15 ก.พ. เวลา 05:18 • นิยาย เรื่องสั้น

เรื่องเล่าวันฝนตก#17

สิ้นเสียง ปั้ง!!!!
สาธิตรีบพาตัวเองหลบเข้าไปอยู่หลังกองไม้ ที่วางเรียงรายไว้ใกล้ตึก เขาหมอบลงกับพื้น ป้องกันตัวเองจากวิถีกระสุน แล้วหันหลัง มองดูซ้าย แลขวา ว่ามีใครรอบตัวเขาที่เป็นต้นเหตุ เสียง ปั้ง!!!! เมื่อครู่นี้หรือไม่
สาธิตไม่ค่อยแน่ใจนักว่าที่ตรงนี้มีคนอื่นแอบซุ่มดูเขา เหมือนที่เขากำลังซุ่มดูอะไรบางอย่างในรถคันนั้นหรือไม่ บางที...อาจมีใครคนอื่นแอบอยู่ที่ตรงไหนสักแห่งก็เป็นได้ สาธิตยอมรับว่าเขาพะวักพะวงใจ จึงมองไปรอบตัวหลายเที่ยว หันซ้ายขวาอยู่อย่างนั้น หลายรอบ ทว่า…ทุกรอบเขาก็เห็นแต่สายฝน และได้ยินเสียงฟ้าร้อง
ครืน.น…น…..นนนนนน
สาธิตจึงตัดสินใจนั่งนิ่งๆ ผ่อนลมหายใจออก… สูดหายใจเข้า….นิ่ง….หลับตา… จากนั้นเขาเริ่มกำหนดลมหายใจ เข้า-ออก-ช้าๆ ไม่นาน….ความนิ่งก็ทำให้เขาได้ยินเสียง เม็ดฝน หล่นลงกระทบใบไม้ พื้นดิน แล้วผิวของท่อนไม้ที่กองเรียงรายซ้อนทับกันอยู่ เสียงนั้นดังชัดเจนในใจ จนเรียกสติกลับมาได้…สาธิตจึงมองไปที่รถตู้สีดำคันนั้นอีกครั้งด้วยสติที่แน่วแน่ขึ้น
รถคันนั้น...ขยับ โอนเอนไปมา แล้วก็เริ่มเหวี่ยงตัวหนักขึ้น หนักขึ้น มีเสียง ตุ๊บ ตุ๊บ ตุ๊บ!!!! ดังเป็นจังหวะ
นาทีนี้สาธิตค่อนข้างแน่ใจแล้วล่ะว่า….เสียง ปั้ง!!! เมื่อครู่ น่าจะเกิดจากคนในรถตู้คันนี้
สาธิตเริ่มขยับกาย ก้าวเข้าไปใกล้ รถตู้ ระยะห่างจาก สิบเมตร ค่อยๆ ลดลง ตามจังหวะก้าวเดินของสาธิต จนกระทั่ง…
ปั้ง!!! ตุ๊บ !!!!!
สาธิตชะงัก
เขาเห็นร่างของชายคนหนึ่งกระเด็นลงมาจากรถตู้ ข้อมือชายคนนั้น ถูกรัดเข้าหากันด้วยเส้นพลาสติก แบบเดียวกันกับที่สาธิตเคยโดนรัดข้อเท้า เขาคนนั้น…กลิ้งตัวไปมา พยายามยันกายขึ้นจากพื้น แล้วชายแปลกหน้าอีกคน ก็กระโดดตามลงมาขึ้นค่อมร่างชายคนแรก จากนั้นเขาก็กระหน่ำชก ชก ชก!!! ปล่อยหมัดรัวๆใส่หน้าชายคนที่โดนรัดข้อมืออย่างไม่ยั้งแรง
“มึง ขู่กูดีนักใช่มั้ย ใช่มั้ย!!!! “ ปั๊บ!!!!!! ปั๊บๆๆๆๆๆๆ
สาธิตพาตัวเองเข้าไปหลบในพุ่มไม้ มองดูชายสองคนทะเลาะกัน สาธิต งงไปหมด… ไม่รู้ใครเป็นใคร แล้วเหตุใดคนเหล่านี้ถึงมาอยู่ตรงที่เดียวกันกับสาธิต
ครืน….น.นนนนนน เสียงฟ้าร้องคำรามอีกครั้ง ตามมาด้วยสายฝนที่เทลงมาอีกรอบ สาธิตหันไปมองชายทั้งสองอีกครั้ง แม้ม่านฝนจะทำให้การมองเห็นลดลง แต่ก็พอมองออกว่า…ชายคนที่ขึ้นคร่อม ชกหน้าชายที่โดนรัดข้อมือจนสลบไป…
แล้ว…ชายคนนั้นก็ อุ้มร่างชายที่สลบคาหมัด โยนเข้าไปในรถตู้อีกครั้ง….
