายากลำบากได้เพราะเธอ เจ็บก็มีมิเชล สุขก็มีมิเชล ทุกข์ก็มีมิเชล ความดำดิ่งความเหน็ดเหนื่อยที่เคยต้องบรรเทามันด้วยตัวคนเดียว ตอนนี้เขามี มิเชล เดอ บรอยน์ ลาครัวซ์ ช่วยแบ่งเบาและเยียวยาทุกความทุกข์ร้อนในใจ และ กลับมาทรงพลังมากขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
ไม่ต้องเค้น ไม่ต้องวิ่งหา ความรักที่พอดีและส่งเสริมชีวิตของคุณ มันอาจจะรอคุณอยู่ที่ไหนสักแห่ง เพื่อปรากฎตัวในวันเวลาที่เหมาะสม เหมือน เควิน เดอ บรอยน์ ไอ้หนุ่มเทสจืดๆที่เคยมีความรักพังๆในวันนั้นก็ได้นะ 🙂 😍
บทความโดย : กุลญา จันทร์กระจ่าง
โฆษณา