15 ก.พ. เวลา 00:09 • ธุรกิจ

Jensen Huang กับเส้นทางสู่การเป็นมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก

ถามว่านักธุรกิจคนใดที่น่าจับตามองที่สุดในยุคนี้ ที่จะก้าวขึ้นมาท้าทายตำแหน่งมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลกที่วนเวียนสลับกันไปกันมาเพียงไม่กี่คนในช่วง 2-3 ปีหลัง เช่น Bernard Arnault เจ้าพ่อ LVMH , Elon Musk สุดยอดซีอีโออินดี้แห่ง Tesla และ SpaceX หรือ Jeff Bezon พ่อค้าจอมผูกขาดแห่ง Amazon
ส่วนตัวผมเองมองว่า Jensen Huang น่าจะเป็นคนหนึ่งที่มีโอกาสขึ้นมาท้าทายตำแหน่งนี้
ต้องบอกว่าด้วยกระแสเทคโนโลยี AI ที่สูบพลังการประมวลผลอย่างบ้าคลั่งในตอนนี้ แน่นอนว่าในมุมหนึ่งมันทำให้งานบางงานตกอยู่ในความเสี่ยง
แต่อีกมุมหนึ่งมันก็ช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมอื่น ๆ อย่างมหาศาลเช่นเดียวกันโดยเฉพาะอุตสาหกรรมการผลิตชิป AI ของ Nvidia
มันเป็นการพุ่งพรวดขึ้นมาอย่างก้าวกระโดดของ Forbes (The richest list in the world) จากอันดับที่ 76 ในปี 2023 พุ่งขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 24 ในปี 2024 และแปรเปลี่ยนสภาพความมั่งคั่งที่พุ่งขึ้นจาก 21.1 พันล้านดอลลาร์ สู่ 55.6 พันล้านดอลลาร์ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี Huang ซึ่งเป็นเจ้าของหุ้น Nvidia 86.9 ล้านหุ้น หรือประมาณ 3.5% กำลังก้าวขึ้นมาท้าทายอันดับมหาเศรษฐีโลกได้อย่างรวดเร็วเหมือนเสือติดปีก
Jensen Huang เดิมชื่อ Jen-hsun Huang เกิดในเมืองไทเปเมืองหลวงของไต้หวันเมื่อปี 1963 ซึ่งเขาได้ใช้เวลาส่วนหนึ่งในวัยเด็กในไต้หวันและประเทศไทยซึ่งพ่อแม่ของเขาได้ไปทำงานอยู่ที่นั่น
ในปี 1973 พ่อแม่ของ Huang ได้ส่งลูกๆ ไปให้ญาติ ๆ ในสหรัฐอเมริกาคอยดูแลเนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบจากสงครามในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ป้าและลุงของ Huang ซึ่งอพยพไปอยู่สหรัฐอเมริกาก่อนหน้านั้น ได้รับเลี้ยงดู Huang และส่งเขาและพี่ชายเข้าเรียนโรงเรียนประจำที่ Oneida Baptist Institute ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาทางตะวันออกของในรัฐเคนตักกี้
Oneida Baptist Institute ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในภูเขาทางตะวันออกของในรัฐเคนตักกี้ (CR:oneidasschool.org)
ที่นั่นเหมือนฝันร้ายของเด็กชาย Huang และพี่ชายของเขา ในวัย 9 และ 10 ขวบ เพราะเด็ก ๆ ที่นั่นต่างพกมีดกัน และเมื่อมีการทะเลาะกัน ก็มักจะมีเด็กบางคนที่ได้รับบาดเจ็บ
โรงเรียน Oneida ก่อตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1890 เพื่อหยุดยั้งกลุ่ม clan ทางตะวันออกของรัฐเคนตักกี้ไม่ให้ฆ่าฟันกันเอง
สำหรับเด็กในท้องถิ่นมักจะได้เรียนฟรี แต่เด็กทุคนต้องทำงาน เช่นเดียวกับ Huang ที่ได้รับมอบหมายให้ทำความสะอาดห้องน้ำ แม้มันจะดูเหมือนแย่แต่ Huang ก็กล่าวว่าเขาชอบตอนได้เรียนอยู่ที่นั่น เพราะมันบ่มเพาะนิสัยหลายอย่างให้กับเขา เพราะที่ Oneida ทุกคนต้องทำงานหนัก เรียนหนัก และเด็ก ๆ ที่นั่นล้วนแล้วแต่มีความแข็งแกร่งมาก ๆ
ท้ายที่สุด Huang และน้องชายของเขาก็ได้ย้ายไปอยู่ที่ Oregon ซึ่งพวกเขาได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันทั้งครอบครัวอีกครั้ง
ในช่วงเวลาที่เขายังเป็นนักเรียนมัธยมปลายในบีเวอร์ตัน เขาเป็นแชมป์เทเบิลเทนนิสในระดับประเทศ หลังจากนั้น Huang เริ่มเข้าเรียนมหาวิทยาลัยที่ Oregon State University (OSU)
ที่ OSU นี่เองที่ทำให้ Huang ได้เปิดหูเปิดตาและได้เห็นถึงความมหัศจรรย์ที่อยู่เบื้องหลังคอมพิวเตอร์ เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้เขาหลงรักเทคโนโลยีตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
Huang ได้พบกับ Lori Mills ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ในห้องแล็ปของเขา ในช่วงปีแรกของการเรียนมหาวิทยาลัย ซึ่งกลายเป็นภรรยาของเขาในอีกห้าปีต่อมา
โดย Huang จบการศึกษาในปี 1984 ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นปีทองของวงการคอมพิวเตอร์ เพราะมันเป็นปีเดียวกับที่เครื่อง Mac ของ Apple ได้ทำการเปิดตัว ซึ่งเป็นการปฏิวัติเข้าสู่ยุคใหม่ของวงการคอมพิวเตอร์อย่างแท้จริง
หลังจบการศึกษาจาก OSU Huang ได้ทำงานในบริษัทชิป LSI Logic และ Advance Micro Devices (AMD) และในช่วงระหว่างทำงานอยู่ Haung ได้เรียนต่อปริญญาโทสาขาวิศวกรรมไฟฟ้าที่ Stanford จนจบการศึกษาในปี 1992 ก่อนที่จะลาออกมาก่อตั้ง Nvidia ในปี 1993 พร้อมไฟที่เต็มเปี่ยม
Huang สมัยที่เริ่มทำงานใหม่ ๆ (CR:Venturebeat)
เป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างยิ่งที่ Nvidia ถือกำเนิดขึ้นในร้านอาหาร Denny’s ซึ่งเขาได้พบกับเพื่อนอีกสองคนก็คือ Chris Malachowsky และ Curtis Priem โดยเริ่มต้นสร้างบริษัทในวันเกิดครบ 30 ปีของเขาพอดิบพอดี
ในยุคนั้น Huang ได้เห็นโอกาสใหญ่จากอุตสาหกรรมเกมที่เพิ่งเกิดใหม่ และเขาก็มองว่ามันจะกลายเป็นอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่โลกเคยมีมา
การประมวลผลและการจำลองวีดีโอที่ต้องใช้ข้อมูลจำนวนมากซึ่งจำเป็นในการสร้างโลกแห่งเกมในจินตนาการ ซึ่งแน่นอนว่ามันต้องใช้ทรัพยากรในการประมวลผลอย่างหนักเช่นเดียวกัน
แต่การเริ่มต้นก็ไม่ได้สวยหรูนักเพราะ Nvidia เกือบล้มละลายหลังเปิดบริษัทมาได้ไม่นาน แต่ด้วยความแข็งแกร่งของ Huang ก็ช่วยให้บริษัทฟันฝ่าวิกฤติมาได้สำเร็จ และ Huang เองก็เคยนำพา Nvidia เข้าต่อสู้ทางกฎหมายกับ Intel โดยท้ายที่สุดแล้ว Intel ถูกบังคับให้จ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์
สามทหารเสือผู้ร่วมก่อตั้ง Nvidia (CR:Startup-book)
และต้องบอกว่าพลังการประมวลผลของชิป GPU ที่ถูกสรรค์สร้างโดย Nvidia นั้นยังได้เปลี่ยนแปลงวงการบันเทิงไปอย่างสิ้นเชิง มันทำให้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นไล่ตั้งแต่ Avatar ไปจนถึง Tin-Tin สร้างภาพที่คนในยุคก่อนหน้าไม่มีทางฝันถึงมัน
Nvidia ได้พัฒนาจากผู้ผลิตกราฟฟิกการ์ดสำหรับพีซี ซึ่งเป็นตลาดที่มีคู่แข่งโหดหินเยอะมาก มาเป็นผู้สร้างโปรเซสเซอร์กราฟฟิกอย่าง GPU โดยก้าวสำคัญของบริษัทเกิดขึ้นในปี 2007 เมื่อ Nivida ได้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อตั้งโปรแกรมให้ GPU ใช้สำหรับการประมวลผลงานทั่วไปได้
จุดเปลี่ยนนี้ได้พลิกสถานการณ์ของบริษัทไปอย่างสิ้นเชิง ทั้งการเกิดขึ้นของ bitcoin เหล่านักขุดต้องการชิป GPU เหล่านี้ไปใช้ในการประมวลผล ทำให้สถานการณ์ชิปทั่วโลกถึงกับขาดแคลน รวมถึงการถือกำเนิดขึ้นของ Generative AI ที่ทำให้ความต้องการชิปสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
ความต้องการอย่างบ้าคลั่งในวงการชิปแสดงให้เห็นอย่างชัดเจน จากรายงานล่าสุดที่ Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI พยายามที่จะระดมทุนให้ได้สูงถึง 7 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อส่งเสริมการผลิตชิปที่บริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ทั่วโลกกำลังใช้งานต้องการมันอย่างหนักในช่วงถัดจากนี้
1
ซึ่งมันแสดงให้เห็นถึงช่องว่างทางโอกาสของ Nvidia ที่ยังมีโอกาสที่จะเติบโตอีกมากมายมหาศาล และแน่นอนว่าความมั่งคั่งของ Jensen Huang มันคงจะไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้อย่างแน่นอนนั่นเองครับผม
◤━━━━━━━━━━━━━━━◥
หากคุณชอบคอนเทนต์นี้อย่าลืม 'กดไลก์'
หากคอนเทนต์นี้โดนใจอย่าลืม 'กดแชร์'
คิดเห็นอย่างไรคอมเม้นต์กันได้เลยครับผม
◣━━━━━━━━━━━━━━━◢
ติดตามสาระดี ๆ อัพเดททุกวันผ่าน Line OA ด.ดล Blog
คลิกเลย --> https://lin.ee/aMEkyNA
รวม Blog Post ที่มีผู้อ่านมากที่สุด
——————————————–
ติดตาม ด.ดล Blog เพิ่มเติมได้ที่
=========================
โฆษณา