26 ก.พ. เวลา 03:30 • กีฬา
สนามกีฬาเวมบลีย์

แชมป์แรกแห่งฤดูกาล และสิ่งที่ Liverpool มีเหนือ Chelsea

แม้บาวคัพจะเป็น
ถ้วยที่เล็กสุดในอังกฤษ
แต่ผลจากเกมนัดชิงครั้งนี้
ที่เฉือนชนะกันเพียงลูกเดียวถึงต่อเวลา
กลับทำให้เห็นรายละเอียดที่ยิ่งใหญ่
ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความแตกต่างได้มากมาย
ว่าอะไรคือสิ่งที่ Chelsea ขาด Liverpool มี?
.
.
.
สิ่งนั้นคือ “Connection” หรือจุดเชื่อมโยงที่จะผสานให้ทุกคนในทีมเล่นเป็นหนึ่งเดียวกันจริงๆ ต่อให้ทีมสิงห์บลูส์จะอุดมด้วยยอดแข้งพันล้านมากมาย ชนิดที่แทบจะขี่คอกันลงเล่นได้ มองไปที่ม้านั่งสำรองก็มีอาวุธหนักรอให้ใช้งานอีกเพียบ เมื่อเทียบกับทัพหงส์แดงที่มองไปก็เพียบเช่นกัน ตัวเจ็บนะ เพียบเลย นั่งกันพรึบเลยจนแอบตกใจ
แต่กลายเป็นสิงห์ที่มีแต่รูปและทรัพย์ ยังขาดหัวใจนักล่า เมื่อเวลาเล่นจริง ถึงจะมีหลายจังหวะต่อบอลกันสวย เข้าทำมาดีมากๆ ก็ดูจะต่างคนต่างเล่น อาศัยความสามารถเฉพาะตัวกันเป็นหลัก ไร้ซึ่งความเหี้ยมที่จะขย้ำอีกฝ่ายให้เด็ดขาด ใช้โอกาสเปลืองสุดๆ เหมือนไม่เคยฝึกยิงกันมาก่อน จังหวะน่าได้ก็ไม่ได้ ไม่ละเอียด
ทั้ง “C.Gallagher” ที่ได้โอกาสครั้งแล้วครั้งเล่า ก็เอาไปทิ้งลงส้วมแบบทื่อๆ ทั้ง “E.Fernandez” ที่ได้โอกาสทองหน้าปากประตู ก็ไม่รู้จะตอกส้นเล่นยากเพื่อ!? ทั้งที่เพื่อนอยู่ในตำแหน่งดีกว่า ยิ่ง “N.Jackson” บอกตรงๆ ว่ายังห่างไกลมากสำหรับมาตรฐานแดนผู้ดี นี่ครึ่งแรกถ้าจารย์ไม่มั่ว ปล่อยเกมเวอร์ คงโดนเหลือง แดงกันไปบ้าง
สิ่งที่ดีที่สุดของพวกเขาในเกมนี้คือฟอร์มของ “D.Petrović” ที่แสดงให้เห็นเลยว่าฝากผีฝากไข้ได้ ยืนตำแหน่งดี เซฟก็ดี ในที่สุดก็กลับมาเจอโกลดีๆ อีกครั้ง หลังเหนื่อยกับพวก Kepa, E.Mendy, R.Sanchez จนเสียหายมานับครั้งไม่ถ้วน
กลับกันเมื่อมองไปยังฝั่งหงส์ที่สวมวิญญาณสีแดงเพลิงลงสู้กันเต็มที่ จะเห็นได้ว่าทั้งเกมรุกและรับพวกเขาต่างช่วยกันเล่น ช่วยกันไล่ บด เบียด ขยี้ไม่ให้อีกฝ่ายเล่นง่าย ทั้ง “Alexis Mac Allister” ที่เบียดแย่ง ห้ำหั่นกับ “M.Caicedo” เพื่อนเก่าอย่างดุเดือดเลือดจนแดนกลางระอุ เป็นพื้นที่ที่สู้กันเยอะสุด
ทั้ง “L.Diaz” ที่เป็นเดอะแบก ทั้งฉีกกระชาก ลากเลื้อย พุ่งตะลุยฝ่าดงตีนน้ำเงินคราม พยายามพาบอลไปข้างหน้า ต่อบอลกับเพื่อน จบสกอร์ได้ทุกครั้งที่มีช่อง เรียกได้ว่ารีดทุกเอเนอจี้ที่มีออกมาใช้อย่างสุดกำลัง ทั้ง “I.Konate” ที่สูงใหญ่ แข็งแกร่ง เบียดแย่งทีก็มักจะได้เปรียบ หลายครั้งก็เป็นเขาที่ชะลอเกมรุกพันล้านไม่ให้แผลงฤทธิ์ได้เท่าที่ควร
ที่สำคัญคือ “VVD” คนดีคนเดิม ถึงจะเคยผ่านมรสุม เจออาการบาดเจ็บหนักเล่นงาน เจ็บออดๆ แอดๆ ก็มาก จนฟอร์มตกลง ทว่าเขาก็ยังคงฮึดสู้ ยกระดับมาตรฐานตัวเองกลับมาได้เรื่อยๆ พร้อมจุดขายคือลูกกลางอากาศที่อันตราย สอดมาโหม่งได้ตลอด อย่างเกมนี้ที่ทำให้เห็นเน้นๆ ถึง 2 ครั้ง ส่งสัญญาณเตือนตั้งแต่ครั้งแรกที่โดน VAR ริบ รวมถึงความเป็นผู้นำที่สร้างขวัญกำลังใจให้ทีมได้ตลอด สมกับดีกรีปราการหลังเบอร์ต้นๆ ของโลก
และที่สำคัญต้องยกเครดิตให้ “C.Kelleher” โกลมือ 2 ที่ระเบิดฟอร์มเหนียวแน่นหนึบ ยืนตำแหน่งดี ปฏิกิริยาเยี่ยม อย่างจังหวะยิงของ C.Palmer ก็อ่านการวางเท้าออกแล้วพุ่งตัวไปก่อน เซฟได้หวุดหวิด นอกนั้นก็เซฟอุตลุด หยุดทุกจังหวะอันตรายของ Chelsea ได้หลายครั้งมากๆ
มากกว่านั้นคือ แม้จะเสีย “R.Gravenberch” กองกลางคนสำคัญไปตั้งแต่ไก่โห่ พยายามสู้กันไปมา จนเมื่อถึงเวลาที่รูปเกมเริ่มอึดอัด ยืดยื้อไปเรื่อยๆ แข้งหลักก็เริ่มกรอบโรยแรงจนคล็อปป์ต้องส่งเด็กลงไปช่วยสู้ แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้ผมโคตรทึ่ง เมื่อเหล่าหงส์แดงวัยกระเตาะกลุ่มนี้ต่างวิ่งสู้ฟัด ลงมาก็เพรสซิ่งได้ไม่ต่างจากพี่ๆ บดไล่ตั้งแต่แดนบนบีบให้เหล่าสิงห์ออกบอลยาก
ที่เป็นแบบนี้เพราะ Liverpool ใช้เทคนิคการซ้อมแบบเป็น “หนึ่งเดียว” ด้วยการให้แข้งดาวรุ่งมาซ้อมกับทีมชุดใหญ่ ใช้สนามเดียวกัน ใช้ระบบการเล่นแบบเดียวกันมาตลอด เป็นสิ่งที่คล็อปป์พยายามปลุกปั้น ทำงานกับเข้าของทีมมานานหลายปี ถึงจะไม่มีเงินให้ใช้มาก ก็ลงทุนตรงจุด คือ ความใส่ใจรายละเอียดในการสร้างกำลังคน ตั้งแต่เยาวชน ระบบการเล่น และแท็คติคให้สอดประสานไปด้วยกันมากที่สุด แล้วยิ่งรู้ว่าบอสกำลังจะแยกจาก เราเลยได้เห็นทุกคนต่างวิ่งลืมตาย สู้เพื่อเขาอย่างดีที่สุดจวบจนสิ้นเสียงนกหวีด
บอกได้เลยว่าเกมนี้
Chelsea ทำตัวเองชัดๆ
ขณะที่ Liverpool ได้แสดงให้เห็น
ถึงสปิริตและความเป็นหนึ่งเดียวอย่างแท้จริง
ขอแสดงความยินดีกับแชมป์แรกแห่งฤดูกาล
ชื่นชมหัวจิตหัวใจจริงๆ ครับ,,, 👏👏
เขียนบทความโดย: แอดจารย์ธัญ 💙
โฆษณา