27 ก.พ. เวลา 03:00 • ธุรกิจ

ทำไมคน Gen Z ชอบใช้ Canva แต่คนที่แก่กว่า ชอบใช้ PowerPoint

ถ้าถามว่า Canva กับ PowerPoint อะไรได้รับความนิยมมากกว่ากัน ?
คำตอบที่จะได้ คงขึ้นอยู่กับว่า ถามคำถามนี้กับใคร
ถ้าถามกลุ่มคน Gen Z โดยเฉพาะน้อง ๆ นักเรียน นักศึกษา หรือคนที่เพิ่งเรียนจบใหม่ ๆ ก็คงจะได้คำตอบว่า Canva
แต่ถ้าถามกลุ่มคน Gen X ที่มีอายุมากกว่า หลายคนจะตอบว่า Microsoft PowerPoint
ที่น่าสนใจก็คือ Canva มีดีอย่างไร จึงได้รับความนิยมจากกลุ่มคน Gen Z มากขึ้นเรื่อย ๆ
เรื่องนี้ MarketThink จะอธิบายให้ฟังแบบง่าย ๆ ตามหลักพฤติกรรมของผู้บริโภค Gen Z
- ลักษณะพื้นฐานของ Canva ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต ถูกใจกลุ่มคน Gen Z
1
เรื่องแรก ต้องทำความเข้าใจพื้นฐานของกลุ่มคน Gen Z กันก่อนว่า คือคนที่เกิดในช่วงปี 1997-2012 ปัจจุบันมีอายุอยู่ในช่วง 12-27 ปี
ที่สำคัญคือ ลักษณะพื้นฐานของคนกลุ่มนี้ เกิดมาในช่วงที่โลกเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มตัว อินเทอร์เน็ตมีการใช้งานกันอย่างแพร่หลาย
พูดง่าย ๆ ก็คือ กลุ่มคน Gen Z ใช้อินเทอร์เน็ตกันจนเคยชิน และไม่ใช่เรื่องใหม่อีกต่อไปแล้ว
1
ซึ่งลักษณะพื้นฐานของกลุ่มคน Gen Z ที่ว่านี้เอง กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Canva ได้รับความนิยมในคนกลุ่มนี้ มากกว่า Microsoft PowerPoint
เพราะ Canva เป็นแพลตฟอร์ม ที่ทำงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตแทบจะทั้งหมด ทำให้ Canva ถูกใจกลุ่มคน Gen Z มากเป็นพิเศษ
คิดภาพตามง่าย ๆ ว่า หากเราอยากลองใช้ Canva ก็สามารถเปิดเว็บเบราว์เซอร์ และเข้าไปที่เว็บไซต์ของ Canva ก็สามารถเริ่มต้นการใช้งานได้ในทันที
โดยไม่จำเป็นต้องดาวน์โหลด หรือติดตั้งแอปพลิเคชันใด ๆ เพิ่มเติม
ต่างจาก Microsoft PowerPoint ที่อย่างน้อย ๆ ต้องมีการดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันลงบนเครื่องคอมพิวเตอร์เสียก่อน ซึ่งเป็นขั้นตอน ที่มีความยุ่งยากมากกว่า
แต่หากเราลองเจาะลึกลงไปมากกว่านั้น
จะพบว่า Canva มีลักษณะเฉพาะอีกเป็นจำนวนมาก ที่ตอบโจทย์การใช้งานของกลุ่มคน Gen Z โดยเฉพาะ
2
- โมเดลธุรกิจแบบ Freemium
ลักษณะเฉพาะอย่างแรก ที่ทำให้ Canva ได้รับความนิยมในกลุ่มคน Gen Z ก็คือ โมเดลธุรกิจแบบ Freemium
1
คือใช้วิธีเปิดให้ใช้งาน Canva ได้แบบฟรี ๆ ไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับการใช้ฟีเชอร์พื้นฐาน
แต่หากต้องการฟีเชอร์ที่มากขึ้น ก็จะต้องยอมจ่ายเงินเพื่อซื้อบริการ Canva Pro ในราคา 1,850 บาทต่อปี
อย่างไรก็ตาม Canva เวอร์ชันพื้นฐาน ที่ทุกคนสามารถใช้งานได้ฟรีนั้น ก็สามารถทำงานได้ดีในระดับหนึ่งอยู่แล้ว ด้วยฟีเชอร์ที่เพียงพอต่อความต้องการของคนส่วนใหญ่
ที่ต้องการใช้ Canva สำหรับการทำสไลด์นำเสนองาน หรือรูปภาพกราฟิกสวย ๆ สำหรับลงในโซเชียลมีเดียของตัวเอง
5
เทียบกับ Microsoft PowerPoint ที่ต้องเสียเงินสมัครสมาชิก Microsoft 365 ในหลักพันบาทต่อปี จึงจะสามารถใช้งานได้
ในจุดนี้เอง ทำให้ Canva สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่า Microsoft PowerPoint เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Z ที่ยังอยู่ในช่วงวัยเรียน และยังไม่มีรายได้
1
หรือแม้แต่คนที่เพิ่งเริ่มต้นทำธุรกิจ และต้องการเครื่องมือในการออกแบบกราฟิกง่าย ๆ แต่ยังไม่อยากลงทุนเพิ่มเติม
- มีเทมเพลตให้เลือกใช้ ในขณะที่ PowerPoint แทบไม่มี
อีกปัจจัยที่มีความสำคัญ ก็คือ เทมเพลตสำเร็จรูป ที่พร้อมใช้สำหรับการทำงานประเภทต่าง ๆ
ในปัจจุบัน Canva มีเทมเพลตสำเร็จรูปให้เลือกใช้ ราว ๆ 610,000 เทมเพลต ในจำนวนนี้เกือบครึ่งหนึ่ง เป็นเทมเพลตที่เปิดให้ใช้งานได้ฟรี
1
แถมยังมีการแบ่งประเภทของเทมเพลตเอาไว้อย่างชัดเจน ตามสไตล์การออกแบบ และรูปแบบของงานนำเสนอ เช่น
Minimalist
Nature
Small Business
Digital Annual Report
Gradient Ease Collection
รวมถึงยังมีไลบรารี รวบรวมภาพต่าง ๆ ให้สามารถใช้งานได้แบบถูกลิขสิทธิ์ โดยไม่จำเป็นต้องไปหาภาพ จากแหล่งอื่น ๆ อีก
ในขณะที่ Microsoft PowerPoint เทมเพลตที่พร้อมใช้งาน จะมีเพียงเทมเพลตพื้นฐานเท่านั้น หากอยากได้เทมเพลตสวย ๆ หรือรูปภาพเพิ่มเติม ก็ต้องดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น ๆ แทน
ในมุมนี้ ทำให้ Canva ง่ายต่อการสร้างสรรค์งานชนิดต่าง ๆ มากกว่า
2
- ความง่ายในการใช้งาน ทำให้ Learning Curve ต่ำ
หากลองสังเกตกันดี ๆ เมื่อเปิด Canva กับ Microsoft PowerPoint ขึ้นมาเทียบกันแบบจุดต่อจุด
จะพบว่า Canva มีหน้าตาที่ดูเรียบง่าย มีเมนูไม่ซับซ้อน ใช้ระบบการสั่งงานแบบ “ลากและวาง” เป็นหลัก
ทำให้ผู้ใช้ Canva สามารถ กดเลือกรูปภาพ คลิปวิดีโอ กราฟิกประกอบ หรือตาราง ด้วยการลากจากเมนูที่อยู่ด้านซ้าย มาไว้ในงานนำเสนอได้ทันที โดยไม่ต้องกดเข้าเมนูที่มีความยุ่งยากหรือซับซ้อนเลย
ซึ่งรูปแบบการสั่งงานแบบลากและวางนี้ เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เคยชินกัน จากการใช้สมาร์ตโฟน นั่นเอง
ทำให้ Canva ใช้งานได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่มีจอสัมผัส อย่างสมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต
1
ในขณะที่ Microsoft PowerPoint จะเต็มไปด้วยเมนูที่มีความซับซ้อน มีทั้งเมนูหลัก เมนูย่อย บางครั้งการเข้าถึงฟีเชอร์ใด ๆ อาจต้องกดผ่านเมนูเข้าไปหลายครั้ง
ซึ่งในมุมหนึ่ง อาจมองได้ว่า Microsoft PowerPoint มีฟีเชอร์ที่เหมาะกับมืออาชีพมากกว่า Canva
แต่ก็ต้องยอมรับกันจริง ๆ ว่า ความง่ายของ Canva กลับเป็นจุดเด่นสำคัญ แม้จะมีฟีเชอร์ไม่มากเท่า Microsoft PowerPoint ก็ตาม
- การใช้งานที่ครอบจักรวาล ทำได้ทั้งสไลด์นำเสนอ และงานกราฟิกง่าย ๆ
นอกจากนี้ อีกหนึ่งสาเหตุสำคัญ ที่ทำให้ Canva ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ในยุคนี้ ก็เป็นเพราะ ความสามารถของ Canva ที่ครอบจักรวาล
ไม่ใช่แค่การใช้ Canva ทำสไลด์นำเสนองาน แทน Microsoft PowerPoint เท่านั้น
แต่ Canva ยังทำภาพกราฟิกง่าย ๆ เพื่อโพสต์ลงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แทน Adobe Illustrator และตัดต่อคลิปวิดีโอสั้น ๆ แทนโปรแกรมตัดต่อคลิปวิดีโออื่น ๆ ได้อีกด้วย
ทำให้กลุ่มคน Gen Z ไม่จำเป็นต้องหันไปใช้เครื่องมืออื่น ๆ เพิ่มเติมอีก เพราะ Canva มีความสามารถที่ครบอยู่แล้ว
ในทางกลับกัน ถ้าถามว่า ทำไมคนที่มีอายุมากกว่า โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen X ขึ้นไป ใช้ Canva น้อยกว่ากลุ่มคน Gen Z อย่างชัดเจน
ทั้งที่เท่าที่อ่านมาทั้งหมดนี้ ก็ดูเหมือนว่า Canva จะมีข้อดีอยู่ไม่น้อยเลย..
เรื่องนี้เป็นเพราะ “ความเคยชิน” ของกลุ่มคน Gen X
5
ลองคิดตามกันง่าย ๆ ว่า Microsoft PowerPoint เวอร์ชันแรกเปิดตัว ตั้งแต่ปี 1990 หรือเมื่อ 34 ปีที่แล้ว
และตลอดเวลาหลายสิบปีที่ผ่านมา Microsoft PowerPoint ก็ครองตลาดเครื่องมือสำหรับการทำสไลด์นำเสนองาน มาโดยตลอด
ทำให้ในยุคหนึ่ง หากจะทำสไลด์นำเสนองาน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้ Microsoft PowerPoint แทบทั้งสิ้น
1
และความเคยชินที่ว่านี้เอง ทำให้กลุ่มคน Gen X ที่ใช้งาน Microsoft PowerPoint มาอย่างยาวนาน เกิดความชำนาญ จนรู้จักแทบทุกฟีเชอร์อย่างทะลุปรุโปร่ง
จนหากต้องการเปลี่ยนไปใช้ Canva แทน ก็จะกลายเป็น Switching Cost ที่สูง เพราะแทบจะต้องเรียนรู้การใช้งานใหม่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เมื่ออ่านมาจนถึงจุดนี้ ไม่ได้หมายความว่า Canva จะมีข้อดีเหนือ Microsoft PowerPoint ไปทั้งหมด
แต่จริง ๆ แล้ว ทั้ง Canva และ Microsoft PowerPoint มีข้อดี เป็นของตัวเอง ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชอบใช้อะไร ก็เท่านั้น
แต่ถ้าถามกลุ่มคน Gen Z ก็คงได้รับคำตอบกลับมาว่า ชอบใช้ Canva มากกว่า PowerPoint อยู่ไม่น้อย
โฆษณา