5 มี.ค. เวลา 11:52 • หุ้น & เศรษฐกิจ

Price is Nothing, Volatility is Real.

นักลงส่วนใหญ่มักให้ความสำคัญกับ “ราคา” เป็นหลัก เนื่องจากราคาที่ซื้อและขายมีผลโดยตรงต่อการกำไรหรือการขาดทุน จากการลงทุนในมุมมองของ Price Based
เวลานักเทคนิคส่วนใหญ่ดูกราฟก็จะใช้กราฟที่มีแกน y แสดง “ราคา” และ แกน x แสดงเวลา
ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ในมิติของราคา เมื่อเวลาเปลี่ยนแปลงไป และอาศัยความน่าจะเป็นในการพยายามพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นักลงทุนแนวปัจจัยพื้นฐานก็ให้ความสำคัญกับ “ราคา” ที่ซื้อและขาย ว่าเป็นราคาที่มี Discount หรือ Premium จากราคา Intrisic Value ที่ประเมินในขณะนี้ เทียบกับราคาในอนาคต ว่าควรจะเป็นเท่าไหร่
โดยนักลงทุนทั้งสองประเภทนั้น ล้วนให้ความสำคัญแต่เพียงมิติของ “ราคา” และ “เวลา” ทั้งสิ้น
ในขณะที่แท้จริงแล้ว ในโลกแห่งการลงทุนนั้นมีอีกมิติหนึ่ง ที่มีผลชัดเจนต่อราคาของสินทรัพย์ นั่นคือ “ความผันผวน” Volatility
ความผันผวนนั้น โดยทั่วไปมักจะถูกมองในบริบทของความเสี่ยงและความไม่แน่นอน โดยส่วนใหญ่จะเป็นมุมมองเชิงลบ และนักลงทุนก็มักจะพยายามหลีกเลี่ยง สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง
เมื่อคนส่วนใหญ่มองหาความได้เปรียบด้านราคาและหลีกเลี่ยงสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ทำให้การแข่งขันในตลาดการลงทุนด้วยมุมมอง Price Based นี้ มีการแข่งขันที่สูงมาก เป็นตลาด Red Ocean ที่ซัดกันนัวทั้งรายใหญ่ รายย่อย ตลอดจนสถาบันการเงิน
ในขณะที่อีกมุมหนึ่ง ความผันผวน นั้นนอกจากส่งผลด้าน “ความเสี่ยง” แล้ว ก็ยังส่งผลต่อประสิทธิภาพในด้านของผลตอบแทนด้วยเช่นกัน สินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง ก็สามารถให้ผลตอบแทนที่สูงในกรณีที่เกิดกำไรได้ไม่ต่างจากตอนที่ขาดทุน จึงทำให้นักลงทุนกลุ่มหนึ่ง มองความผันผวน เป็น “โอกาส” หันมาตามหาสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงๆ ที่จะลงทุน เป็นตลาด Blue Ocean ที่การแข่งขันน้อยกว่าทางฝั่ง Price Based แบบเทียบกันไม่ได้
แต่การที่จะสามารถแข่งขันโดยใช้กลยุทธ์ที่โฟกัสที่ความผันผวนได้ในระยะยาวและสร้างผลตอบแทนอย่างยั่งยืนให้ได้นั้น จำเป็นต้องมี Mindset มองสินทรัพย์ให้เป็น Asset Based แทนมุมมองด้าน Priced Based เดิม
มุมมอง Asset 1 ea = Asset 1 ea เสมอนั้น ถ้าทำได้จะทำให้สามารถถือครอง Asset ในระยะยาวได้ง่ายกว่าการยึดติดกับราคาของสินทรัพย์นั้นๆ (มุมมองเดียวกับ 1 BTC = 1 BTC) รวมถึงการเน้นที่การเพิ่ม “จำนวน” การถือครอง (Asset size) จะยิ่งช่วยเพิ่มมูลค่าของพอร์ตฟอลิโอได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว (Asset ต้องมีคุณภาพ ไม่ล้มหายตายจากไปไหน)
ในสินค้าสัญญาซื้อขายล่วงหน้า หรือ option นั้น มิติของ “ความผันผวน” Volatility เป็นสิ่งหนึ่งที่สำคัญมากๆ และมีความสัมพันธ์กับมิติของราคาและเวลาโดยตรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากในราคาออปชันนั้น มีทั้งส่วนของราคาที่เป็น Intrisic Value กับราคาที่เป็นพรีเมี่ยมจากความผันผวนและระยะเวลาที่เหลืออยู่ รวมอยู่ด้วยเสมอ
US ออปชัน ช่วงนี้ค่าพรีเมี่ยมสูงมาก ออปชันที่เหลืออายุน้อยๆ เช่นเหลืออายุ 7 วัน บางตัวมีพรีเมียมที่ ATM > 5% หรือแม้แต่ตัว underlying ที่เป็น index อย่าง sqqq ก็มีระดับ 2% ให้เห็นบ่อยๆ
ใน 1 ปี คาดหวังผลตอบแทนจากการ Buy & Hold เท่าไหร่กัน ?
ถ้าสามารถนำ Mindset การยอมรับ Drawdown ที่ทำให้สามารถ Buy & Hold ในการลงทุนแบบเน้นปัจจัยพื้นฐานมาประยุกต์ใช้ได้ ก็จะสามารถเข้าใจได้ว่าการทำกลยุทธ์การ Short Option เพื่อสร้างกระแสเงินสดในระยะยาวนั้น ก็ใช้ Mindset ไม่ต่างกัน
เพียงแค่เปลี่ยนมุมมองจากมิติของ Price มาเป็นมิติ ของ Volatility
เปลี่ยนแนวคิดจาก Price Based เป็น Asset Based
พยายามอย่ายึดติดกับการคิดหากำไรจากส่วนต่างของราคา
เปลี่ยนเป็นสร้างกระแสเงินสดจากการกินค่าพรีเมี่ยมจากความผันผวนที่สุดท้ายแล้วจะต้องเป็น 0 แน่นอนเมื่อถึงวันหมดอายุ
สร้างกระแสเงินสดจากเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นแน่นอน แทนที่เหตุการณ์ที่คาดว่าจะเป็น
โฆษณา