Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Main Stand
ยืนยันแล้ว
•
ติดตาม
21 ก.พ. เวลา 06:04 • กีฬา
มองจาก คาเซมิโร่ - ไมนู : การถ่ายทอดวิชาจากรุ่นพี่ถึงรุ่นน้องทำได้จริงหรือคิดไปเอง? | Main Stand
"คาเซมิโร่ กำลังรับผิดชอบการดูแล ค็อบบี้ ไมนู" นี่คือสิ่งที่ เอริค เทน ฮาก กุนซือของ แมนฯ ยูไนเต็ด บอกมาแบบนั้น
การถ่ายทอดเคล็ดวิชาแบบนี้โดยปกติเเล้วเรามักจะได้ยินอยู่เรื่อยมา ทว่าจริง ๆ การที่นักเตะคนหนึ่งจะเอาแนวคิด วิธีการ ของคนอื่นมาใส่หัวตัวเอง จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงวิถีของตนที่ฝึกมาตั้งแต่เด็กได้จริงหรือ?
เราจะลองถอดเรื่องราวนี้จากการสอนกันระหว่าง คาเซมิโร่ ถึงรุ่นน้องอย่าง ไมนู ว่าจริง ๆ แล้วการ "สอนกัน" จะทำให้นักเตะดาวรุ่งคนหนึ่งเก่งแบบก้าวกระโดดแบบที่ใครหลายคนคิดได้หรือไม่?
ทำไมต้องให้รุ่นพี่สอน?
เรื่องนี้มันดูจะตีความง่าย ๆ แต่จริงแล้วหากมองจากบริบทมันก็ดูวุ่นวายไม่ใช่ อย่างที่เรารู้กันในวงการฟุตบอลสิ่งที่ทุกทีมต้องมีก็คือ "โค้ช" เพราะ โค้ช คือคนที่รับหน้าที่เป็นผู้ฝึกสอน และทำให้ทีมได้ผลงานแข่งขันออกมาได้ดีที่สุด
นอกจากโค้ชแล้วสิ่งที่ทุก ๆ ที่ควรมีก็คือนักเตะ และขึ้นชื่อว่านักเตะ นั่นหมายความว่าพวกเขาถูก "จ้าง" เพื่อให้ลงแข่งขัน ทำตามหน้าที่ตามที่โค้ชของพวกเขาสั่ง แน่นอนว่าความถนัดในการสอนหรือถ่ายทอดความรู้ ไม่น่าจะสู้โค้ชได้เลย ทว่าทำไมบางครั้งเรายังได้ยินคำว่าทีม ๆ นี้ใช้ระบบ "รุ่นพี่สอนรุ่นน้อง" กันอยู่?
อย่างแรกมีการกำหนดความหมายการสอนได้หลากหลายแบบในโลกของฟุตบอล ในส่วนของ โค้ชสอนนักเตะ กับ รุ่นพี่สอนรุ่นน้อง นั้นจริง ๆ แล้วมันเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง
"โค้ชสอน" หรือที่ภาษาอังกฤษใช้คำว่า Coach หลัก ๆ แล้วเป็นการสอนชุดทักษะเฉพาะทางให้กับผู้อื่น ในฟุตบอลโค้ชจะต้องเป็นผู้ฝึกสอนในรูปแบบของทีม นั่นคือ เขาจะสอน (Coaching) ผ่านความเชี่ยวชาญในประสบการณ์เก่า ๆ ของพวกเขา
ซึ่งแน่นอนว่าโลกของฟุตบอลความเชี่ยวชาญในแบบที่โค้ชควรจะเป็นหลัก ๆ แล้วไม่ใช่การเคยเป็นนักฟุตบอลที่เก่งมาก่อน เพราะปลายทางของการเป็นโค้ช ไม่ใช่การสอนให้นักเตะเล่นฟุตบอลเก่งเหมือนกับพวกเขา แต่เป็นการสอนให้นักเตะเล่นฟุตบอลแบบรู้จักกลยุทธ์ และวิธีการที่เมื่อได้ลงไปเล่นในสนามแล้ว พวกเขาจะทำเป็นส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้ทีมสามารถคว้าชัยชนะมาได้
ดังนั้นถ้าคุณอยากจะสร้างนักฟุตบอลคนหนึ่งให้เก่งขึ้น จึงจำเป็นต้องใช้สิ่งที่เรียกว่า "เมนเทอร์ (Mentor) " ซึ่งก็คือผู้ให้คำแนะนำ หรือผู้สอนนั่นเอง...
คำว่า เมนเทอร์ ถูกตีความโดยพจนาณุกรมของ อ็อกซ์ฟอร์ดว่า "บุคคลที่อยู่เบื้องหลังคน ๆ เดียวและผลักดัน สนับสนุนให้พวกเขาก้าวหน้า ด้วยประสบการณ์และชุดทักษะที่พวกเขามี และ เมนเทอร์ จะเป็นผู้ให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด เพื่อช่วยเหลือ แบ่งปันความสำเร็จ และความล้มเหลวไปด้วยกัน" ซึ่งถ้าเราอิงจากความหมายนี้ คำว่า เมนเทอร์ คือบทบาทสำหรับนักเตะรุ่นพี่ที่สอนนักเตะรุ่นน้องแบบเฉพาะตัว ก็คงไม่ผิดนัก
โค้ชสอนให้คุณรู้จักวิธีเอาชนะ รุ่นพี่สอนให้คุณเป็นนักฟุตบอลที่ดีขึ้น ... สรุปง่าย ๆ ตามนี้ และมันชวนคิดต่อได้ทันทีถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่าง คาเซมิโร่ และ ค็อบบี้ ไมนู
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าเมื่อพวกนักเตะดาวรุ่ง ไมนู ขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่เต็มตัว พวกเขาจะไม่มีเวลามาเรียนรู้ขั้นพื้นฐานหรือที่เรียกกันว่า "เบสิคฟุตบอล" กันอีกแล้ว เพราะในระดับเกมชุดใหญ่ ไม่มีการทดลองใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะมันคือเกมที่มีความเข้มข้นสูงมาก และทีมล้วนตั้งเป้าหมายไว้ที่ชัยชนะเท่านั้น
เทน ฮาก พยายามอธิบายเรื่องนี้ว่าเมื่อนักเตะมาอยู่ในระดับทีมชุดใหญ่ สิ่งที่พวกเขาจะได้ซ้อมคือการซ้อมเชิงแท็คติก เปิดเทปวีดีโอศึกษาคู่แข่ง และการเล่นร่วมกันกับทีมเป็นหลัก เพราะทีมอย่าง ยูไนเต็ด มีตารางการแข่งขันที่ถี่มากถึงสัปดาห์ละ 2 เกม บางเกมจะต้องเดินทางไปที่ไกล ๆ แทบจะข้ามทวีปอยู่แล้ว ดังนั้นจึงเตรียมตัวกันเป็นวัน ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้น โค้ชจะไม่มาเน้นย้ำ จ้ำจี้จ้ำไชเรื่องของเบสิคส่วนตัวกันอีกแล้ว เพราะถือว่าทุกคนมีความพร้อมพอที่จะเล่นในระดับสูง
ดังนั้นเมื่อโค้ชสอนแบบส่วนตัวไม่ได้ หน้าที่ตรงนี้จึงเป็นของรุ่นพี่อย่าง คาเซมิโร่ ที่เข้ามาทำแทน โดยไม่ต้องเปิดคอร์สแยกให้เสียเวลา เพราะพวกเขาต้องลงซ้อมด้วยกัน เล่นตำแหน่งใกล้กัน กินข้าวพร้อม เลิกซ้อมพร้อมกัน
ดังนั้น พวกเขาแทบจะตัวติดกันอยู่แล้ว พวกเขาสามารถสอน และบอกกันได้ตลอด โดยทำไปพร้อม ๆ กับการซ้อมของทีมที่เน้นไปในส่วนของแท็คติก ซึ่งเป็นการช่วยเซฟเวลาได้มาก ๆ เช่นเดียวกับเป็นการใช้เวลาที่มีให้เกิดประโยชน์สูงสุดสำหรับการสร้างนักเตะคนหนึ่งอย่างที่สุด
จาก คาเซมิโร ถึง ไมนู
คาเซมิโร่ คือนักเตะตำแหน่งเบอร์ 6 ที่ดีที่สุดในยุคสมัยของเขา ข้อนี้การันตีได้ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าคุณจะหยิบวิธีการเล่น สถิติส่วนตัวต่าง ๆ หรือแม้แต่ถ้วยรางวัล คาเซมิโร่ มีทุกอย่างที่คุณสงสัยและถามหาจากเขา
ในวัย 32 ปี คาเซมิโร่ ในตอนนี้อ่อนกำลังตามธรรมชาติสังขาร แต่ในช่วงฮ็อต ๆ คาเซมิโร่ มีคุณสมบัติครบถ้วนในตำแหน่งกองกลางหมายเลข 6 ที่ดี ไม่ว่าจะเป็นความห้าวหาญ, สภาพจิตใจที่แข็งแกร่ง, สมาธิที่มีต่อเกม, ทักษะในการเข้าแย่งบอล, ความเฉียบเเหลมในแง่ของแท็คติก เหนือสิ่งอื่นใดเขาผ่านเวทีระดับท็อปมาแล้ว เจอคู่แข่งที่เก่งที่สุดในโลกไม่ว่าจะเวอร์ชั่นไหน ๆ มาทุกระดับ
ดังนั้นหากจะมองว่าในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้ใครคือคนที่เหมาะกับการจะสอนนักเตะดาวรุ่งในทีมได้มากที่สุด แน่นอนว่า คาเซมิโร่ คือคนนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย ทั้งวัยวุฒิและคุณวุฒิของเขาพร้อมเเล้วสำหรับสิ่งนี้ และในช่วงที่เขากำลังกลายเป็นนักเตะม้าแก่ ก็มีเด็กคนหนึ่งที่มีแวว แถมยังเล่นในตำแหน่งกองกลางเหมือนกันกับเขาอย่าง ค็อบบี้ ไมนู ที่แจ้งเกิดเข้า...
แม้ไม่ใช่ตำแหน่งที่ตรงกันเป๊ะเสียทีเดียว แต่ชุดทักษะที่ต้องใช้งานจริงในสนามนั้นคล้ายกัน อ่านเกม, ตัดบอล, ดึงจังหวะ, ออกบอล, ไม่เสียการครอบครองบอลง่าย ๆ และ สอดเข้าไปทำประตูได้ในเวลาที่ทีมคับขัน ... อะไรราว ๆ นั้น
ดังนั้น เรียกได้ว่าตำแหน่งกองกลางที่ คาเซมิโร่ เล่น เป็นตำแหน่งที่ไม่ได้เล่นกันง่าย ๆ ในฐานะที่เขาเป็นม้าแก่ เขาต้องถ่ายสอดชุดทักษะทั้งหมดที่มีให้กับรุ่นน้องที่ขึ้นมาใหม่อย่าง ค็อบบี้ ไมนู กองกลางวัย 18 ปี ที่ถูกมองเป็น "ดาวรุ่งประจำทีม"
โอเคล่ะ ไมนู ผ่านการเรียนรู้ร่วม 10 ปีในระดับเยาวชนรุ่นต่าง ๆ ก่อนที่เขาจะมาถึงจุดนี้ แต่การที่เขามีเมนเทอร์อย่าง คาเซมิโร่ เขาจะรับการถ่ายทอดประสบการณ์ระดับโลกในแบบที่นักเตะในทีมคนอื่น ๆ ให้ไม่ได้ หรือแม้กระทั่งดาวรุ่งน้อยคนที่จะได้รับโอกาสสำคัญแบบนี้
ซึ่งรูปแบบการสอนของ คาเซมิโร่ กับ ไมนู นั้น เกิดขึ้นจากการมอบหมายของ เอริค เทน ฮาก กุนซือของทีมเปิดใจคุยกับ คาเซมิโร่ ตรง ๆ ว่าอยากจะให้สอนสิ่งต่าง ๆ ให้ ไมนู เป็นพิเศษ ชนิดที่ว่าเดินตามสอนกันตั้งแต่เรื่องของวิธีการเล่นที่เป็นแท็คติก จนถึงการเพิ่มแนวคิดในแบบที่นักเตะระดับโลกเขาทำกัน
"ค็อบบี้ กำลังได้โค้ชที่ดีมาก ๆ นั่นคือ คาเซมิโร่ เขามีประสบการณ์มากมาย ถ้า ค็อบบี้ เปิดใจเรียนรู้ เขาจะพัฒนาตัวเองได้เร็วขึ้นมาก ... ขณะที่ คาเซมิโร่ ก็เป็นคนที่สามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้ และพยายามช่วยเหลือ ไมนู ในเวลาเดียวกัน ผมบอกได้เลยว่าทั้งสองคนกำลังมีปฎิสัมพันธ์กันมากขึ้นเรื่อย ๆ " เทน ฮาก กล่าว
กุนซือชาวดัตช์อธิบายเพิ่มเติมว่าอะไรที่เขาอยากจะให้ ไมนู ได้จาก คาเซมิโร่ มากที่สุด จากสิ่งที่เขาบอกมาคือ อยากให้ ไมนู ได้ความใจเย็นในยามที่ครอบครองบอล, อยากให้ ไมนู สามารถขึ้นมาเป็นทางเลือกให้กับเพื่อนร่วมทีมจ่ายบอลให้ตอนที่เขาไม่มีบอล, การมองเห็นช่องทางการจ่ายแนวลึก (Key Pass) เพื่อทำลายแนวเกมรับของคู่ต่อสู้
จะเห็นได้ว่าสิ่งที่ เทน ฮาก บอกมักจะไม่มีในนักเตะดาวรุ่ง หรือถ้ามีก็น้อยมาก เรียกได้ว่ากองกลางดาวรุ่งน้อยคนจะมีคุณสมบัติแบบนั้น ถ้าพวกเขาเหล่านี้ไม่มีรุ่นพี่ที่รู้จริง เก่งจริง ผ่านประสบการณ์การเล่นตรงนี้ในระดับสูงมาจริง ๆ พวกเขาก็จะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเอง ผ่านประสบการณ์การลงสนาม
ลองคิดดูว่าเด็กอายุ 18 ปี หัวเดียวกระเทียมลีบ ถ้าไม่มีรุ่นพี่คอยบอกคอยสอน และลงไปเล่นในสนามแบบเหมือนโดนจับโยนลงน้ำมีนักเตะคนไหนรอดบ้าง?
