29 ก.พ. เวลา 21:35 • ประวัติศาสตร์
วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร (ภูเขาทอง)

“เมื่อฝรั่งชาวคริสต์ ขุดพบกระดูกพระพุทธเจ้า…”

เรื่องนี้ เพิ่งเกิดตอนสมัยรัชการที่ 5 ราวร้อยกว่าปีที่ผ่านมานี้เอง.. ที่มีการขุดพบกระดูกของพระพุทธเจ้าในประเทศอินเดีย.. นับว่าเป็นเหตุการณ์น่าตื่นเต้นสำหรับนักวิชาการ และฝรั่งชาวยุโรป..
ที่น่าตื่นเต้น โดยเฉพาะนักโบราณคดีและประวัติศาสตร์โลก ก็เพราะเดิมที “พระพุทธเจ้า” .. การประสูตร ตรัสรู้ ปฐมเทศนา และปรินิพพาน และบุคคลที่เกี่ยวข้อง เป็นแค่เรื่องเล่าในพระไตรปิฏก.. ไม่มีหลักฐานยืนยันว่า มีตัวตน เกิดเหตุการณ์ และมีสถานที่จริง..
ไม่ต่างจากศาสดาในศาสนาอื่นๆที่ถูกกล่าวไว้ในคำภีร์โบราณต่างๆ.. ที่ไม่อาจยืนยันตัวบุคคล เหตุการณ์ สถานที่.. ที่ระบุไว้ในคัมภีร์นั้นๆได้ว่า เป็นความจริง..
เมื่อมีการขุดพบกระดูกพระพุทธเจ้า.. พบสถานที่ที่เกี่ยวข้อง.. จนนักวิชาการเหล่านั้นยอมรับว่า.. พระพุทธเจ้า ศาสดาในศาสนาพุทธมีตัวตนจริง และเป็นเรื่องจริง..
แต่สำหรับผู้เขียน และชาวพุทธทั่วไป คงไม่ตื่นเต้นนะครับ.. เพราะเราเชื่อมานานว่า จริง.. เคยไม่มีวิจิกิจฉา.. ไม่เคยลังเลสงสัยในพระรัตนตรัย..
ในยุคที่อินเดียถูกปกครองโดยอังกฤษ.. มีชาวอังกฤษเข้ามาดำรงตำแหน่งต่างๆมากมาย.. บางคนอาจจะมองว่า เป็นโอกาสดีที่จะได้ขุดค้นแหล่งโบราณคดีของอินเดีย เพื่อจะนำของมีค่าไปขาย หรือเพื่อจะค้นหาประวัติศาสตร์ของประเทศอินเดีย ก็แล้วแต่จะคิด..
มีฝรั่งคนหนึ่ง ชื่อ เปปเป้ พาครอบครัวมาสร้างบ้านอยู่อาศัย และซื้อที่ดิน ทำไร่จำนวนมาก.. เขายังเป็นนักขุด มือสมัครเล่นด้วย.. กลุ่มคนพวกนี้ น่าจะศึกษาตำราคัมภีร์โบราณ เพื่อหาแหล่งโบราณคดีเพื่อขุดค้นด้วย..
ที่น่าแปลกใจคือ พวกเขาไม่ได้เชื่อสิ่งที่เขียนในพระไตรปิฏก.. แต่เขายึดเอาบันทึกของพระภิกษุชาวจีนที่เคยเดินทางมาประเทศอินเดีย เช่น พระถังซำจั๋ง เป็นหลัก..
หลายคนสงสัยว่า เปปเป้ไปขุดเจอกระดูกพระพุทธเจ้าได้อย่างไง.. ถ้าไปถามพระทูตไทยในอินเดีย บางท่านอาจจะเล่าว่า เพราะกลางคืนมีแสงสว่างโพลงขึ้นจากพื้นดิน ทำให้เปปเป้ออกไปขุด..
แต่เรื่องที่เป็นทางการ ระบุเพียงว่า.. คนงานของเปปเป้บังเอิญไปขุดเจอขณะทำไร่..
ผู้เขียนเข้าใจเองว่า เปปเป้คงขุดไปทุกที่ๆสงสัยเป็นปกติอยู่แล้ว.. เปปเป้คงได้ศึกษาและสงสัยว่า เมืองปริปาวาที่ระบุในคัมภีร์พุทธว่า ญาติของพระพุทธเจ้านำพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับการแบ่ง ภายหลังปรินิพพานมาฝังไว้..
ปกติแล้ว สิ่งก่อสร้างโบราณ มักจะเห็นเป็นเนินดิน คล้ายภูเขาเตี้ยๆ.. เขาคงคิดว่า ถ้าน่าจะขุดลงไป น่าจะเจอสุสาน เจอกระดูกพระพุทธเจ้า พร้อมของมีค่าก็ได้..
ต้องเข้าใจว่า ศาสนาพุทธในยุคราว 1,500 ปีในอินเดียนั้น นิกายมหายานมีการแพร่หลายมาก.. นิกายนี้ ไม่ยอมรับพระไตรปิฏกของฝ่ายเถรวาทที่เป็นพระเถระสมัยพุทธกาล.. จึงทำการแก้ไขพระวินัยกันเอง..
