24 ก.พ. เวลา 04:28 • ปรัชญา

ชายเก็บขยะผู้พิการกับอันธพาลทั้งสี่

ณ เมืองแห่งหนึ่ง ในค่ำคืนราตรีอันแสนสงบ เป็นช่วงเวลาที่ผู้คนยังเริงรมย์อยู่ในความหลับใหล มีชายแก่ผู้หนึ่งรูปร่างอัปลักษณ์ ผิวดำคล้ำ ร่างกายผอมบาง แต่เปี่ยมด้วยมวลกล้ามเนื้อ สีผมจรดหนวดเคราเรียบเนียนเป็นสีขาว พิการตาเพียงข้างเดียว พิการขาเพียงข้างเดียว ขณะเดินเหินต้องใช้ไม้ค้ำยันพยุงด้วยมือทั้งสองข้าง
ชายพิการผู้นี้มีอาชีพหลักคือการเก็บเศษของเก่าตามถังขยะและข้างทางในบริเวณตรอกซอกซอย เพื่อนำไปแลกขายให้เพียงพอประทังเลี้ยงชีพ แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งในระหว่างที่ชายแก่ผู้พิการ กำลังคุ้ยหาเศษของเก่าอยู่นั้น ได้มีอันธพาลสี่คน แอบย่องมองชายแก่ประดุจเหมือนมีเล่ห์เหลี่ยมกลอุบายอยู่ภายในใจ ชายแก่ได้ตระเตรียมสิ่งของ และเขาคิดว่ามากพอสมควรแก่เวลา จึงเร่งรีบเดินปรี่กลับยังที่พักอาศัย ก่อนที่แสงแห่งรุ่งอรุณของดวงอาทิตย์จะโผล่ขึ้นเหนือขอบฟ้าในยามเช้า
ระหว่างที่ชายแก่ผู้พิการมาถึงบ้านพักของตน กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ที่แอบสะกดรอยตามมา พลันตื่นตระหนกตกใจ ตลึงกับคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่าที่อยู่เบื้องหน้าและแทบไม่อยากเชื่อสายตาว่านี่คือบ้านของชายแก่ผู้พิการจริง ๆ
.
กลุ่มอันธพาลทั้งสี่คน เกิดความโอหังเหิมเกริม แรกเริ่มเดิมทีคิดเพียงจะกลั่นแกล้งชายผู้พิการให้สุขสำราญแก่พวกของตนเพียงเท่านั้น แต่มาบัดนี้กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ เกิดเปลี่ยนใจไม่เพียงแต่อยากจะกลั่นแกล้งชายแก่ แต่หวังในทรัพย์สมบัติของชายแก่ผู้พิการอีกเช่นเดียวกัน
กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ต่างพากันปีนรั่วกำแพงอันสูงตระหง่านราว ๆ ห้าเมตร พร้อมวิ่งระเริงไม่เกรงกลัวกฎหมายหรือการกระทำความผิดใด ๆ ของตน ก่อเหตุอุกอาจคิดพังทลายประตูหวังปรี่เข้าไปซึ่ง ๆ หน้า แต่แล้วกลอนประตูกลับไม่ได้ล็อคไว้แม้แต่บานเดียว
.
กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ ได้แต่หัวเราะเยาะในความสะเพร่าของชายแก่ผู้พิการ พร้อมสบถด้วยถ้อยคำที่ว่า "นี่คงเป็นวาระสุดท้ายของชายแก่"
เมื่ออันธพาลทั้งสี่เข้ามาถึงบริเวณห้องโถงขนาดใหญ่ จู่ ๆ ประตูบานพับและหน้าต่างทุกซอกทุกมุมในตัวบ้านกลับมีกรงเหล็กผุดโผล่ขึ้นปิดกั้นห้อมล้อมไว้ทั้งหมดทุกบาน ประดุจดังขับเคลื่อนด้วยระบบกลไกพิเศษ
.
กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ เกิดความโกลาหลตื่นตระหนกตกใจหวาดกลัว ต่างพากันชุลมุนวิ่งปรี่หวังหาหนทางออก ทั้งสี่คนตะโกนร้องเรียกขอความช่วยเหลือ แต่เสียงร้องอันโหยหวนนั้น มิสามารถเล็ดลอดจากกระจกอันหนาทึบไปได้เลยแม้แต่นิดเดียว
ชายแก่ผู้พิการได้เปล่งเสียงที่สงบนิ่งและเยือกเย็นผ่านไมโครโฟนอันกึกก้องดังออกไปว่า "พวกเจ้าพึ่งเข้ามาเยือนบ้านของเรา เหตุไฉนเลยจึงเร่งรีบคิดจะกลับเเล้ว โปรดอยู่กับสิ่งที่เจ้านั้นหมายปองปรารถนาไว้ตั้งแต่แรกด้วยเถิด"
.
กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ เมื่อได้ยินเสียงชายแก่กล่าวเพียงครั้งแรกก็ตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล จึงพากันกราบไหว้อ้อนวอนขอให้ชายแก่นั้นปลดปล่อยพวกตนให้เป็นอิสระ ชายแก่ผู้พิการได้เอ่ยปากถามกลุ่มอันธพาลทั้งสี่คนกลับไปว่า
"สิ่งที่พวกเจ้าดิ้นรนเข้ามาถึงที่นี่ไม่ใช่เพียงเพราะทรัพย์สมบัติหรอกหรือที่มีค่ามากกว่าชีวิต คนเราเมื่อใดที่หาความสุขในหนทางที่ผิดมันก็คือความทุกข์ที่คอยติดตามตัวเราเสมือนเงาเพื่อรอวันส่งผล บัดนี้ลองตอบเราสิว่า เงินและทองคำมีค่ามากมาย กับวันพรุ่งนี้---สิ่งใดหาค่าเทียบได้ยาก"
กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ ได้ตอบเป็นเสียงเดียวกันคือ การมีลมหายใจในวันพรุ่งนี้มีค่ามากที่สุด ชายแก่พิการถามกลับไปอีกว่า "เมื่อไม่มีเงิน ไม่มีบ้าน ไม่มีสินทรัพย์ใด ๆ แล้วสิ่งใดหาค่าเทียบได้อยาก" กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ กลับตอบเป็นเสียงเดียวกันอีกครั้งว่า “การมีลมหายใจในวันพรุ่งนี้มีค่ามากที่สุด เพราะหากไร้ซึ่งชีวิต ทรัพย์สินทุกอย่างล้วนไม่มีค่าอะไรเลย”
ชายผู้พิการยังถามกลับไปอีกครั้งว่า "สิ่งใดมีค่าเฉกเช่นลมหายใจในวันพรุ่งนี้" กลุ่มอันธพาลทั้งสี่ได้แต่ร้องห่มร้องไห้เพราะไม่สามารถที่จะหาคำตอบใด ๆ ได้ ชายผู้พิการได้กล่าวขึ้นมาว่า “ก็ร่างกายของพวกเจ้าไง ที่มีค่ามากที่สุด”
.
"มีตาที่มองเห็น มีหูที่ได้ยิน มีจมูกที่รับกลิ่น มีปากที่ลิ้มรส มีมือไว้หยิบจับ มีขาไว้ก้าวเดิน และมีสมอง มีสติ มีความรู้สึก เพราะมีสิ่งที่ล้ำค่าเหล่านี้ ถึงสามารถสร้างสรรค์สิ่งของต่าง ๆ ให้เกิดคุณค่าได้ แต่เหตุไฉนคนเรามักไม่เคยเห็นคุณค่าของตนเอง”
ไม่ว่าจะเกิดขึ้นมาอยู่ในรากฐานของตระกูลใดก็ตาม ควรใช้สติไตร่ตรองสิ่งที่ล้ำค่าในตัวเองให้มาก เมื่อเกิดมาร่างกายสมบูรณ์เพียบพร้อมก็ควรเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นประโยชน์แก่ตนเองและผู้อื่น เพราะสรรพสิ่งไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้โดยที่ไม่ลงมือทำอะไรก่อน
.
จงอย่าด้อยค่าดูถูกตนและเลือกยอมแพ้ หากว่าร่างกายยังมีครบ ต่อให้ร่างกายไม่เพียบพร้อมก็ไม่ควรยอมแพ้ขณะที่ยังมีลมหายใจ เฉกเช่นเราที่ร่างกายไม่สมประกอบ แต่ก็สู้อย่างมีสติ จนกระทั่งทุกวันนี้ พวกเจ้าทั้งสี่จงจดจำเอาไว้เถิด
เมื่อสิ้นเสียงของชายแก่ผู้พิการ กลุ่มอันธพาลทั้งสี่คนได้ตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืด ณ จุดบริเวณตนที่พวกตนกำลังแอบมองชายแก่ยืนเก็บเศษของเก่าอยู่ขณะนั้น อันธพาลทั้งสี่ได้แต่จ้องมองชายแก่ผู้พิการ และยืนงงพร้อมตั้งคำถามกับตนเองว่ามันคือเรื่องจริงหรือความฝันกันแน่ ?
.
ก่อนทั้งสี่คนจะเดินหันหลังแยกย้าย และเลิกคิดสิ่งที่ไม่ดี ชายแก่ผู้พิการกลับหันหน้าจ้องมองกลุ่มอันธพาลทั้งสี่ ก่อนที่จะแสยะยิ้มออกมาเหมือนกำลังรอคอยผู้หลงผิดรายต่อไป...
Author: Never Give Up
โฆษณา