Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
WealthMagik
•
ติดตาม
8 มี.ค. เวลา 03:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ
WealthMagik
เปิดโลกการลงทุน หุ้น และหุ้นกู้ ต่างกันยังไง?
ช่วงนี้สินทรัพย์มาแรงที่หลายนักวิเคระห์พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเหมาะสำหรับลงทุนในสภาวะดอกเบี้ยสูงเช่นนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นตราสารหนี้ หรือหุ้นกู้นั่นเอง บางคนอาจทราบดีอยู่แล้วว่าหุ้นกู้คืออะไร แต่ก็ยังมีนักลงทุนหลายท่านที่สับสนระหว่างหุ้น และหุ้นกู้ อาจด้วยทั้งสองสินทรัพย์มีชื่อที่คล้ายกัน บทความนี้เลยชวนทุกคนมาเจาะลึกความต่างระหว่าง หุ้น และหุ้นกู้ ว่าต่างกันอย่างไรบ้าง แต่ละสินทรัพย์เหมาะกับการลงทุนแบบไหน!
●
ทำความเข้าใจหุ้น และหุ้นกู้
หุ้น หรือตราสารทุน โดยนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นจะมีสถานะเป็น “เจ้าของ” บริษัท หรือที่เรียกว่า “ผู้ถือหุ้น” ซึ่งถ้าบริษัทนั้นมีกำไร ก็หมายความว่าผู้ถือหุ้นจะได้กำไรไปด้วย แต่ในทางกลับกันถ้าบริษัทขาดทุนก็มีโอกาสที่จะขาดทุนไปด้วยเช่นกัน
หุ้น แบ่งออกเป็น 2 ประเภทด้วยกัน นั่นคือ หุ้นสามัญ และหุ้นบุริมสิทธิ ซึ่งทั้งสองประเภทนักลงทุนจะมีสถานะเป็นเจ้าของบริษัทเช่นเดียวกัน แต่จะต่างกันตรงผู้ที่ถือหุ้นสามัญจะมีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น ส่วนผู้ที่ถือหุ้นบุริมสิทธิจะไม่มีสิทธิในการออกเสียงลงมติในที่ประชุมผู้ถือหุ้น และได้รับเงินปันผลในอัตราคงที่ แต่ในกรณีที่บริษัทนั้นเลิกประกอบกิจการหรือขาดทุน ผู้ที่ถือหุ้นบุริมสิทธิจะได้รับปันผลและเงินคืนทุนก่อนผู้ถือหุ้นสามัญ
หุ้นกู้ หรือตราสารหนี้ แบ่งออกเป็นตราสารหนี้ที่ออกโดยรัฐบาล และตราสารหนี้ที่ออกโดยภาคเอกชนหรือที่นักลงทุนรู้จักกันในชื่อหุ้นกู้ โดยนักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้จะมีสถานะเป็น “เจ้าหนี้” เนื่องจากรัฐบาล หรือบริษัทออกหุ้นกู้นั้นมีวัตถุประสงค์เพื่อขอกู้ยืมเงินจากประชาชน โดยจะจ่ายผลตอบแทนกลับมาในรูปแบบของดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่กำหนด และชำระคืนเงินต้นคืนเมื่อครบกำหนดอายุของหุ้นกู้นั่นเอง
1
●
ผลตอบแทนระหว่างหุ้น และหุ้นกู้เป็นอย่างไร?
นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นจะได้รับผลตอบแทนจาก 2 ส่วน คือ เงินปันผลเมื่อบริษัทนั้นๆ มีนโยบายจ่ายเงินปันผล ซึ่งจะจ่ายเมื่อบริษัทมีกำไร และจากส่วนต่างของราคา ที่สามารถขายทำกำไรเมื่อราคาหุ้นนั้นขึ้น
นักลงทุนที่ลงทุนในหุ้นกู้จะได้รับผลตอบแทนจาก 2 ส่วนเช่นเดียวกัน นั่นคือจากดอกเบี้ยที่บริษัทจะจ่ายให้ตามระยะเวลาที่กำหนดไว้บนหน้าตั๋ว และจากส่วนต่างของราคา ที่สามารถขายทำกำไรได้เหมือนหุ้น ซึ่งในส่วนนี้จะมีตลาดรองตราสารหนี้ที่รองรับการซื้อขายเปลี่ยนมือระหว่างนักลงทุน
จุดที่แตกต่างกันของทั้งสองสินทรัพย์ในการได้รับผลตอบแทน คือ หุ้นอาจจะให้ผลตอบแทนที่มากกว่า แต่ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูงกว่า ดังนั้นผลตอบแทนที่ได้จากหุ้นจึงไม่แน่นอนไปด้วย ในฝั่งของหุ้นกู้เป็นสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำกว่า ให้ผลตอบแทนไม่สูงเท่าหุ้น แต่ได้รับผลตอบแทนคงที่ และสม่ำเสมอตามสัญญา
●
หุ้น และหุ้นกู้มีความเสี่ยงต่างกันแค่ไหน?
ในมุมมองของนักลงทุนหลายท่านคงทราบดีว่า “หุ้น” มีความเสี่ยงมากกว่า “หุ้นกู้” เนื่องจากความผันผวนของราคา จากสถานการณ์ของตลาดการลงทุนที่มีปัจจัยต่างๆ เข้ามากระทบก็สามารถส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทิศทางของหุ้นได้ทันที อีกทั้งการได้กำไรหรือปันผลจากหุ้นยังขึ้นอยู่กับผลการดำเนินงานของบริษัทนั้นๆ อีกด้วย
ส่วนหุ้นกู้นั้นก็มีความเสี่ยงเช่นเดียวกันในเรื่องของอัตราดอกเบี้ย หากดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้นก็ส่งผลให้หุ้นกู้มีมูลค่าลดลง และยังมีความเสี่ยงจากการผิดนัดชำระคืนเงินต้นอีกด้วย ซึ่งสามารถพิจารณาความเสี่ยงจากอันดับเครดิตของผู้ออกตราสาร และอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารได้
ในกรณีที่บริษัทล้มละลายหรือไม่สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ผู้ถือหุ้นกู้ที่มีสถานะเป็นเจ้าหนี้ จะมีสิทธิเรียกร้องเงินทุนคืนจากบริษัทได้ก่อน และมีโอกาสที่จะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนมากกว่าผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเรียกร้องและได้เงินทุนคืนเป็นลำดับท้าย
การลงทุน
หุ้น
หุ้นกู้
บันทึก
6
7
6
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย