25 ก.พ. เวลา 02:22 • ท่องเที่ยว

ภาระกิจ …ตามหา ดอก Edelweiss เพื่อไปให้ผู้ชายที่ชื่อดาวิด

Ep1 วันแรก @ Zurich
คุณพึมพำ เจ้าของเพจพึมพำให้ฟัง หายศีรษะไปเป็นเวลาเนิ่นนาน ก็อย่างที่เคย
เม้าท์ไว้ว่า จะหลบไปทำการปลูกต้นไม้ใบหญ้า อยู่ที่ยอดเขา จนแล้วจนรอด ท้ายสุด มาจบอยู่ที่ บริษัท ผลิตเครื่องสำอางค์ แบบงงๆไปได้ยังงัย ก็ไม่รู้
วันนี้ หนีงานยุ่งๆ มามีอารมณ์อยากเป็นนักเล่าเรื่อง เหมือนเดิม เลยมาลองเปิดดูหน้าเพจของเรา มันดูเหงาๆ เพราะไม่ได้โพสต์มาครึ่งปีน่าจะได้ วันนี้เลยตั้งใจจะมาเม้าท์เรื่องการท่องเที่ยวทริปล่าสุดที่แอบไปมา ตามที่จั่วหัวเรื่องไว้ ถ้าอยากรู้ว่ามันยังงัย ต้องติดตามกันให้จบนะจ๊ะ
น้องตุ้มตุ้ย เธอลอยเด่นเป็นสง่า อยู่ที่สถานีรถไฟที่ซูริค ใครมาที่นี่ ก็ต้องมาชักภาพนาง
โอเค เรื่องมันเริ่มมาจาก มีค่าตั๋วเครื่องบิน ที่เคยจองไว้ ว่าจะไปยุโรป แต่โควิด
ดันระบาดยาวนาน ก็เลยอดไป ยังดีที่ทางสายการบิน refund เงินคืนมาให้ และ
กองไว้ในธนาคารเป็นเวลาสามปี
ระหว่างนั้น ก็หยอดกระปุกแบบมีความหวังมาเรื่อยๆ จนได้เงินก้อนนึงก็ไม่มากมายหรอกนะ เพราะเท่าที่รู้ตอนกลับมา จากทริปนี้ใช้หนี้หัวโตเลย เพราะค่าเงิน ค่าของทุกสิ่งทุกอย่าง มันแพงขึ้นจากเดิมมากมาย เท่าที่จำได้ทริปก่อนก่อนนี้พวกเราสามารถจองตั๋วเครื่องบิน ไป-กลับ ในราคาหมื่นกว่าบาทเอง แต่ครั้งนี้ ถูกสุดสุดก็ฟาดไป 30,000 กว่าๆแล้ว
แก๊งค์เก่ามารวมหัวกันที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เราสรุปกันได้ว่าภารกิจเราจะกลับไปบนยอดเขาเอลป์อีกครั้ง เพื่อตามหาดอก Edelweiss ที่เป็นดอกไม้ ในเรื่อง The sound of music ที่พระเอก เอามาให้นางเอกในเรื่อง ซึ่งพวกเราจะหาให้เจอ และเอาไปฝาก คุณเดวิด ที่ยืนโป้ รออยู่😂
ค้นหาดูใน Google ก็พอจะเห็นหน้าตา ดอก Edelweiss มันก็สีขาวนวลๆ แต่เขาว่ากันว่า ดอกไม้ชนิดนี้ มีเฉพาะ ยอดเขาเอลป์เท่านั้น ดังนั้นภารกิจ อันท้าทายจึงเกิดขึ้น
เสบียง…ของแก๊งค์ เพื่อทุ่นค่าใช้จ่าย และรสชาติที่คุ้นลิ้น หม้อหุงข้าวเราก็มี 😂😂
อย่างเคยๆ กระเป๋าเดินทางใบเก่าที่มีรอยขูดขีด เนื่องจากผ่านประสบการณ์การเดินทางอย่างช่ำชอง กับสิ่งที่บรรจุภายใน 80% คือ อาหารเป็นซองแกงสารพัดแกงน้ำพริก น้ำปลา น้ำจิ้มซีฟู้ด น้ำสลัดครบครัน ไม่ใช่อดอาหารไทยไม่ได้หรอก แต่ค่าครองชีพที่สวิสนี่ซิ เราจึงจำเป็นต้องหอบข้ามน้ำ ข้ามทะเล
วันแรกของการเดินทางเครื่องพาพวกเราไปลงที่ สนามบินซูริคในเช้าตรู่ ง่วงก็ง่วงแต่ต้องเที่ยวให้คุ้ม หลังจากเครื่องลงจอด เราก็ลากกระเป๋าไปเปิดเอาแปรงสีฟันล้างหน้าล้างตา หวีผมผัดแป้งให้พอเป็นผู้เป็นคน พอเรียบร้อยแล้วก็เดินทางเข้าเมืองด้วยรถไฟ รีบเอากระเป๋า ไปฝากไว้ในล๊อดเกอร์ เพราะตามแผน วันนี้จะเดินท่องเที่ยวในซูริค จนบ่ายแก่ๆ ค่อยต่อรถไฟไปที่ Interlaken เพราะพวกเราจะพักที่ Interlaken นานสุด แล้วก็นั่งรถไฟเที่ยวเอา
วิวตัวเมือง สวยสบายตามาก
มายุโรปหลายรอบแล้ว แต่ไม่เคยเหงื่อแตก ตัวชุ่มเท่ารอบนี้เลย ซูริคร้อนเอามากๆประเภทเสื้อที่ใส่คลุม ต้องถอดทิ้งเพราะเหงื่อท่วมตัว แต่ก็ดีอย่างหนึ่งที่มีแสงแดดทำให้ถ่ายรูปออกมาสวยงาม ก็เลยเดินหาจุดแลนด์มาร์กต่างๆของเมือง เพื่อจะถ่ายรูป แบบเรื่อยๆเฉื่อยๆ จนบ่ายสองได้ เดินเยอะอยู่นะ
ตามรูปที่เห็น เมืองซูริคเป็นเมืองสวยงาม ผู้คนน่ารัก อากาศถ้าไม่ร้อนเหมือนครั้งนี้คงจะจะเดินเล่นได้สนุกกว่านี้ แต่อย่างไรก็ตาม ถึงปากจะบ่นว่าร้อน แต่ก็เดินเสียขาลากเหมือนกัน ถือ concept ที่ว่า ต้องเอาให้คุ้ม เพื่อความคุ้มค่านั่นเอง
เมืองสวยๆ ในวันฟ้าใสๆ
จนบ่าย เราก็ไปตามแผนที่วางกันไว้ คือเราจะแวะไปเมืองเล็กๆ น่ารัก ไม่ห่างจาก ซูริคนัก เมืองนั้นชื่อเมืองสไตล์ แอม ไรน์ Stein am Rhein เมืองเล็กๆ ดูขลังๆ อยู่ติดแม่น้ำไรน์
แต่ก่อนจะได้เดินชิวๆ ดันมีเรื่องต้องเดินหาธนาคารในเมืองนี้ก่อน เป็นเพราะเราเหลือเงินฟรังสวิต ตั้งแต่มามาเที่ยวสวิสครั้งที่แล้ว 300 ฟรังสวิต แต่ก่อนมาเช็คใน net พบว่าแบงค์ที่เรามีอยู่ในมือมันเลิกใช้งานแล้ว และ 300 ฟรัง มูลค่าก็ประมาณซัก 6000 บาท เราต้องจึงต้องแลก เอามาใช้ จึงเป็นสาเหตุ ให้เดินจ้ำหาธนาคาร ก่อน เพราะตอนเราไปถึงเมืองนี้ มันใกล้ถึงเวลาปิดทำการของธนาคารแล้ว
เดินกันจนเหนื่อยแทบตาย สุดท้ายก็ Mission complete เจอธนาคาร ตรง land mark ของเมืองนี้พอดี ทางธนาคารรับแบงค์เก่า แล้วเปลี่ยนแบงค์ใหม่ให้เราทันทีพอได้ตังค์อยู่ในมือแล้ว ถึงได้มีโอกาสเดินชิวๆแบบเหงื่อเปียกทั่วตัว
เมืองโบราณ เล็กๆติดแม่น้ำไรน์ Stein am Rhein
พอบ่ายแก่ๆ อากาศเริ่มเย็นลง เราพากันเดินเล่น จนสมควรแก่เวลา ก็เลยนั่งรถไฟ กลับเข้าซูริด เพื่อเอาสัมภาระ ที่ฝากไว้ในล็อคเกอร์ เดินทางต่อไปเมืองInterlaken จบการเดินทางวันแรก เดี๋ยวเจอกันที่ Interlaken Ep2 จร้า
บ้านช่อง น่ารักน่าชัง และที่ไม่เคยลืม ก็เจ้าหน้าต่าง น่ารักๆนี่แหละ เป็นความชอบส่วนตัว
โฆษณา