19 ก.พ. เวลา 06:10 • อสังหาริมทรัพย์
ซอย รามอินทรา 58

มหากาพย์ฮุบบ้านร้างรามอินทรา ภาคต่อจากบุกรุก สู่การฟ้องร้องครอบครองปรปักษ์ จะจบอย่างไร ?

กรณีที่มีคดีเพื่อนบ้านบุกยึดบ้านร้างที่เจ้าของซื้อทิ้งไว้กว่า 30 ปี จากของขวัญแต่งงานให้หลาน กลายเป็นคดีความ
จากผู้บุกรุก อ้างว่าเป็นการใช้สิทธิ์ครอบครองปรปักษ์ ซึ่งเป็นข่าวตั้งแต่ปลายปี 2566 ที่ล่าสุด แม้ศาลจะยังไม่ตัดสินคดีนี้ แต่ก็พบว่าเพื่อนบ้านกลับมายึดบ้านรอบที่ 2
เพื่อนบ้านที่แสนดีเข้าไปช่วยต่อเติม และอ้างว่าอยู่อาศัยตั้งแต่ปี 2554 พอเจ้าของบ้านทราบเรื่องจึงไปแจ้งความไว้ที่ สน.โคกคราม เรื่องนี้กลายเป็นข่าวโด่งดังจนผู้บุกรุกขนย้ายของออกไป แต่ผ่านไปเพียง 5 เดือน คู่กรณีไปฟ้องแพ่ง และขนของกลับเข้ามาภายในบ้านอีกครั้ง ก่อนเปิดเป็นร้านขายไก่ทอด พร้อมติดป้ายห้ามบุกรุก เนื่องจากได้กรรมสิทธิ์ครอบครองโดยปรปักษ์ตามกฎหมาย
หลานเจ้าของบ้านได้รับบ้านหลังดังกล่าวจากอากู๋ เป็นของขวัญวันแต่งงาน แต่กลับพบว่ามีผู้บุกรุกเข้าไปต่อเติมกับบ้านของเพื่อนบ้านข้างเคียง
จากขอซื้อ กลายเป็นขอยึด
คู่กรณีมาขอไกล่เกลี่ยที่ สน.โคกคราม พาทนายคนเก่ามาบอกว่า ได้ไปพิสูจน์ราคาที่ดินบ้านหลังดังกล่าวราคาประมาณ 9 แสน แต่เขาจะขอซื้อ 1.3 ล้าน แต่ราคาที่ดินบริเวณนั้นที่เราประเมินมาแล้ว ราคาขาย 2.5 ล้าน เราเลยไม่ขาย และแจ้งไปว่าหากคู่กรณีอยากซื้อมากๆ ต้องซื้อในราคาที่เราต้องการ รวมค่าผลประโยชน์ที่เราเสียไป เพราะเขาเข้าไปในบ้านตั้งแต่ปี 2560 และยังไปพูดทุกรายการว่า ทำไปเพราะหวังดี เจตนาเข้ามาดูแลเพื่อรอเจ้าของบ้านมาแล้วจะขอซื้อ และไม่ได้หวังจะครอบครอง
แต่ต่อมาต้นปี 2567 เจ้าของบ้านได้รับหมายศาล จากศาลแพ่งมีนบุรี ว่ามีการยื่นฟ้องครอบครองปรปักษ์ และเมื่อไปที่บ้านหลังดังกล่าว กลายเป็นร้านขายอาหารไปเรียบร้อย
ทางคู่กรณีได้มีการติดป้ายบอกกรรมสิทธิ์ว่าได้ ครอบครองกรรมสิทธิ์ตามกฏหมาย ห้ามบุคคลใดเข้ามาในพื้นที่บ้านหลังดังกล่าว และจะดำเนินการตามกฎหมายฐานความผิดบุกรุก
เพื่อนบ้านแสนดี กลายเป็น เพื่อนบ้านมหาภัย
จนเสียงในโลกโซเชียลออกมาประนามคู่กรณีอย่างเป็นเอกฉันท์ถึงศีลธรรมอันดีของคนไทย
ทาง ทนายเดชา กิตติวิทยานันท์ ทนายของเจ้าของบ้านฝากบอกไปถึงคู่กรณีว่า ให้นึกถึงบาปบุญคุณโทษบ้าง คนเราเกิดมานับถือศาสนาพุทธ ยื่นหลักฐานมาเป็นภาพถ่ายทำบุญตักบาตรทุกวัน แต่มาแย่งทรัพย์สินของผู้อื่น แบบนี้เขาเรียกบาปหนา
วิเคราะห์คู่กรณีอาจจะมีโอกาสได้ทรัพย์สินของผู้อื่น 50 : 50
ได้เสียงสังคมกรนด่าไปแล้ว 100%
ศีลธรรมความดี = 0
และถ้าคู่กรณีจะฟ้องร้องให้ได้บ้านตามการฟ้องร้องครอบครองปรปักษ์ อาจจะต้องสู้กันไปถึงศาลฎีกา
สำหรับ Timeline ตั้งแต่เป็นข่าวในครั้งแรกจนเกิดเรื่องฟ้องครอบครองปรปักษ์ครั้งที่ 2
ฝากเตือนผู้ซื้อบ้าน ให้เจ้าของบ้านหมั่นแวะเวียนไปดูบ้านบ่อยๆ และฝากเตือนไปยังผู้ที่จะไปครอบครองสิ่งของที่ไม่ใช่ของๆ เราว่า "ขอให้หยุด เพราะผิดกฎหมาย"
โฆษณา