2 มี.ค. เวลา 00:00 • หนังสือ

บทความ Blockdit ตอน Spice of Life

“ผมคงแก่แล้วมั้ง ผมเพิ่งรู้สึกว่าชีวิตคนเรามันน่าจะมีอะไรมากกว่าการไปทํางานวันละเจ็ดแปดชั่วโมง เหนื่อยแทบตายไปเพื่ออะไรก็ไม่รู้ พยายามหาเงินสร้างความมั่นคงให้ชีวิต คงเป็นความรู้สึกของคนใกล้ตายแล้วกระมัง”
2
“ไม่หรอก ชีวิตคุณกำลังเริ่มต้นต่างหาก อย่าลืมสิคะ Life begins at forty.”
2
“อาจจะจริง หลายเดือนนี้ผมรู้สึกดีขึ้นมาก”
“Variety is the spice of life.”
1
“ใครพูด?”
“จำไม่ได้แล้ว”
“เส้นชีวิตของผมตอนนี้เป็นไงไม่รู้?”
“จะเป็นเส้นโค้ง เส้นหยัก หรือเส้นคดก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ รับรองว่าไม่ใช่เส้นตรงค่ะ”
6
“ผมอยากพบคุณวันอื่นๆ บ้าง ไม่ใช่เฉพาะคืนวันศุกร์”
“เราต่างก็ต้องมีเวลาส่วนตัวของเราเองไม่ใช่เหรอ Absence makes the heart grow fonder. พบกันทุกวันชีวิตอาจกร่อยก็ได้”
3
“ไม่หรอก ผมรู้วิธีแก้แล้ว แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม...”
2
ผมมองหล่อนเต็มตา “...ขอบคุณที่เปลี่ยนผม”
นี่เป็นบทสนทนาจากเรื่องสั้น บทพิศวาสคืนวันศุกร์ (รวมเรื่องสั้น สมุดปกดํา กับใบไม้สีแดง) ตัวละครยกข้อความภาษาอังกฤษสามประโยค
Life begins at forty.
Variety is the spice of life.
Absence makes the heart grow fonder
6
ทั้งสามประโยคนี้พูดกันมานานแล้ว มีความหมายถึงการใช้ชีวิต Life Begins at Forty เป็นชื่อหนังสือปี 1932 ของ Walter B. Pitkin ในเวลานั้นอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์คือ 60 ตอนนั้นอายุ 40 ถือว่าเป็นวัยชรา แต่เมื่อวิทยาการการแพทย์ดีขึ้น คุณภาพชีวิตคนดีขึ้น อายุเฉลี่ยสูงขึ้น ดังนั้น 40 จึงไม่ใช่วัยชราอีกต่อไป มันเป็นจุดเริ่มต้นต่างหาก
2
ตัวเลข 40 กลายเป็น ‘new normal’ ของชีวิตแต่ความหมายที่เราใช้กันตอนนี้คือ คนเราเมื่ออายุถึงเลข 4 ชีวิตของเขาหรือเธอจะดีขึ้น เพราะมีเงินมากขึ้น มีประสบการณ์ชีวิตดีขึ้น
3
เราเกิดมาเป็นทารก เติบโตเป็นเด็ก วิ่งเล่น เรียนหนังสือ จนโตเป็นหนุ่มสาว และเริ่มทำงาน ในวัยหนุ่มสาว สามารถตั้งครอบครัวมีลูกได้ แต่อาจไม่ทุกคนที่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร หรือไม่แน่ใจว่าเกิดมาทำไม
3
ดูเหมือนว่าคนส่วนใหญ่ต้องโตจนถึงวัยหนึ่ง มีประสบการณ์ชีวิตมากพอ จึงเริ่มรู้ว่าจะไปทางไหน ในความหมายนี้ อายุ 40 น่าจะเป็นวัยดังกล่าว
1
forty จึงมีความหมายในเชิงสัญลักษณ์มากกว่าหมายความตรงคำเป๊ะว่า พออายุ 40 ก็เข้าใจโลกเลย forty ของบางคนอาจมาก่อน ของบางคนอาจมาหลัง 40 และ forty ของบางคนอาจไม่เคยมาถึงเลย
4
ในจุด forty เราเริ่มรู้ว่าชีวิตคืออะไร ทําไมโลกเลื่อนไหลไปอย่างที่เป็น เรากำลังทำอะไรอยู่ มีความหมายมากกว่าที่เรากำลังทําอยู่หรือไม่ มันเป็นจุดที่ทำให้เราเริ่มครุ่นคิด และเมื่อรู้ว่าจะไปทางไหน ก็อาจมีความสุขในชีวิตมากขึ้น
3
พูดง่ายๆ คือเป็นผู้ใหญ่เต็มตัว ทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ
2
ประสบการณ์ชีวิต ณ จุด forty ชี้ให้เราเห็นว่า อย่าซีเรียสกับชีวิตนักชีวิตมีทางไปมากกว่าหนึ่งทางเสมอ และไม่มีสูตรสำเร็จ ชีวิตเต็มไปด้วยการพลิกแพลงเสมอ
6
แต่เราจะคิดอย่างนี้ได้ ก็ต้องผ่านประสบการณ์หลากหลาย
ร่างกายคนเราจะแข็งแรงสมบูรณ์ก็เมื่อได้รับสารอาหารครบถ้วน ซึ่งเกิดจากการกินอาหารหลากหลาย ชีวิตก็เหมือนกันประสบการณ์ ความรู้หลากหลายช่วยทำให้เราเติบโตทางจิตวิญญาณเต็มที่
2
ก็คือความหมายของ Variety is the spice of life
ประโยคนี้มาจากบทกวี The Task ของ William Cowper ตีพิมพ์มาตั้งแต่ปี 1785 แต่เขาไม่ใช่คนแรกที่เขียนข้อความสื่อความหมายนี้ ข้อความที่สื่อความหมายเดียวกับ Variety is the spice of life. มีมานานหลายร้อยปีแล้ว
1
spice คือเครื่องชูรส
variety คือความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์หลากหลาย การอ่านหนังสือหลากหลาย กินอาหารหลากหลาย ท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ที่ไม่เคยไป ไม่เคยรู้มาก่อน
ความหลากหลายก็คือผงชูรสของชีวิต ทำให้ชีวิตมีรสชาติ มีความน่าค้นหา น่าทดลอง น่ามีชีวิตต่อไป
1
ความหลากหลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมนุษย์ ไม่ว่าในระดับสังคมหรือปัจเจก
สังคมที่ขาดความหลากหลายในทุกด้าน ยากจะพัฒนาถึงจุดสูงสุด
ชีวิตคู่ของมนุษย์เราประกอบด้วยการรักกัน ทะเลาะกัน อยู่ด้วยกันแยกกัน
มีบทเรียนหนึ่งเกี่ยวกับชีวิตคู่ที่ฟังดูเหมือนแปลก แต่มีประโยชน์ นั่นคือการรู้จักแยกกันบ้าง
ชีวิตคู่คือการอยู่ด้วยกัน แต่ชีวิตคู่ไม่ใช่ปาท่องโก๋ ตัวไม่ต้องติดกันตลอดเวลา
1
หากรู้จักแยกกัน ให้อิสระอีกฝ่ายหนึ่งบ้าง ไม่ต้องกินข้าวด้วยกันทุกมื้อ ไม่ต้องดูหนังด้วยกันทุกครั้ง อาจพบว่าการแยกกันทำให้รักกันยิ่งขึ้นได้
2
เป็นที่มาของสำนวน Absence makes the heart grow fonder.
5
ประโยคนี้มาจากงานปี 1850 ของ Thomas Haynes Bayly ชื่อเรื่อง Isle of Beauty แต่มีสำนวนอื่นที่มีความหมายเดียวกันนานหลายร้อยปีก่อนหน้านี้
1
absence คือการไม่เห็นหน้ากัน
fonder คือใจผูกรักมากขึ้น ปรารถนามากขึ้น
3
การแยกกันบ้างทําให้ทั้งสองฝ่ายได้หายใจ ผ่อนคลายแรงกดดันขบคิด พินิจชีวิตที่ผ่านมา
1
ทำให้ความสัมพันธ์มั่นคงขึ้นคนเราอาจไม่คิดถึงกัน เมื่ออยู่ด้วยกันแต่ถ้าไม่คิดถึงกัน เมื่อไม่อยู่ด้วยกัน ก็เป็นสัญญาณเตือนว่าความสัมพันธ์บอบบางแล้วการแยกกันจึงเป็นดัชนีอย่างหนึ่งที่วัดความแข็งแรงของความสัมพันธ์ การใช้ชีวิตอยู่ให้เป็น ช่วยให้ความสัมพันธ์ยืดยาว ยั่งยืน และ เมื่อนั้น Life begins at forty. จริง
4
โฆษณา