Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
ความจริงเนี่ยไม่มีความสุขเลย
•
ติดตาม
6 มี.ค. 2024 เวลา 13:01 • ไลฟ์สไตล์
ปีศาจที่คุณมิอาจที่จะกำจัดมันได้
ในนิยามของคุณปีศาจนั้นคืออะไร? สิ่งชั่วร้ายที่ชักจูงมนุษย์ให้ทำการอันขัดต่อประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า หรือว่าตัวอะไรสักอย่างที่พร้อมจะกินเด็กดื้อที่ไม่เชื่อฟังพ่อแม่ หึ ว่าไปนั้น~
แต่มันก็ถูกแล้วนะที่ว่า ปีศาจคือสิ่งชั่วร้ายแค่มันไม่ได้ชักจูงเราซะทีเดียว เอาตรงคือปีศาจมีจริงๆมันก็คงจะเป็นอะไรที่น่าสนใจมากเลย แบบเป็นจริงมีชีวิตที่คงจะเป็นนักจิตวิทยาโดยกำเนิด
อ่านใจคนได้ มองเห็นข้างในใจของคนอื่น รู้ถึงความกลัว แปลงกายได้เสกสิ่งของจากความว่างเปล่าได้ แถมยังมีทักษะในการพูดโน้มน้าวที่สุดยอดอีกต่างหาก เป็นสิ่งมีชีวิต(?)ที่วิเศษมากเลยใช่มั้ยละ
แต่นั้นก็แค่ในนิยามของศาสนาและความเชื่อเท่านั้น แต่ในนิยามที่ผมกำลังจะสื่อนี้มันไม่ได้เป็นอะไรที่ซับซ้อนเลยด้วยซ้ำ มันเป็นสิ่งชั่วร้ายนะถูกแล้วแค่ที่ไม่ถูกคือมันไม่ได้ชักจูงเรา แต่นั้นแหละคือตัวเราเอง
มนุษย์ไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นมาจากศีลธรรมหรือมโนธรรมที่บริสุทธิ์เอาตรงคือไม่ใกล้เคียง เราไม่ได้ประเสริฐอะไรเราและทั้งหมดก็เหมือนกันทั้งนั้น เหมือนกับสัตว์ทุกตัวบนโลกเกิดขึ้นมาเพราะว่าต้องการให้เผ่าพันธ์ดำรงอยู่ ปรับตัวเพื่อให้มีชีวิตรอด นั้นคือทั้งหมดของมนุษย์ดั่งเดิม
ทั้งความโกรธความอำมหิต ความโลภ ความอิจฉา และความมากในราคะ ทั้งหมดนั้นคือดั้งเดิมของพวกเราที่เราเคยเป็นเพื่อให้มีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้
ความอำมหิตมีไว้ล่าเพื่อกินและอยู่รอดแบบไม่ลังเล ความโลภมีไว้เพื่อให้เราต้องการ ความอิจฉามีไว้ผลักดันตัวเอง และความในกามมีไว้เพื่อสืบพันธุ์ และอารมณ์ความรู้สึกอีกมากมายที่ไม่อาจอธิบายได้จบ
แต่สิ่งเหล่านั้นมันขัดกับหลักการในการรวมฝูงที่มนุษย์ใช้อยู่ คือทุกคนอยู่ด้วยกันเป็นกลุ่มและผูกรั้งกันไว้ด้วยผลประโยชน์ และด้วยหลักการที่เป็นนามธรรมอย่างผิดชอบชั่วดีที่ถูกสร้างขึ้นมาทีหลัง ทั้งหมดนั้นมีไว้เพื่อกดความคิดและสัญชาตญาณแบบดั่งเดิมของเราเอาไว้และเพื่อให้สังคมที่มนุษย์นั้นได้สร้างและรวมตัวกันสงบสุขเรื่อยมา
แต่การที่มีสิ่งเหล่านั้นอยู่ไม่ได้ทำให้สัญชาตญาณของเราหายไป นั้นสินะเพราะถ้าสิ่งที่ถูกสลักมาในดีเอ็นเอของเรามันลบออกง่ายแบบนั้น โลกก็คงจะสงบสุขมากกว่านี้ไปนานแล้ว
ใช่ ที่จะบอกก็คือแค่ศีลธรรมมันช่วยให้โลกดีขึ้นไม่ได้ เรามีตัวอย่างมากมายให้เห็นเป็น100 แต่สุดท้ายเราก็ยังคงอยู่กับที่ไม่ไปไหน การลุ่มหลงอยู่ในภาพฉันเพ้อฝันที่ขาดซึ่งเหตุและผล มันใช้ไม่ได้
เหมือนกับที่ผมเคยเขียนไปหลายๆครั้ง ว่าดีเลวไม่มีอยู่จริงตั้งแต่แรก ศีลธรรมก็ไม่ต่างกันทั้งหมดนั้นมันเป็นแค่ภาพมายาที่มนุษย์สร้างขึ้นเพียงเพื่อทำให้สังคมที่เราสร้างมันอยู่ไปได้นานแบบไร้ปัญหาเท่านั้น แต่สุดท้ายมนุษย์ก็ถูกสิ่งที่ตัวเองคิดขึ้นมามาครอบงำตัวเอง
ผมไม่ได้หมายความว่าสิ่งที่เรียกว่าผิดชอบชั่วดีนั้นมันไม่ดี เพราะนั้นก็คือรากฐานของกฏหมายที่เป็นสิ่งที่ใช้ควบคุมผู้คนได้ดีมากกว่าศีลธรรมส่วนบุคคลซะอีก แต่ที่ผมจะพูดคือศีลธรรมมันไม่พอที่จะควบคุมพฤติกรรมตามสัญชาตญาณดั่งเดิมของมนุษย์ได้
และแน่นอนในประเทศที่กฏหมายก็ปวกเปียกแถมศีลธรรมในประเทศห่านี้ก็บิดเบี้ยวซะกว่าอะไร การหวังซึ่งการให้สังคมที่อยู่นั้นสงบสุขขึ้นโดยการปลูกฝังจิตสำนึกอันดีงามนั้นไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น เพราะนั้นคือสิ่งที่เราทำมาตลอดและสุดท้ายทุกอย่างก็ไม่เคยต่างไปจากเดิม
ทั้งความรุนแรงที่เกิดขึ้นในสังคม ปัญหาอาชญากรรม การฉ้อโกง การล่วงละเมิดทางเพศ และอีกมากมาย ตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของปัญหาทั้งหมดนั้นไม่ใช่ปีศาจที่คอยชักจูงเราอยู่ แต่ทั้งหมดนั้นคือตัวเราเอง สิ่งที่คุณมิอาจกำจัดมันออกไปจากตัวคุณได้
มันคือกระจกที่สะท้อนจิตใจและอดีตของคุณ ทุกสิ่งที่ตรงข้ามกับฉากหน้าของคุณโดยสิ้นเชิง การจมดิ่งกับสิ่งใดสิ่งนึงมากจนเกินไปก็เป็นอีกสิ่งที่จะคอยกระตุ้นสัญชาตญาณดิบของเราเหมือนกัน และเพราะว่ามนุษย์นั้นคือสัตว์สังคมที่อยู่รวมกันเป็นฝูง นั้นก็เป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เราไม่สามารถที่จะทำลายปีศาจในใยเราได้
เพราะสิ่งเร้าที่เรียกว่าการมีปฏิสัมพันธ์ยังไงละ ยิ่งมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นมากแค่ไหนความเสี่ยงที่เราจะไปกระตุ้นสัญชาตญาณที่เคยมีมาของเราก็จะยิ่งมากขึ้น ทั้งความโกรธเกลียดโลภกามและความริษยาก็จะยิ่งมีโอกาสที่จะเพิ่มพูนขึ้น
สิ่งคุณมีปฏิสัมพันธ์ในทางลบด้วยแล้วก็ยิ่งเข้าไปกันใหญ่ ความสัมพันธ์ที่แย่ไม่ว่าจะกับใครก็เป็นส่วนสำคัญอย่างนึงที่จะนำมาสู่ปัญหาสุขภาพจิตทีหลังซึ่งมันจะยิ่งไปกระตุ้นสัญชาตญาณดิบนั้นของเรามากขึ้น
เห็นแล้วรึยังว่าไม่ว่าจะทำยังไงคุณก็ไม่มีทางเอาปีศาจเหล่านี้ออกไปจากใจเราได้ มนุษย์อยู่คนเดียวไม่ได้ไม่งั้นจะยิ่งบ้า และถ้าอยู่กับสังคมก็จะเสี่ยง สุดท้ายแล้วไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไรไม่ว่าจะเทพหรือว่าอะไรที่ไหนก็มิอาจหยุดความชั่วร้ายข้างในลึกๆของคนเราได้
เราไม่รู้ว่าพระเจ้ามีจริงมั้ยและเราเกอดจากเค้ารึป่าว แต่ที่แน่ๆคือสิ่งที่เรากำลังรู้สึกอยู่นี้คือตัวเราจริงๆ และนั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราถึงไม่ลังเลที่จะตอบรับมันถึงแม้ว่ามันจะแย่แค่ไหน แต่นั้นคือตัวของเราและเราจะไม่สงสัยในตัวของตัวเองในวินาทีแรกเสมอ
สุดท้าย ถ้าถามถึงวิธีหยุดมันคงไม่มี แต่ถ้าเป็นการลดละก็ทำได้ อย่างที่บอกว่าถ้าศีลธรรมส่วนบุคคลมันไม่พอก็ทำให้มันเข้มแข็งขึ้น ด้วยกฏหมายที่เคร่งครัดที่จะไม่ปล่อยให้เราทำผิด การที่ทั้งกฏหมายและสภาพสังคมทั้งครอบครัวและสังคมภายนอกนั้นแข็งแรง ก็จะยิ่งลดการถูกกระตุ้นลง
ไม่อาจทำให้หานไปได้ แต่เรายังคงซ่อนมันได้และซ่อนมันไว้ให้ไกลที่สุด เพื่อสังคมและตัวของคุณเอง มันอาจจะดูง่าย แต่หากขาดวินัยในการพยายามสร้างฐานที่ดีให้แก่สังคมครอบครัวและการสั่งสอนที่ถูกต้อง ก็จะไม่สามารถที่จะสร้างบุคลากรรุ่นต่อไปให้ดีกว่ารุ่นนี้ได้
เรามีตัวอย่างมาแล้วมากมายที่สำคัญคือเรียนรู้จากมันและที่สำคัญอีกอย่างคืออย่าได้รังเกียจตัวเอง เพราะทั้งหมดนั้นคือตัวเรา ยอมรับในความผิดพลาดในอดีตและก้าวต่อไปในทางที่สมควรจะเป็นเรียนรู้จากสิ่งที่ผิดพลาดซะ
ทั้งหมดนั้นเพื่อคนรุ่นค่อไปและรากฐานที่สำคัญของสังคม อย่าได้ลืมซะละ
แนวคิด
พัฒนาตนเอง
พัฒนาตัวเอง
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย