5 มี.ค. เวลา 03:34 • หุ้น & เศรษฐกิจ

CBG ดิ่งต่อ 7 วันติด หลังธุรกิจเบียร์ไม่ดีอย่างที่คาด นักวิเคราะห์ แนะ “ชะลอลงทุน”

ความเคลื่อนไหวราคาหุ้นบริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG วันนี้ (5 มีนาคม 2567) ดิ่งต่อ 7 วันรวด ล่าสุดนักวิเคราะห์ออกมาประเมินว่า แนวโน้มธุรกิจเบียร์อ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้ แถมธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง ตลาดในประเทศมีแนวโน้มลดลง ทำให้ปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 – 2568 ลง ระยะสั้นคาดราคาหุ้นตอบรับเชิงลบ แนะนำ ชะลอการลงทุน และปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 67 บาท
โดยนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองเป็นลบจากการประชุมนักวิเคราะห์วานนี้ แม้รายได้ธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลังในต่างประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวทั้งในตลาดกัมพูชา, เมียนมา และเวียดนาม แต่ตลาดในประเทศมีแนวโน้มลดลงจากไตรมาสก่อน เนื่องจากการบริโภคที่ชะลอตัว
นอกจากนี้แนวโน้มธุรกิจเบียร์อ่อนแอกว่าที่ประเมินไว้ โดยยอดขายอ่อนตัวลงในช่วงเดือน ม.ค. -ก.พ. จากตลาดเบียร์ที่ชะลอลงและบริษัทต้องเผชิญอุปสรรคในการขยายช่องทางจัดจำหน่าย Traditional Trade (TT) ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้บนช่องทาง TT มีอยู่เพียง 40-50% ของช่องทางจัดจำหน่ายทั้งหมด ต่ำกว่าเป้าหมายที่ 75% อย่างมีนัยสำคัญ (CBG รับรู้รายได้จาก TT เท่านั้น)
ทำให้แม้จะรับรู้รายได้จัดจำหน่ายธุรกิจเบียร์ได้เต็มไตรมาสเป็นไตรมาสแรก แต่คาดรายได้จัดจำหน่าย อาจจะทำได้เพียงทรงตัวหรือดีขึ้นเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน (รายได้จัดจำหน่ายเบียร์ในไตรมาส 4/66 อยู่ที่ 500 ล้านบาท) น้อยกว่าที่ฝ่ายวิจัยและตลาดประเมินไว้ก่อนหน้า ประกอบกับบริษัทจะรับรู้ราคาต้นทุนน้าตาลที่สูงขึ้น
ดังนั้นประเมินว่าแนวโน้ม GPM มีโอกาสลดลงจากไตรมาสก่อนได้ต่อ โดยรวมประเมินกำไรปกติไตรมาส 1/67 เบื้องต้นในกรอบ 550 – 600 ล้านบาท ชะลอลงจากไตรมาสก่อน แต่เติบโตได้จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะจากฐานต่ำ
โดยมีมุมมองเป็นบวกน้อยลงต่อแนวโน้มการเติบโตของ CBG เนื่องจากรายได้ธุรกิจเบียร์ที่เติบโตได้ช้ากว่าคาด และเพิ่มความระมัดระวังต่อธุรกิจเครื่องดื่มชูกำลัง จึงปรับประมาณการกำไรปกติปี 2567 – 2568 ลง 3.6% และ 2.4% เป็น 2,427 ล้านบาท (เติบโต 26.1%จากปีก่อน) และ 2,693 ล้านบาท (เติบโต 11% จากปีก่อน) ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามคงแนะนำ TRADING เชิงกลยุทธ์ระยะสั้นคาดราคาหุ้นตอบรับเชิงลบจากความผิดหวังของตลาดต่อแนวโน้มธุรกิจเบียร์ และยังขาดปัจจัยบวกหนุน แนะนำ ชะลอการลงทุน และปรับราคาเหมาะสมลงเป็น 67 บาท
ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ก็เช่นกัน มีมุมมองเป็นลบจากประชุมนักวิเคราะห์วันที่ 4 มี.ค. ภายหลังผู้บริหารระบุว่าเดือน พ.ย.-ธ.ค.66 มีส่วนแบ่งการตลาดของเบียร์เพียง 2% และถัดมาในเดือน ม.ค.-ก.พ. 67 เข้าสู่ Low season ของการบริโภคแอลกอฮอล์ รวมทั้งการแข่งขันในตลาด Traditional Trade ที่สูงระดับหนึ่ง ทําให้รายได้จากการจัดจําหน่ายเบียร์ปรับลดลงจากไตรมาสก่อน
นั่นหมายถึงส่วนแบ่งการตลาดอาจหย่อนกว่า 2% ลงไปอีก บริษัทอยู่ระหว่างทบทวนปรับลดเป้ารายได้เบียร์จากเดิมที่ 25 ล้านยูนิต/เดือน (รวมทุกช่องทาง) และตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดที่ 7-10% จึงเลื่อนแผนการขยายกําลังการผลิตขวดแก้วออกไปก่อน (จากเดิมที่คาดเห็นแผนในไตรมาส2/67) และตั้งเป้ารายได้เครื่องดื่มชูกําลังในประเทศปี 67 ราว 5-7% จากปีก่อน และต่างประเทศตั้งเป้าสูงกว่าที่ 10%
ด้วยส่วนแบ่งการตลาดเบียร์ที่มาช้ากว่าคาด จึงปรับลดสมมติฐานรายได้จากธุรกิจ เบียร์ปีนี้ลงเป็น 11% จากเดิม 35% ของรายได้รวม โดยปรับลดยอดขายเบียร์ลงเหลือ 8 ล้านยูนิตต่อเดือน (คิดเป็น 30% ของเป้าเดิม) สมมติฐานใหม่ของฝ่ายวิจัยตํ่ากว่าที่บริษัททําได้จริงในไตรมาส 4/66
ส่วนประมาณการของกลุ่มเครื่องดื่มชูกําลังยัง Conservative ตามเดิม ด้วยรายได้ในประเทศและส่งออกโตเฉลี่ย 4-5% แม้ส่วนแบ่งการตลาดเบียร์จะตํ่ากว่าเป้า แต่ตะวันแดงยังสนับสนุนค่าสปอนเซอร์รายการ EFL ราว 50% ตามเดิม ดังนั้นจึงปรับลดกําไรสุทธิปีนี้ ลง 12% เป็น 2.48 พันล้านบาท ยังเติบโต 29% จากปีก่อน
ดังนั้นจากการปรับลดกําไร ขณะที่แนวโน้มข้างหน้ายังไม่ชัดเจนนัก ยังมีประเด็นให้ติดตามหลายส่วน จึงปรับลด Target PE ลงเป็น 28 เท่า จากเดิม 30 เท่านําไปสู่การปรับลดราคาเป้าหมายลงเป็น 70 บาท จากเดิม 87 บาท แนะนําซื้ออ่อนตัว
โฆษณา