โดยเฉพาะในตำแหน่งกองกลางตัวบัญชาเกมเช่นนี้ .. เชส ฟาเบรกาส มี ปาทริค วิเอร่า คอยสอนในช่วงแรก, สตีเว่น เจอร์ราร์ด ที พอล อินซ์ กับ เจมี่ เร้ดก์แน็ปป์ เป็นพี่เลี้ยง, ชาบี เอร์นันเดซ ก็มี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นพี่ใหญ่ตอนที่ขึ้นมาใหม่ ๆ ... พวกเขาเก่งขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเหล่ารุ่นพี่ประสบการณ์สูง นั่นก็เพราะพวกเขาได้รับการถ่ายทอดจากประสบการณ์ตรง จากสนามและการแข่งขันจริง ซึ่งเป็นสิ่งที่ทีมเยาวชนสอนคุณไม่ได้
ที่อธิบายมาตรงนี้ก็เพื่อจะให้เห็นภาพว่าที่ ค็อบบี้ ไมนู กระดูกแข็งขึ้น ถึงขั้นที่ว่าแย่งตัวจริงในทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ได้รวดเร็ว นอกจากจะเป็นเรื่องพรสวรรค์ของเขาแล้ว เขายังมีรุ่นพี่คอยขัดเกลาในสนามทุก ๆ วัน ซึ่งถ้าเราจะไปให้ลึกกว่านี้ก็ย่อมได้ ... คุณอยากรู้ไหมล่ะว่าทำไม คาเซมิโร่ จึงเป็นเหมือนกับพี่เลี้ยงเด็กที่ยอมสอน ค็อบบี้ ไมนู ตามที่ เอริค เทน ฮาค บอก ทั้ง ๆ ที่ตัวของเขาไม่ต้องทำการสอนจริงจังขนาดนั้นก็ได้? ... คำตอบสั้น ๆ นี้ออกมาจากปาก คาเซมิโร่ เองนั่นคือคำว่า "เคมี" นั่นเอง
เคมีถูกกัน
ต่อให้คุณจะเป็นโคตรนักบอลระดับถือถ้วยแชมป์โลก มีรางวัลบัลลงดอร์ ก็ใช่ว่าคุณจะเอาสิ่งที่คุณผ่านมาถ่ายทอดให้กับรุ่นน้องในทีม และการันตีว่าพวกเขาจะเก่งขึ้นได้?
คุณคงเคยได้ยินชื่อของนักเตะดาวรุ่งหลายคนที่มีชื่อเสียงตอนเด็ก แต่ก็ยกระดับตัวเองให้สูงกว่านั้นไม่ได้ เพราะเรื่องของทัศนคติ ว่าง่าย ๆ ก็คือเป็นเด็กดื้อ มั่นใจในตัวเองสูงเกินจนเหมือนกับตาบอดหูดับ คำสอนของรุ่นพี่จะดีเเค่ไหนก็ไม่มีความหมายในการเปลีย่นแปลงพวกเขาทั้งนั้น
อันโตนิโอ คาสซาโน่, มาริโอ บาโลเตลลี่, ไมเคิล จอห์นสัน, อองโทนี่ มาร์กซิยาล, ราเวล มอร์ริสัน และอีกมากมายหลายคนที่ไม่ได้เอ่ยถึง .. ถ้าทัศนคติไม่ดีก็จบไป เมื่อรุ่นพี่ถูกมอบหมายให้มาสอนคุณต่อให้เป็นคำสั่งของโค้ชก็ตาม แต่ในเมื่อคุณไม่เปิดใจจะเรียนรู้ คนสอนก็ไม่รู้จะสอนไปทำไมเหมือนกัน ... เรื่องแบบนี้มีเยอะในโลกฟุตบอล แต่ที่ ไมนู กับ คาเซมิโร ยังไปต่อกันได้ ก็ต้องบอกว่านอกจากรุ่นพี่จะเต็มใจสอนแล้ว ลูกน้องก็เต็มใจรับด้วย
อย่างที่เราเคยเขียนถึง ไมนู ไว้ในบทความที่พูดถึงเขา ที่บอกว่า ไมนู เป็นเด็กที่เติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่น เลี้ยงดูมาอย่างเดียว และถูกผลักดันให้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักอย่างเป็นขั้นเป็นตอน ดังนั้นเขาจึงมีทัศนคติที่ดีสำหรับนักเตะดาวรุ่งคนหนึ่ง ซึ่งพิสูจน์ได้จากที่ คาเซมิโร่ เป็นคนบอกเรื่องนี้เอง
"ค็อบบี้ เป็นนักเตะที่มีความพิเศษ พร้อมจะเป็นนักเตะชั้นนำ เขาคือเด็กที่พร้อมทำงานหนักและถ่อมตัว เขารู้วิธีพูด เขารู้จักวิธีที่จะรับฟัง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ยอดเยี่ยมเลย" คาเซมิโร่ กล่าว
โปรเจ็กต์การสอน คาเซมิโร่ กับ ไมนู เริ่มขึ้นในช่วงราว ๆ กลางฤดูกาล 2023-24 ช่วงที่ ไมนู หายเจ็บยาวและกลับมามีส่วนในทีมชุดใหญ่ ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นถ้าคุณได้เห็นวิธีการเล่นของเขา คุณจะไม่ยอมรับในระดับหนึ่งเลยว่า เขาเป็นเด็กที่ก้าวกระโดดไวมาก ถึงตอนนี้ เขาเป็นเหมือนกระดูกสันหลังของทีมชนิดที่ว่าถ้าไม่เจ็บ ไม่แบน ยังไงไงก็ต้องลง เรื่องของอายุเป็นเพียงตัวเลขไปแล้วสำหรับดาวรุ่งรายนี้
แน่นอนว่าคู่หูต่างวัยจาก "เซา เปาโล และ สต็อคพอร์ท" คู่นี้ยังคงดำเนินต่อไป และตอนนี้ไม่ใช่แค่ คาเซมิโร ที่สอนไมนูอย่างเดียวเเล้ว ในเกมจริง เราจะได้เห็น ไมนู คอยช่วยเหลือ คาเซมิโร่ เป็นอย่างมาก ทั้งการช่วยวิ่งไล่บอล หรือการขยับเข้ามาเป็นตัวเลือกให้ลูกพี่ที่เชื่องช้าลงตามอายุฝากบอลไว้ในช่วงเวลาที่หน้าสิ่วหน้าขวาน ... พวกเขาทั้งคู่กำลังผลักดันกันและกันในสนาม เพราะถือเป็นคู่กองกลางที่ดีที่สุด (เท่าที่จะดีได้) ของ ยูไนเต็ด ณ เวลานี้ พูดแบบนี้ก็คงไม่ผิดนัก
"ผมตระหนักถึงคุณค่าของนักเตะอย่าง ค็อบบี้ เป็นอย่างดี เขาเป็นเด็กดี และผมมีแฮปปี้ที่ได้ทำงานร่วมกับเขา ... ตราบใดที่เขามีเป้าหมายและพุ่งทะยานไปหามันแบบไม่ว่อกแว่กแบบนี้ ผมคิดว่า ยูไนเต็ด จะมีนักเตะที่ยอดเยี่ยมให้พวกเขาได้ใช้งานไปอีกหลายปีเลยทีเดียว" คาเซมิโร่ กล่าวพร้อมรอยยิ้ม
1
บทความโดย : ชยันธร ใจมูล
แหล่งอ้างอิง
https://www.linkedin.com/pulse/mentor-vs-coach-field-off-football-warned-travise-smith?trk=portfolio_article-card_title
https://onlinesportmanagement.ku.edu/community/styles-of-coaching
https://www.manchestereveningnews.co.uk/sport/football/football-news/i-see-dressing-room-how-28601248
https://tribuna.com/en/news/manutd-2024-02-20-casemiro-lists-three-qualities-that-make-mainoo-top-player/
https://www.efl.com/news/2023/january/mentoring-the-next-generation/
https://www.theguardian.com/football/2021/oct/13/the-mentors-who-shape-footballers-long-before-they-turn-professional
2 บันทึก
5
1
2
5
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย