26 ก.พ. เวลา 01:36 • ท่องเที่ยว
Great Ocean Road

เที่ยว Great Ocean Road ถนนเลียบชายฝั่งที่สวยที่สุด

Chapter 69/3: Exploring the Wonders of the Great Ocean Road
2
ถึงเวลาไปแอ่ว Great Ocean Road กันแล้ว ทริปนี้เราแพลนไว้ว่าจะใช้เวลาแค่ 2 วันพอกรุบกริบ โดยวันแรกเริ่มต้นที่ Bells Beach ไปจบที่ Port Campbell และพักที่นั่น 1 คืน วันรุ่งขึ้นก็จะขึ้นไปเก็บที่เที่ยวด้านบนที่เหลือ แล้วค่อยขับรถกลับเข้าเมลเบิร์น
1
แต่ก่อนเริ่มเดินทางเรามารู้จักกับ Great Ocean Road กันซักนิดค่ะ
Great Ocean Road (ต่อไปนี้จะขอเรียกสั้นๆ ว่า GOR ตามที่คนท้องถิ่นเค้าเรียกนะคะ) เป็นเส้นทางขับรถเลียบชายฝั่งที่มีทิวทัศน์สวยงามและมีชื่อเสียงที่สุดของออสเตรเลีย ทอดยาวไปตามชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของรัฐวิกตอเรีย มีระยะทางประมาณ 243 กิโลเมตรและวิ่งระหว่างเมือง Torquay (ทอร์คีย์) และ Allansford (อัลลันส์ฟอร์ด)
GOR ถูกสร้างขึ้นโดยทหารที่เดินทางกลับมาจากสงคราม เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้แก่ผู้ที่รับใช้ประเทศในสงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มสร้างในปี 1919 แล้วเสร็จในปี 1932 GOR จึงไม่เพียงแต่เป็นเส้นทางขับรถที่สวยงามเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งรำลึกถึงการเสียสละของเหล่าทหารอีกด้วย
และสิ่งที่ทำให้เส้นทางนี้มีชื่อเสียงไปทั่วโลกก็คือความสวยงามของหน้าผาหินปูนที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติเมื่อ 10 ถึง 20 ล้านปีก่อน ที่ได้ถูกกาลเวลา คลื่นลมพายุ และกระแสน้ำทะเลในมหาสมุทรค่อยๆ กัดเซาะหน้าผาหินเหล่านี้จนเกิดเป็นแนวหินรูปร่างต่างๆ และกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของที่นี่ ไม่ว่าจะเป็น Twelve Apostles, Loch Ard Gorge และ London Arch
เล่ามาขนาดนี้คงอยากเห็นกันละเนอะ ป่ะ เริ่มเดินทางกันเลยค่ะ
เราออกจากเมลเบิร์นประมาณ 10 โมงเช้า จุดหมายแรกที่จะไปคือ Bells Beach เปิดดูพยากรณ์อากาศแอบเซ็งเลย มีฝนตกปรอยๆ ทั้ง 2 วัน อากาศก็ขมุกขมัว แม๋…อุส่าห์จินตนาการว่าจะได้รูปสีสันสดใสซะหน่อย 🥲
ขับมาประมาณชั่วโมงครึ่งก็ถึง Bells Beach ค่ะ
Bells Beach
Bells Beach เป็นชายหาดที่มีชื่อเสียงในเรื่องการเล่นเซิร์ฟบอร์ดมาก ทุกๆ ปีในเดือน ม.ค. จะมีการจัดการแข่งขัน Rip Curl Pro Surfing Competition ซึ่งเป็นการแข่งกระดานโต้คลื่นมืออาชีพที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลกตั้งแต่ปี 1962
Bells Beach
แล้วรู้มั้ย Bells Beach ยังเป็นเมืองต้นกำเนิดของ Rip Curl แบรนด์เสื้อผ้าสำหรับนักเซิร์ฟชื่อดังอีกด้วยนะ
เราเดินที่นี่แป๊บเดียวเพราะอากาศช่างเย็นซะเหลือเกิน ไปที่ต่อไปกันดีกว่า
จาก Bells Beach เราไปต่อกันที่ Split Point Lighthouse ที่เมือง Aireys Inlet (แอรีย์ส อินเล็ต) กันค่ะ
Split Point Lighthouse
ประภาคารแห่งนี้เดิมทีถูกเรียกว่า Eagles Nest Point ถูกสร้างขึ้นในปี 1891 เพื่อช่วยนำทางเรือที่แล่นตามแนวชายระหว่างเมือง Cape Otway และ Port Philip
Split Point Lighthouse
ถึงแม้เวลาจะผ่านมานานเป็นร้อยปีแล้ว แต่ประภาคารแห่งนี้ก็ยังคงรักษาสภาพเดิมไว้ได้อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างอาคาร บันไดที่ทำจากไม้ และโคมไฟที่ปัจจุบันก็ยังคงใช้งานได้ตามปกติ
Split Point Lighthouse
ชอบที่นี่นะเค้าทำทางเดินไปจุดชมวิวได้สวยดี แต่จะบอกว่าถ่ายรูปยากโฮก เพราะแต่ละที่นี่ลมแรงมากกกก ตัวแทบปลิวเลย
จาก Split Point Lighthouse ขับตรงมาเรื่อยๆ เราก็จะเจอกับ Eastern View ซึ่งที่นี่จะมี Memorial Arch หรือซุ้มประตูอนุสรณ์ เป็นสัญลักษณ์ที่บอกว่าเราได้เข้าสู่เส้นทาง Great Ocean Road กันแล้ว
แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกซักหน่อย
ที่จุดนี้จะมีเรื่องราวความเป็นมาของ GOR ให้นักท่องเที่ยวได้ศึกษาด้วย
Memorial Arch at Eastern View
เริ่มหิวแล้ว เราจะไปหาข้าวเที่ยงกินกันที่เมือง Lorne (ลอร์น) ค่ะ
Lorne เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงในเรื่องหาดทรายขาวสะอาด อากาศสดชื่น คนนิยมมาเล่นเซิร์ฟที่นี่ไม่แพ้ที่ Bells Beach เลย
Lorne
ถ้าเทียบกับเมืองอื่นๆ ที่ขับผ่านมาเรารู้สึกว่า Lorne ใหญ่และคึกคักกว่ามาก ที่นี่มีร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกเยอะเลย แต่นักท่องเที่ยวก็เยอะตามด้วยเหมือนกัน
Lorne
เจอตู้นี้ Little Free Pantry น่าจะเป็นตู้สำหรับให้คนในชุมชนได้แบ่งปันอาหารกัน ใครมีอะไรที่อยากให้ก็เอามาใส่ไว้ในตู้นี้ ใครขาดอะไรก็มาหยิบจากตู้นี้ได้เช่นกัน ขอแค่หยิบไปเท่าที่ต้องการ
Little Free Pantry
เนื่องจากเรามาถึงประมาณบ่ายโมง ฝนก็ตกพรำๆ ร้านอาหารทุกร้านเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว เราเลยตัดสินใจหาอะไรกินง่ายๆ ดีกว่า เดินผ่านร้านขายพายร้านนี้พอดี ซึ่งเค้าบอกว่าได้รางวัลซะด้วย
Grandma Shields Bakery
ได้ Chunky Steak Pie ที่เป็นตัวเด็ดของทางร้านมาชิมหนึ่งหน่วย
ตัวแป้งพายอบมาได้หอมดีนะแต่ไส้มันออกจะแฉะไปหน่อย ถ้าเค้าผัดให้แห้งกว่านี้หน่อยน่าจะอร่อยขึ้น โดยรวมรสชาติพอได้ค่ะ
ที่คลาสสิกมากคือเมืองนี้มี Lorne Theatre โรงหนังโบราณที่เปิดบริการมาตั้งแต่ปี 1937 ด้วย เจอโดยบังเอิญเพราะไปขอเข้าห้องน้ำ
น้องๆ staff ที่ Lorne Theatre น่ารักมาก
ไม่มีโอกาสเข้าไปดูข้างในโรงเพราะเค้ากำลังฉายหนังอยู่ แต่เห็นว่าประตูกั้นโรงหนังยังเป็นผ้าม่านอยู่เลย คลาสสิกของจริง
จาก Lorne เราขับรถไปเที่ยวน้ำตก Erskine Falls (น้ำตกเออร์สกิน) ในเขตอุทยาน Great Otway National Park ที่อยู่ใกล้ๆ กันซักแพร๊บ
ทางก็ช่างโรแมนติกซะเหลือเกิน แต่ช้านอยากได้แดดจ้า 🌞
น้ำตก Erskine เป็นหนึ่งในน้ำตกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมือง Otways มีความสูงประมาณ 30 เมตร
จากที่จอดรถใช้เวลาเดินประมาณ 5 นาทีก็จะเจอกับทางไปจุดชมวิว ซึ่งจะมี 2 ที่คือ Upper Falls และ Lower Falls เราเลือก Lower Falls เพราะอยากเห็นน้ำตกใกล้ๆ
ทางไปน้ำตกเป็นทางเดินอย่างดีเลย
เดินต่อมาอีกนิดนึงก็เจอน้ำตกค่ะ น้ำตกอันนี้ไม่ได้ใหญ่มากแต่สวยดี น้ำไหลแรงมากกระเซ็นมาโดนตัวเปียกกันเลย
น้ำแรงมากสีขุ่นเชียว
จากน้ำตกเรากลับเข้าเมืองไปเดินเล่นที่ Lorne Pier หรือท่าเรือกันต่อเพราะฝนหยุดแล้ว
Lorne Pier
Lorne Pier สร้างขึ้นในปี 1879 เพื่อรองรับอุตสาหกรรมตัดไม้และใช้เพื่อขนเสบียงไปยังชุมชนที่อยู่ห่างไกล
ต่อมาในปี 2007 Lorne Pier ได้ถูกสร้างขึ้นมาใหม่เพื่อทดแทนของเดิมที่เสื่อมสภาพ ซึ่งการออกแบบท่าเรือใหม่นี้ได้รับรางวัล Engineering Excellence อีกด้วย
เป็นท่าเรือที่สวยมากเลย
คนมาที่ท่าเรือเพื่อตกปลากันเยอะมาก แถมอากาศเย็นขนาดนี้ยังมีคนมาเล่นเซิร์ฟบอร์ดอีก เห็นละหนาวแทนเลย
1
ที่เห็นจุดดำๆ นั่นคือคนมาเล่นเซิร์ฟบอร์ดนะ
ออกจาก Lorne เราก็มุ่งตรงไปยังจุดหมายต่อไป Twelve Apostles ค่ะ
Twelve Apostles
Twelve Apostles หรืออัครสาวกทั้งสิบสอง เป็นชื่อเรียกกองหินที่ตั้งตระหง่านเรียงกันอยู่นอกชายฝั่งในเขตอุทยานแห่งชาติ Port Campbell
ได้มาเห็นของจริงแล้ว
จริงๆ แล้วชื่อ Twelve Apostles นั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับอัครสาวกทั้งสิบสองของพระเยซูเลย แต่เป็นความตั้งใจที่จะเปลี่ยนชื่อเดิมของกองหินนี้จาก Sow and Piglets ให้มันฟังดูยิ่งใหญ่และน่าจดจำขึ้น
และความจริงกองหินนี่ก็ไม่ได้มี 12 กองตามชื่อ Twelve Apostles ด้วยนะ แต่มีแค่ 9 กอง ต่อมาในเดือน ก.ค. 2005 กองหินกองนึงก็ได้พังทลายลง เหลือเพียง 8 กองที่ยังคงตั้งตระหง่านท้าสายลมและแสงแดดอยู่
รูปจาก https://en.wikipedia.org/wiki/The_Twelve_Apostles_(Victoria)
รูปบนคือกองหินดั้งเดิมทั้ง 9 กอง ส่วนรูปล่างคือกองหินในปัจจุบันที่เหลือเพียง 8 กอง
กองหน้าสุดที่พังทลายไปเหลือแค่เพียงเศษซากให้เห็นเท่านั้น
อยากบอกว่า Twelve Apostles ที่เราได้เห็นกับตาตัวเองมันสวยงามและยิ่งใหญ่มาก เราถ่ายรูปที่จุดนี้อยู่นานเลย และถึงอากาศจะขมุกขมัว แต่ในบางเสี้ยวเวลาที่แดดส่องมากระทบยิ่งทำให้เราประทับใจในความสง่างามของกองหินเหล่านี้
Twelve Apostles ผู้ยิ่งใหญ่
จาก Twelve Apostles เราก็ขับรถตรงไปยัง Port Campbell (พอร์ต แคมป์เบลล์) เพื่อเข้าที่พักกันค่ะ เราเลือกพักที่เมืองนี้เพราะอยู่ใกล้กับที่เที่ยวที่จะไปวันพรุ่งนี้หลายที่เลย จะได้ขับรถไม่เหนื่อยมาก และเมืองนี้ก็คึกคักพอสมควรมีร้านค้าร้านอาหารให้เลือกเยอะ
ส่วนที่พักเราจองจาก AirBnb ชื่อ SeaFoam เป็นที่พักแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำอยู่ตรงข้ามชายหาดเลย วิวดีมากๆ
SeaFoam
ราคาก็แรงเอาเรื่องคืนละประมาณ 13,000 บาท แต่ต้องเลือกที่นี่เพราะที่พักอื่นเต็มหมดแล้ว เพราะช่วงที่ไปคือวันที่ 26–27 ธ.ค. ซึ่งเป็นวันหยุดยาวและเราจองช้า แต่ห้องก็ดีสมราคาเลยนะใหญ่มาก มากันเป็นครอบครัวนี่อยู่ได้สบายๆ
ห้องกินข้าวมีเครื่องครัวพร้อม กับระเบียงที่มองเห็นชายหาด
2 ห้องนอนและ 2 ห้องน้ำ สะดวกสบายมาก
เย็นนั้นฝนยังคงตกอย่างสม่ำเสมอตามที่พยากรณ์อากาศบอกไว้จริงๆ เราเลยไม่ได้เดินสำรวจในเมือง ได้แต่ฝากท้องกับร้านอาหารใน Port Campbell Hotel
อาหารที่นี่รสชาติใช้ได้เลย
นี่ก็เป็นวันแรกของ GOR ทริปค่ะ เดี๋ยว Blog หน้าจะพาไปเก็บที่เที่ยวใน GOR กันอีก 1 วัน อย่าลืมติดตามอ่านกันนะคะว่าจะมีที่ไหนบ้าง แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าทุกที่ที่ไปสวยมากเลยนะ 😄
สำหรับ Blog นี้ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ 😊

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา