Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
VIพันธุ์ทาง
•
ติดตาม
7 มี.ค. เวลา 15:41 • หุ้น & เศรษฐกิจ
Sea Change การลงทุนที่เปลี่ยนไป
ในโพสนี้ผมจะสรุปคำพูดของคุณ Howard Marks ผู้ร่วมก่อตั้ง Oak Tree Manaement
ขนาด Warrent Buffett ยังบอกว่า "ตอนที่ผมเห็นข้อความจาก Howard ในเมลของผม มันจะเป็นสิ่งแรกที่ผมเปิดและอ่านมัน "
Sea Change📎
เขาบอกว่าในช่วง 53 ปีในโลกแห่งการลงทุนของเขา เขาเจอ Economic Cycle(วัฏจักร เศรษฐกิจ) มาหลายรอบไม่ว่าจะเป็น ฟองสบู่ การตกของหุ้น แต่เขาบอกว่าเขาเจอ sea change เพียงแค่2รอบ และกำลังจะเป็นรอบที่3
Tips: Sea change คือการลงทุนที่เปลี่ยนแปลงไป
ในปี 1969 ธนาคารหลายๆแห่งรวมถึงที่ผมทำงานโฟกัสกับการลงทุนแค่ Nifty Fifty
หรือ 50 บริษัทที่ใหญ่สุดและโตเร็วสุด แต่ถ้าคุณถือจนถึง 1974 คุณจะขาดทุนไปถึง 90%
ในขณะที่ตลาด Bond ตอนนั้น เกรด B ถือว่าเป็นเกรดที่ไม่สามารถลงทุนได้โดยถูกกล่าวโดย Moody,s ทำให้Bond ในเหรดต่ำๆไม่สามารถขายออกได้ แต่ในช่วงกลาง 1970 Michael Milken มีไอเดียว่าเราสามารถซื้อ non-investment grade bonds โดยใช้ความระมัดระวังได้ทำให้ตลาด Bondโตจาก $2 billion เป็น $1.2 trillion
ที่พูดมาทำให้เกิด Sea change ครั้งแรกไม่ใช่เพราะ bond หรือ nifty fifty แต่เป็นนิสัยการลงทุนที่เปลี่ยนไป โดยเป็นการลงทุนที่เช้าหาคงามเสี่ยงมากขึ้น
Sea change ครั้งที่2
มันเริ่มจากการห้ามผลิตน้ำมันจาก Opec ในปี 1973-1974 ทำให้ราคาน้ำมันพุ่งจาก $24 ไป $65 ในเวลาไม่ถึง1ปี ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อรุนแรงทำให้ Fedต้องเพิ่มดอกเบี้ยเป็น 13% ในปี 1974 และเพิ่มไปเป็น 20% ในปี 1980 ประธานFed ตอนนั้นคือ Paul Volcker ทำให้เงินเฟ้อลดลงเหลือ 3.2% ในปี 1983
📈หลังจากนั้นนำไปสู่ดอกเบี้ยต่ำไปอีก 40ปี
ทำให้เกิด
1.การมองโลกในแง่ดีสำหรับการลงทุนเกินไป
2.การหากำไรแบบบ้าคลั่ง
3.40ปีแห่งการลงทุนที่ดี
S&P500 ขึ้นจาก 102 เป็น 4796 ในต้นปี 2022
ผลตอบแทน 10.3%ต่อปี
ผลของการลดดอกเบี้ย
-เศรษฐกิจเติบโต โดยทำให้การกู้ยืมเงินมีต้นทุนที่ต่ำ สะดวกต่อการนำไปลงทุน
-สร้างกำไรให้บริษัทได้มากขึ้น
-เพิ่ม fair value ของสินทรัพย์
⭐️ประสบการณ์ที่ผ่านมา
ช่วงเวลาระหว่าง วิกฤตเศรษฐกิจในปี 2009 และการระบาดของเชื้อ Covid-19 ในปี 2020 เป็นช่วงที่มีดอกเบี้ยต่ำ
ส่งผลทำให้เกิด
-ดอกเบี้ยต่ำและการอัดเงินเข้าสู่ระบบทำให้เศรษฐกิจโตแบบระเบิด
-มูลค่าของบริษัทมีมูลค่าที่เพิ่มขึ้น มากถึง 16% ต่อปี
-ตลาดที่แข็งแกร่งทำให้นักลงทุนมีความกลัวต่อความเสี่ยงลดลง➡️กลัวการตกรถ(FOMO)
-ผลตอบแทนที่น้อยของสินทรัพย์ปลอดภัยบังคับให้นักลงทุนหาสิ่งที่เสี่ยงมากขึ้นเพื่อผลตอบแทนที่ดี
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนั้น
แต่ตอนนี้
เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในช่วงต้นปี 2021 และ Fed เองก็คิดว่ามันอยู่นานแน่ๆเลยลดการซื้อพันธบัตรลงและเพิ่มดอกเบี้ยทำให้ตลาดหุ้นปรับตัวลง
เปรียบเทียบตอนนั้นกับตอนนี้
เงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยเป็นตัวควบคุมสภาพแวดล้อมการลงทุนไปหลายปีโดยที่ไม่มีใครคาดเดาได้
เขาคิดว่า
-ที่เงินเฟ้อลดลงเป็นเพราะว่าเงินเก็บที่ค่อยๆลดลงและ suply ตาม Demand ทัน
-ตลาดแรงงานยังตึงตัวเงินเดือนเพิ่มขึ้นเศรษฐกิจยังแข็งแกร่ง
-Globalization ช้าลงหรือกลับหัวถ้าแนวโน้มยังคงดำเนินต่อจะทำให้อำนาจเงินฝืดลดลง
-ก่อนที่จะประกาศชัยชนะ Fed ดึงเงินเฟ้อให้ต่ำกว่า 2% และ Fed fund rate ที่ -2.2%
ด้วยหลายๆเหตุผลประกอบกับ
❗️เขาเชื่อว่าดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในช่วง 2-4%
ธุรกิจ
หุ้น
ลงทุน
1 บันทึก
1
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2024 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย