8 มี.ค. เวลา 05:27 • ไลฟ์สไตล์
กฏของเวลา เมื่อแต่ละคน เกิดมามีตัวตน มีกายเป็นสัตว์ มีมีเวลา มีกายมีลมหายใจ ตั้งแต่เริ่มมาอยู่กาย
กายนี้เป็นของของโลกที่ประกอบขึ้นมา มีกายครบสามสิบหรือไม่ครบ ก็รับรู้ได้ว่า เวลาพระอาทิตย์ขึ้น ก็เที่ยวไปหาน้ำเลือดน้ำหนองมาเติม มาเสริมธาตุให้กาย ไปหากินพืชผัก ไปกินน้ำเลือดน้ำหนองของผู้อืน ต้องเข่นฆ่าเค้ามากิน เป็นคนก็ก็ดีหน่อย เหมือนสุขสบาย มีคนนั้นคนไปหากุ้งหมูปูปลา ไปเลี้ยงไปขุนหมูเป็ดไก่ ขุนจนได้ที่ได้เวลา อ้วนพี ..คุมค่าอาหารเลี้ยงดู ก็เชือดเฉือน เข่นฆ่า เอาน้ำเลือดน้ำหนองมาค้ามาขาย ให้คนนั้นคนนี้ มีธาตุเสริมเข้ามามีกาย
ก็กินกับนอนไปทุกวัน รับรู้ได้เพราะมีกายนี้ตั้งอยู่ ถึงกำหนดเวลา เวลาที่เค้าให้หมดลมหายใจ กายนี้ก็ไม่มีให้ใช้ จิตนี้หมดเวลาที่อาศัยกายมนุษย์กายสัตว์ แถวๆบ้านมีการประกาศชื่อผู้หมดเวลา ให้ผู้ที่เคารพนับถือ ไปรดน้ำศพบ้าง ไปเผาผีบ้าง ..ตามกำหนดเวลา แต่เค้าไม่ประกาศว่าวันนี้ มีคนนี้คนนั้น ได้เวลามาเกิดมามีกายเป็นมนุษย์ ..ยิ่งคนเกิดน้อยๆ น่าประกาศแสดงความยินดี กับเค้าบ้าง ว่าได้กายเป็นมนุษย์แล้วน่ะ
เวลาเกิดเวลาตาย มันลับลวงพรางเสียด้วย เป็นไปตามกฏแน่นอน ที่เค้ามามีกาย จะใช้ทำอะไร ใช้โลกโกรธหลง ตัณหาราคะ ขิงรักหักสวาท อิจฉา โกรธ เกลียด รักหลวหัวปลักหัวปลำ หมกมุ่น เค้าก็ให้เวลามาเป็นช่วงๆ
พอถึงเวลา เวลาที่จะต้องรับทุกข์ทรมาน กายก็ต้องเจ็บป่วย สึกกร่อน ใช้งานไม่ได้ดังใจ เหมือนกายหนุ่มสาว ..มันหมดเวลาวัยหนุ่มสาวแล้ว คราวนี้แหละ ..ถึงเวลาที่กายมันจะต้องเสื่อม กร่อนลงไป ส่งคืน ..ธาตุให้กายส่งคืนของๆโลก ที่เค้าให่เวลามามีกาย ..กายนี้เป็นสมมุติ ตั้งให้ชั่วขณะหนึ่ง ..ใช้เวลาของกายไปเล่นละครเป็นตัวอะไร .
เหมือนโขนรามเกียรติ์ ..เมื่อกายนี้หมดเวลา ก็ต้องถอดชุดโขนละคร ..ไปแต่จิต ..ดวงเดียว
ถ้าไม่มีมีกาย มันก็ไม่มีเวลา ..ไม่รู้ว่า โลกมนุษย์นั้น เค้านับวันเดิอนปีกันอย่างไร
โฆษณา