ย้อนรอยประวัติศาสตร์ Cape gooseberry หรือที่บ้านเรารู้จักกันในชื่อ “โทงเทงฝรั่ง”
“ว่ากันว่าการจะทานผลไม้ให้อร่อยนั้น ต้องทานผลไม้ที่ออกตรงตามฤดู”
ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นกำลังเข้ามาเยือนแบบนี้ ผลไม้ฤดูหนาวที่ชวนให้นึกถึง น่าจะเป็นผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ ถ้าเป็น สตรอว์เบอร์รี่ ราสป์เบอร์รี่ และบลูเบอร์รี่ เราน่าจะรู้จักกันดี แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา มีผลไม้ตระกูลเบอร์รี่อีกชนิดหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น คือ เคพกูสเบอร์รี่ค่ะ หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก จึงเกิดความสงสัยกันอยู่ใช่ไหมคะ ว่าผลไม้ชนิดนี้คืออะไร
.
Cape gooseberry เป็นผลไม้จากต่างประเทศ บ้านเราจะรู้จักกันในชื่อ “โทงเทงฝรั่ง” ที่เรียกแบบนี้ เพราะในบ้านเรามี โทงเทงสายพันธุ์พื้นเมือง แต่ไม่ค่อยได้รับความนิยมมากนัก เนื่องจากในอดีตมีเยอะเต็มข้างทางไปหมด จึงถูกกำจัดทิ้ง เพราะคิดว่าเป็นวัชพืช
.
Cape gooseberry ชื่อนี้มีที่มาจากเมือง Cape of Good Hope ในแอฟริกาใต้ เนื่องจากมีการเพาะปลูกที่เมืองนี้เป็นแห่งแรก ในภูมิภาคอื่น ๆ จะเรียกชื่อของผลไม้ชนิดนี้แตกต่างกันออกไป อาทิเช่น Golden berry, Husk Cherry, Peruvian Ground Cherry, Poha berry และอีกมากมายหลายชื่อ ถ้าไปเที่ยวต่างประเทศเราอาจจะได้ยินชื่อไม่ซ้ำกันเลยค่ะ
.
Cape gooseberry เป็นผลไม้ที่มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รูปร่างรูปทรง และผิวด้านนอกเหมือนมะเขือเทศ มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ย 1 ถึง 2 เซนติเมตร ผิวเรียบ มันวาว ผลสีเหลืองทองอมส้ม ห่อหุ้มด้วยใบสีเขียวอมน้ำตาล คล้ายกระดาษที่ห่อหุ้มโคมไฟ เมื่อผ่าดูด้านในจะมีเมล็ดขนาดเล็กกระจายอยู่เต็มผล รสชาติ เปรี้ยวอมหวาน คล้าย ๆ องุ่นผสมมะเขือเทศ
.
ผลไม้ชนิดนี้ไม่เพียงแต่ดูสวยงามและน่ารับประทาน แต่ยังอุดมไปด้วยวิตามิน A และ C สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายและป้องกันไข้หวัดใหญ่ มีฟอสฟอรัสและแคลเซียมช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดและมีแคลอรี่ต่ำจึงเหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก แต่สรรพคุณที่โดดเด่นเลย คือ ช่วยเพิ่มการผลิตคอลลาเจนที่ให้ร่างกายนำไปใช้ในการบำรุงผิว เล็บ ผม จึงเป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ สมัยนี้มากเลยค่ะ
.
ถ้ามองผ่าน ๆ เราอาจจะคิดว่าผลไม้ชนิดนี้ ไม่น่าจะนำไปใช้งานได้หลากหลาย แต่จริง ๆ แล้วไม่ใช่เลยค่ะ Cape gooseberry เป็นผลไม้ที่ทานได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบปรุงสุก แบบดิบ อีกทั้งยังเข้ากันได้ดีกับอาหารคาวและหวาน
.
หากนำไปปรุงสุกควรนำเปลือกออกก่อน เพราะเปลือกจะมีรสชาติขมและทานไม่ได้ แต่เปลือกก็ยังมีประโยชน์นะคะ เพราะสามารถใช้เป็นของตกแต่งบน ขนมอบ หรือของหวานได้ หากรับประทานแบบดิบ ๆ นิยมทำเป็นซัลซาสลัด ปั่นเป็นสมูทตี้ หรือหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ทานคู่กับซีเรียล ข้าวโอ๊ต โยเกิร์ต และไอศกรีม ในอังกฤษยังนิยมนำผลไม้ชนิดนี้ จุ่มลงในช็อกโกแลต ฟองดอง แล้วม้วนทานเป็นของหวานอีกด้วย
.
นอกจากใช้ทำของหวานแล้วผลไม้ชนิดนี้ ยังสามารถนำมาทำอาหารได้คล้ายกับมะเขือเทศอีกด้วย โดยนำไปปรุงเป็นคาสปาโช่ หรือผ่าครึ่งและเสิร์ฟพร้อมกับบูราต้าชีส ใบโหระพา และน้ำส้มสายชู ทำเป็นเมนูอาหารเรียกน้ำย่อยได้เลยค่ะ ไม่เพียงเท่านี้ยังสามารถนำไปแปรรูปได้หลากหลาย เช่น แยม ชัทนีย์ ซอส ผลไม้แช่อิ่ม และน้ำเชื่อมสำหรับทำพาย crumbles และทาร์ต
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2024 Blockdit