ช่วงเวลานั้น พระราชาก็ดูแลพระภิกษุฝ่ายมหานิกายเป็นอย่างดี สร้างมหาวิทยาลัยสงฆ์นาลันทาให้พระภิกษุอยู่ ไม่ต้องออกบิณฑบาตร.. เป็นอยู่สุขสบายกว่า การออกปฏิบัติตามป่าเขา..
พระภิกษุคงเน้นการศึกษาปริยัติ มองคำสอนเป็นปรัชญา ต้องตีความจนทำให้ยากที่ชาวบ้านจะเข้าถึง..
เมื่อมีการบุกรุกของอิสลาม และประกอบกับการฟื้นฟูศาสนาพราหมณ์ใหม่ ที่เรียกว่า ศาสนาฮินดู.. จากที่มีแต่พราหมณ์ ไม่ต้องมีวัด ไม่ต้องบวช.. ก็ปรับปรุงให้มีการสร้างวัดฮินดู มีนักบวชฮินดู.. ดัดแปลงคัมภีร์ให้พระพุทธเจ้าอยู่ในศาสนาฮินดู เป็นปางของพระนาราย์อวตารลงมา.. เป็นต้น..
สุดท้าย ศาสนาพุทธ (นิกายมหายาน) ก็สูญหายไปจากประเทศอินเดีย.. ชาวอินเดียหันมานับถือ ศาสนาฮินดู.. เหมือนช่วงก่อนมีศาสนาพุทธ.. ขณะที่อังกฤษมาปกครอง คนอินเดียก็คงไม่รู้จักศาสนาพุทธกันแล้ว..
เปปเป้ให้คนงานขุดดินบนเนินดินใหญ่.. ที่เมืองปริปาวา ซึ่งเป็น 1 ใน 8 เมืองที่ตำราบันทึกว่า หลังปรินิพพานได้รับการแบ่งพระบรมสารีริกธาตุไป..
เขาพบอิฐคล้ายซากสถูป.. ขุดลงไปจนคิดว่าถึงระดับพื้นดินแล้ว พบห้องเล็กๆ.. พบหีบหินวางอยู่..
เมื่อเลื่อนฝาหินเปิดดู พบผอบ หรือหม้อโบราณหลายชิ้น.. มีชิ้นหนึ่ง เป็นวัสดุมันวาว ทำด้วยหิน.. น่าจะเป็นของคนสำคัญ .. มีการสลักอักษรที่อ่านไม่ออก จารไว้รอบๆผอบ..
เมื่อเปิดผอบออกดู.. ก็พบ เถ้าและเศษกระดูกมนุษย์.. พร้อมด้วยอัญมณี และแผ่นทองคำ รูปทรงดอกไม้.. นับร้อยนับพันชิ้นอยู่ภายใน..
เปปเป้ รีบเขียนจดหมายไปเล่าให้เพื่อนซึ่งเป็นนักโบราณคดีตัวจริง 2 คนฟัง พร้อมขอความเห็น.. เพื่อน 2 คนพอรู้ว่าขุดมาจากเมืองไหน ก็ตื่นเต้น ถามว่า.. มีแผ่นจารึกอักษรอะไรบ้างมั้ย..
เปปเป้ บอกว่า ไม่มีแผ่นจารึก.. แต่มีอักษรที่อ่านไม่ออก จารจารึกไว้ที่ข้างผอบ แล้วเขาก็คัดลอกตัวอักษรส่งไปให้เพื่อนอ่าน..
เพื่อนอ่านแล้วยิ่งตกใจ.. แปลให้ฟังว่า.. เป็นจารึกที่สลักว่า.. เป็นกระดูกของพระพุทธเจ้าที่ญาติฝังเอาไว้..
เรื่องนี้ โด่งดังในวงการโบราณคดีมาก.. มีการเก็บกระดูกที่พบไว้ในพิพิธภัณฑ์ของอินเดีย จนปัจจุบัน.. ส่วนของมีค่าที่ขุดพบ เปปเป้เก็บไว้เป็นของตระกูล..
ผู้นำอังกฤษเห็นว่า คนอินเดียส่วนใหญ่ นับถือศาสนาฮินดู.. อังกฤษก็นับถือศาสนาคริสต์.. แต่สยามประเทศนับถือศาสนาพุทธ..
ข่าวลับแจ้งมาว่า.. ประเทศอังกฤษต้องการเป็นญาติดีกับประเทศสยามในเวลานั้น.. จึงแบ่งพระบรมสารีริกธาตุให้แก่ ร. 5 พระมหากษัตริย์แห่งสยามประเทศ..
ร.5 เอง ก็ตั้งขณะทำงานมาตรวจสอบพิจารณาก่อน.. บางส่วนเสนอความเห็นว่า ต้องดูให้ดีก่อน.. ถ้าสิ่งที่เขาส่งมอบมาเป็นของปลอม เราจะเสียชื่อ.. ที่สุด มีการตรวจสอบแล้ว เชื่อว่า เป็นพระบรมสารีริกธาตุจริง จึงส่งคณะไปรับมอบ..
ร. 5 ท่านก็ให้อัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในพระเจดีย์ภูเขาทอง ณ วัดสระเกศ..
กล่าวฝ่ายเปปเป้ผู้น่าสงสาร เพราะมีข่าวหนาหู ลือว่า.. เปปเป้ เป็นจอมลวงโลก แต่งเรื่องขึ้นเอง.. ปลอมผอบเอง.. ปลอมของเก่าให้คนเชื่อว่าตนขุดพบกระดูกศาสดาในศาสนาพุทธ.. ข่าวลือมีมานาน เป็นตราบาปจนเปปเป้ถึงแก่ความตาย..
หินอัญมณีและทองคำเหล่านั้น อยู่ในครอบครองของลูกหลานเปปเป้ที่ย้ายกลับมาอยู่ประเทศอังกฤษแล้ว..
หลายปีต่อมา.. สารคดีดังของอังกฤษ สืบค้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก..
โดยนำผู้เชี่ยวชาญโบราณคดีชาวเยอรมันที่มีชื่อเสียงในการอ่านภาษาโบราณ.. พากันไปตรวจสอบ ผอบดังกล่าวที่เก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์อินเดีย..
ผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า..
“เปปเป้ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับภาษาโบราณ.. ไม่น่าเชื่อว่า เขาจะมีความสามารถในการปลอมอักษรนี้ได้..
ดูลักษณะผอบแล้ว มีความเก่าตามธรรมชาติเป็นพันปีจริง.. เป็นของโบราณจริง..
ร่องรอยอักษรที่จารึก ก็เป็นการจารจริง ไม่ได้จารใหม่.. สรุปว่า เปปเป้ไม่ได้โกหก..
แต่ที่ยังสงสัยคือ ทำไม อักษรที่จารึก เป็นอักษรผิดยุค..
เพราะอักษรที่ใช้ในสมัยพระพุทธเจ้าเมื่อ 2500 ปีก่อน.. คือ อักษรบาลี หรือภาษามคธ..
แต่จารึกรอบผอบ เป็นภาษาอินเดียโบราณ ใช้อักษร “พราหมี“.. ซึ่งเป็นอักษรที่ใช้ในยุคหลังปรินิพพานแล้ว 200 -500 ปี ก็คือ ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช..
คำตอบ เปิดเผยขึ้นในเวลาต่อมา เมื่อมีนักโบราณคดีชาวอินเดียในยุคหลัง เชื่อว่า เปปเป้ขุดสถูปลึกไม่พอ น่าจะยังไม่ถึงระดับพื้นดิน.. เขาจึงดำเนินการขุดค้นที่สถูปเดิม.. แต่ขุดลึกลงไป.. ลึกลงไปเรื่อยๆ..
จนถึงชั้นเดียวกับระดับพื้นดิน.. จึงพบห้องเล็กที่ถูกเปิด ถูกขุดนานมากแล้ว.. พบร่องรอย ของการเก็บพระบรมสารีริกธาตุโดยญาติของพระพุทธเจ้าจริงๆ..
สารคดีสรุปว่า.. พระบรมสารีริกธาตุและผอบที่ประดิษฐานในสถูปดังกล่าว.. อยู่มานานจนสถูปพังทลาย ไม่มีใครสนใจ..
200 ปี ต่อมา.. พระเจ้าอโศกมหาราช ได้สั่งให้ค้นหาสถูปที่เก็บพระบรมสารีริกธาตุตามตำนานทั้ง 8 แห่ง จนพบ.. แล้วสั่งให้ขุดขึ้นมา แบ่งบางส่วนออกมา เพื่อนำไปบรรจุไว้ที่ใหม่ที่จะสร้างจนครบ 84,000 แห่ง..
ส่วนสถูปเดิม ก็ให้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่เหลือในผอบ และจารจารึกลงไปใหม่ เก็บลงไปใหม่ เพื่อให้คนรุ่นหลังทราบว่าเป็นกระดูกของพระพุทธเจ้า..
ดังนั้น พระบรมสารีริกธาตุที่เปปเป้ขุดพบ จึงเป็นของพระพุทธเจ้าจริง..
แต่ผอบที่มีจารึกนั้น ทำขึ้นมาใหม่ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ถัดมาอีก 200 ปี จึงจารึกด้วยอักษรพราหมี ไม่ใช่ภาษาบาลี..
ในสมัย ร.9 มีการสร้างวัดไทยในประเทศอินเดีย.. ท่านได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุที่วัดสระเกศบางส่วน กลับคืนไปบรรจุในพระเจดีย์ของวัดไทยในประเทศอินเดียด้วย..
ทราบดังนี้แล้ว.. ใครมีเวลา ก็แวะไปกราบพระบรมสารีริกธาตุที่วัดสระเกศ เพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิตนะครับ..
พุทโธ เมนาโถ..
ธรรมโม เมนาโถ..
สังโฆ เมนาโถ..
โฆษณา