8 มี.ค. เวลา 00:00 • หนังสือ

จงอย่าเอ่ยว่า “ฉันสูญเสียมัน” แต่พูดว่า “ฉันได้คืนมันกลับมาไป”

ตำนานหนึ่งในพุทธประวัติเล่าว่า หญิงวรรณะแพศย์คนหนึ่งนามนางกีสาโคตมีเถรี ไปเข้าเฝ้าพระพุทธองค์ที่วัดเชตวัน เมืองสาวัตถี คร่ำครวญว่านางสูญเสียบุตร
นางต้องการยาวิเศษมาชุบชีวิตบุตรของนาง
พระพุทธองค์ทรงรู้ว่าจะกล่อมนางอย่างไรก็ยากจะคลายความโศกเศร้า จึงแนะนำให้นางไปหาเมล็ดผักกาดจากบ้านที่ไม่เคยมีคนตาย หากหาได้ก็จะสามารถคืนชีวิตบุตรของนางได้
1
ปรากฏว่านางกีสาโคตมีเถรีก็ไปเสาะหาเมล็ดพืชนี้จากที่ต่าง ๆ ก็ไม่มีสักบ้านที่ไม่เคยมีคนตาย
พลันนางก็ได้สติ ได้คิดว่าความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต เกิดแล้วต้องตายทุกคน หลังจากนั้นนางก็สำเร็จเป็นพระโสดาบันบุคคล และในกาลต่อมาก็บรรลุอรหัตผล
การที่นางแสวงหายาชุบชีวิตบุตรของนางย่อมเกิดขึ้นเพราะความทุกข์จากการสูญเสียบุตร ผลักดันให้นางหลอกตัวเองว่าโลกมีปาฏิหาริย์ที่จะทำให้ปัญหาของนางหายวับไป ในที่นี้ก็คือยาวิเศษ
1
ยาวิเศษก็คือความหวัง เป็นแสงสว่างเดียวของคนที่จมในโลกทุกข์
ทว่าโลกโคจรรอบดวงอาทิตย์ตั้งแต่วันนั้นมาจนถึงวันนี้ ก็ยังมีคนคาดหวังจะพบยาวิเศษดังกล่าว
ชาวโลกจำนวนหนึ่งเมื่อเสียคนที่รักไปกับความตาย ก็ปฏิเสธความจริงนั้น มุ่งเข้าหายาวิเศษ
1
ยาวิเศษในศตวรรษที่ 21 คือเทคโนโลยีที่เรียกว่า Cryonics
มาจากคำกรีก kryos แปลว่าเย็น
ต่างประเทศมีบริการแช่แข็งศพ แช่ศพที่อุณหภูมิ -196 องศาเซลเซียส เพื่อรอวันเวลาที่โลกจะมีวิทยาการคืนชีวิตคนได้
ในวงการวิทยาศาสตร์ Cryonics เป็นได้แค่วิทยาศาสตร์เทียม เพราะมันเล่นกับความหวังมากกว่าวิทยาศาสตร์จริง ๆ
เราต้องการความหวัง เพราะเราไม่อาจทำใจกับความสูญเสียได้
นี่กระทำเพราะความรักล้วน ๆ แต่บางทีก็อย่างที่ว่า ความรักทำให้คนตาบอด มองไม่รอบด้าน
คนที่แช่แข็งศพคนที่รักไม่ได้คิดไกลว่า สมมุติว่าคนตายคืนชีพมาในศตวรรษที่ 23 หรือ 24 ในสภาพโลกที่เปลี่ยนไป ภาษาและเส้นพรมแดนอาจเปลี่ยนไป เขาหรือเธอจะอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีครอบครัว ยกเว้นสมาชิกทุกคนที่แช่แข็งด้วยกัน
พวกเขาไม่รู้ว่าโลกในหลายร้อยปีข้างหน้าอยู่กันอย่างไร มนุษยชาติจะเป็นอย่างไร สภาพโลกร้อนทำลายโลกไปถึงไหนแล้ว อาจมีความเป็นไปได้ว่าสภาพโลกในอนาคตอาจเลวร้ายกว่าความตายในตอนนี้ร้อยเท่า
เราไม่รู้อะไรทั้งนั้น เพราะเราถูกบดบังด้วยความหวังและยาวิเศษ
ในปี 1950 หลังจากที่พ่อคนหนึ่งสูญเสียบุตรชายอายุน้อย เขาเขียนจดหมายถึง อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เพื่อขอคำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการกับชีวิต
2
ไอน์สไตน์ก็เขียนตอบพ่อคนนั้นไป ต่อมาตีพิมพ์ใน The New York Times และ The New York Post ในปี 1972
ลองสมมุติว่าพ่อคนนั้นเขียนจดหมายไปถามปราชญ์กรีก เอพิคทีตัส ที่มีชีวิตอยู่เมื่อสองพันปีที่แล้ว เขาจะได้รับคำตอบว่าอย่างไร
เอพิคทีตัสเป็นนักปราชญ์กรีกสาย Stoicism ซึ่งเป็นปรัชญาที่ใช้กับการดำเนินชีวิต เขามีคำตอบเรื่องความสูญเสียคนที่รักเช่นกัน
เมื่อใครคนหนึ่งสูญเสียคนที่เขารัก ปราชญ์เอพิคทีตัสบอกว่า “ไม่ว่าจะเป็นอะไร จงอย่าเอ่ยว่า ‘ฉันสูญเสียมัน’ แต่พูดว่า ‘ฉันได้คืนมันกลับไป’ ลูกของเจ้าตายหรือ? เด็กถูกคืนไปต่างหาก ภรรยาเจ้าตายหรือ? นางถูกคืนกลับไปต่างหาก”
ปรัชญา Stoicism ชี้ว่าความสุขความทุกข์ไม่ได้มาจากปัจจัยภายนอก มันเป็นมุมมองของเราต่างหาก
แค่เปลี่ยนมุมมอง ก็กระจ่าง และไม่เกิดทุกข์
หากเรามองว่าเราสูญเสียอะไรไป ก็เท่ากับคิดว่าเราเป็นเจ้าของสิ่งนั้น แต่ในความจริงเราไม่เคยเป็นเจ้าของอะไร เราไม่ได้เป็นเจ้าของชีวิตใด ถ้าเรามีคนรัก ก็อย่าได้คิดว่าคนรักเป็นของเราคนเดียว ให้มองว่าใครคนนั้นผ่านมา แล้วผ่านไป ไม่ยั่งยืน เหมือนนักเดินทางมองโรงแรม
Stoicism ชี้ว่าอาจจะเป็นความผิดพลาดที่คิดว่าความสุขของเรามาจากคนภายนอก มันเป็นแค่มุมมองของเราต่างหาก
ท่อนหนึ่งจาก กอดหนาม หนังสือกำลังใจเล่มใหม่ / วินทร์ เลียววาริณ
โฆษณา