ตุ๊บ!!!!!!!!….
ร่างสลบเหมือด ของไอ้ชัดถูกสายสืบบี โยนกลับเข้ามาในรถตู้เหมือนเดิม กำนันมองภาพนั้นอย่างใจหวั่น อาการกลัวเริ่มเข้ามาเกาะใจ “ป้าด… คนอะไรโหดแท้" นี่คือสิ่งที่กำนันอุทานในใจ ไม่กล้าเอ่ยปากออกมา
ย้อนหลังกลับไปที่นาทีนั้น นาทีที่กำนันกำลังเอาปืนจ่อหัว ไอ้คนนี้ (เขามารู้ทีหลังว่า…มันชื่อชัด)
ในช่วงเวลาที่กำนันกำลังคิดว่า ไอ้ตำรวจที่เอาปืนจ่อหัวเขาอีกทอดหนึ่ง มันจะยิงหัวเราไหมนะ?
แล้วมันจะจ่อหัวกูทำไม แทนที่จะช่วยกันกำจัดไอ้เวรนี่ คนที่กูกำลังจี้ปืนไปที่มันเนี่ย!
ในช่วงที่ใจกำลังหวั่นไหวคิดไปคิดมา ไอ้คนที่กำนันจ่อปืนเข้าหาดันคิดเล่นตุกติก ใจมันกล้านัก…ไม่กลัวปืน มันกระโจนเข้าใส่กำนัน จับข้อมือเขาชี้ขึ้นฟ้า ก่อนสติหลุดจากตัว กำนันเหนี่ยวไกปืน
ปั้ง!!!! ลูกปืนพุ่งออกจากปลายกระปอกที่กำนันเหนี่ยวไก มันไปกระทบหลังคารถตู้จนเกิดรูรั่ว วินาทีต่อมาสายสืบบีจึงเข้าช่วยกำนัน เขาใช้ปลายกระบอกปืนเหวี่ยงเข้าหาหน้าไอ้ชัด เต็มแรง
ตุ๊บ….!!! แรงเหวี่ยงนั้นหนัก จนไอ้ชัดเห็นดาวกระพิบ ระยิบเต็มรถตู้ จากนั้นสายสืบบีก็รวบรวมความแค้นทั้งหมด (จากวันเวลาที่ไอ้ชัดเอาแต่ขู่เขา เรื่องจะทำร้ายสาวิตรี ) กระโจนเข้าหาไอ้ชัด เขาใช้เข่ากดคอของไอ้ชัด ดึงสายรัดพลาสติกออกมาจากกระเป๋าหลังกางเกงอย่างรวดเร็ว
เขารัดข้อมือมันเข้าหากัน แล้วโยนมันไปที่ประตูหลังรถตู้ แรงกระแทกนั้นทำให้ร่างไอ้ชัดที่ชนประตู เปิดออก มันร่วงลงไปกับนอนกับพื้นนอกตัวรถ
“ ไอ้เหี้ย..ชัด มึง!!!! “ สิ้นเสียง สายสืบบีก็ตามลงไปกระหน่ำหมัดเข้าหน้า ไอ้ชัดอย่างไม่ยั้งมือ…
กำนันมองภาพนั้น แล้วรำพึงในใจ “ อ่อ… มันชื่อชัด “
ตุ๊บ!!!!!!!!….
ร่างสลบเหมือด ของ ไอ้ชัดถูกสายสืบบี โยนกลับเข้ามาในรถตู้เหมือนเดิม
กำนันมองภาพนั้นด้วยใจหวั่น เขาเริ่มกลัวใจชายคนนี้ในยามที่เขาหมดความอดทน...ซึ่งกำนันเองก็พอจะเข้าใจอารมณ์ขุ่นเคืองของตำรวจคนนี้ดี กำนันคิดว่าตัวเองโชคดี ที่หมดสติไม่นาน เขาตื่นขึ้นมาทันรับรู้ความจริงที่สำคัญต่อชีวิตเขาพอดี...
ในตอนนั้น...ตอนที่เขาทำทีแกล้งสลบต่อจากที่ได้สติตอนที่ร่างตัวเอง โดนโยนมาวางบนพื้นรถคันนี้ กำนันเดาว่ารถคันนี้น่าจะจอดอยู่ไม่ไกลจากตัวตึก ซึ่งเป็นคำตอบที่สอดคล้องกันว่า....เขาเองสลบไปไม่นานเท่าไหร่
กำนันนอนนิ่งหลับตาคิด….ยาสลบยี่ห้ออะไรวะ ทำไมออกฤทธิ์บางจัง หึๆๆๆ กำนันนึกขำในใจ ก่อนที่จะบอกตัวเองว่า…. ในความโชคร้ายยังมีเรื่องดีเกิดขึ้น เรื่องดีที่เขาได้สติขึ้นมาฟังเรื่องลับว่า….ชายคนนี้เป็นตำรวจที่มาคอยจับเขา แต่ดูเหมือนว่า ตำรวจคนนี้จะโดนขู่ให้ขัดขวางการจับกุมอีกที จากคนที่มีอิทธิพลเหนือกว่า นายใหญ่เป็นใครกันนะ ใช่นายคนเดียวกันที่จ่ายค่าจ้างให้เขาหรือไม่
นายคนที่สั่งให้เขาหาที่ทางเก็บพลุดดอกไม้ไฟ ที่ลักลอบส่งขายเกินจำนวน และไม่ขออนุญาติทางการก่อน นายเขาจะโหดร้ายจับคนขังไว้แบบนี้หรอวะ ไม่น่าใช่นะ กำนันสงสัย…
พลึ่บ!!!!!! สายสืบบีปิดประตูรถตู้เข้าที่ ดูเหมือนนาทีนี้เหลือแค่เขากับกำนันแล้ว….
ไอ้ชัดยังนอนนิ่งไม่ไหวติง
“ มึงรู้สึกตัวตอนไหน” สายสืบบี ถามกำนัน
กำนันนิ่ง ยังครุ่นคิดอยู่ว่าจะเอายังไงต่อดี ตำรวจคนนี้ไว้ใจได้ไหมนะ ทว่า..นาทีเร่งด่วนแบบนี้เขาไม่มีเวลาไตร่ตรอง แค่คิดว่า นายใหญ่ที่สั่งมันกับนายกูคนเดียวกันหรือไม่ ยังคิดหัวแทบแตก “ไม่รู้ด้วยแล้วโว้ย” กำนันด่าตัวเองในใจ แล้วเปล่งเสียงตอบออกไปตามสัญชาตญาน
“ตอนหัวกระแทกพื้นรถ” กำนันบอก” แม่งเจ็บชิทหาย “ ตามด้วยคำบ่น
สายสืบบีพยักหน้า “คงรู้แล้วซินะ”
“รู้อะไร” กำนันไม่ได้ตั้งใจจะกวนตีน แต่ถามเพื่อความแน่ใจ
“ความจริงไง” สายสิบบีเว้นวรรคหยุดพูด มองไปที่ตากำนัน เขาเห็นแต่ความว่างเปล่าในนั้นเลยว่าต่อ “ ความจริงที่ว่า….มึงกำลังจะโดนจับ แต่โชคยังดี ที่กูโดนขู่ไว้ก่อน" สายสืบบีบอกกำนัน
ครืน…น…นนนนนนนนน
เสียงฟ้าร้องคำรามออกมา เหมือนเป็นจังหวะเว้นช่วงให้กำนันได้มีเวลาคิดคำนึง
“ถามได้มั้ย นายมึงเป็นใคร" กำนันเอ่ยขึ้นตอนฟ้าหยุดร้อง
สายสืบบีส่ายหน้า เป็นคำตอบ
“ อ้าว....” กำนันร้องออกมา สักพักเหมือนเขาจะพออ่านรูปการออก ว่าคนระดับสั่งการ คงไม่อยากเผยตัวตน กำนันเลยพยักหน้าแสดงความเข้าใจ “ เอ่อ..อ่ะเคร เข้าใจๆ”
“มึงจะเอายังไงต่อ ว่ามา จะส่งของให้เพื่อนตำรวจกูจับ หรือล้มเลิกงานวันนี้ " สายสืบบีพยายามเจรจา ใจหนึ่งเขาก็ไม่อยากหักหลังหน่วยงานและเพื่อนสายสืบด้วยกัน แต่อีกใจหนึ่งก็เป็นห่วงสาวิตรี
“ บอกตรงๆ ตอนนี้กำลังคิดว่า เรามีนายคนละคนกันแน่ๆ แล้วจะยังไงต่อวะเนี่ย “ กำนันพูดด้วยความสงสัย
“ ท่าทีมึง ไม่เหมือนคนขายยาเลยนะ “ สายสืบบีบอก
“ ฮะ…ยาอะไร มันเป็นประทัด แค่ลักลอบขาย ไม่มียาเยอ อะไรทั้งนั้น" กำนันบอกความจริงอย่างแน่วแน่ตามที่เขาตกลงทำงานกับนาย คนที่ส่งงานมาให้เขาทำตลอด
“โอ้ย….มึงนี่ก็อ่อนจริง ใครเขาจะมาลงทุนซุ้มจับคนขายประทัด “ สายสืบบีหัวเราะออกมา ในรอบหลายชั่วโมงของวันนี้
กำนันนิ่ง อึ้งไป เขาคิดทบทวนเหตุการณ์ย้อนกลับไป ซ้ำแล้วซ้ำเล่า…แต่ก็พบกับความงงในใจ เขาอ่อนต่อโลกขนาดนี้เชียวหรือ..ในกองประทัดมียาหรอ…ทำไมไม่สังเกตุเห็น….นี่เป็นคำถามที่ดูเหมือนจะต่อว่าตัวเองอยู่ในใจ และมันก็กำลังต่อสู้กับอีกหนึ่งความคิดที่บอกเขาว่า…หรือไอ้สายสืบคนนี้มันสับขาหลอกเราวะ
“ไม่นะ ไม่จริง มันเป็นประทัด กูเช็คตอนมันเอาของมาลงแล้ว “ กำนันร้องบอกสายสืบบี
“ โอเค…มึงไม่เชื่อก็ตามใจ แล้วแต่มึงเลย “ สายสืบบีพูดตามความรู้สึก มาถึงตอนนี้เขาเกิดอาการเหนื่อยหน่ายเต็มที บางทีการปล่อยเรื่องราวต่างๆให้มันเป็นไป แบบที่มันจะเป็นก็ดี
“ แล้วไอ้นี่ ทำยังไง กับมันดี “ กำนันถามสายสืบบี เชิงปรึกษา แต่สายสืบบีก็รู้สึกได้ว่า คำพูดตัวเองที่จบลงว่า “แล้วแต่มึงเลย “ จะสะกิดใจกำนันให้มีท่าทีเปลี่ยนไป
“ มัดมันไว้กับรถนี่แหละ เสร็จเรื่องค่อยว่ากัน “ สานสืบบีว่าพลางล้วงเอาเส้นพลาสติกออกมาจากกระเป๋าหลังกางเกง รัดขาไอ้ชัดที่นอนสลบอยู่พื้นรถ…
“แยกย้ายนะ กูจะไปหาเพื่อนตำรวจ เดี๋ยวจะโดนสงสัย หลังจากนี้ แล้วแต่มึงจะคิด “ สายสืบบีว่า พลางเปิดประตูรถออกไป ทิ้งกำนันให้นั่งอึ้ง และงง ในเวลาเดียวกัน
“ อ้าวเฮ้ย…คุณตำรวจ พลักภาระให้ทางนี้คิดต่อเฉยเลย รอด้วยๆ “ กำนันร้องตามสายสืบบี แล้วพาตัวเองออกจากรถตู้ที่น่าหน่ายคันนี้ จนลืมปืนที่ยึดได้จาก ป้าแกร๊บฟู้ด… มันตกอยู่ปลายเท้าของไอ้ชัด
ทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของ สาธิตที่พาตัวเองปีนขึ้นไปบนหลังคารถ เขาแอบดูทั้งสองผ่านรูรั่วหลังคา
และแน่นอนว่า สาธิตเห็นปืนของเขาตกอยู่ในรถ
ตอนนี้สาธิตมีความคิดหนึ่งลอยเข้ามาในหัว เขาแค่ลงไปเปิดประตูรถ เอาปืนมาไว้กับตัว แล้วหนีออกไปจากเหตุการณ์วุ่นวายเหล่านี้ อาจจะหันหลังกลับห้อง หรือไปหาน้องดอกจริง ค่อยคิดอีกที
ทันใดนั้น ภาพผ่านรูรั่วหลังคา ก็ทำให้สาธิตชะงัก
คนที่ถูกมัดได้สติคืนมา เขากำลังพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดจากการรัดแขนขา
ภาพตรงหน้าทำให้สาธิตสับสน จะเอาปืนก่อนหนีไป หรือ หนีไปเลย หรือจะกลับเข้าไปที่ตึก ยังไม่ทันจะได้คำตอบ สาธิตก็รู้สึกว่า ตัวเองโดนอะไรบางอย่างจ่อเข้าที่หัว
“ อย่าขยับ “ เสียงชายคนหนึ่งบอกสาธิต
โฆษณา