12 มี.ค. เวลา 09:07 • ความคิดเห็น
กลับมาๆ อย่าออกทะเลไปไกล ถ้าหากจิตเรามาอาศัยกายนี้ มันไม่มีวิญญาณทั้งหก ไปรับรู้เรื่องราวเหล่านั้น กายนี้ก็คงตั้งอยู่เหมือนตอไม้ ต้นไม้ ที่มีรากชอนไชไปเสาะแสวงหาอาหาร เพราะกายนี้มีวิญญาณมีชีวิตที่แตกต่างจากต้นไม้ ที่อยู่เฉย .อยู่กับที่ ก็อาศัยรากชอนไชไปได้ ส่วนชีวิตสัตว์มนุษย์ ..จะได้อาหาร ก็ต้องใช้ปากกลืนกินเข้า ตีองเลือก็เสาะแสวงหาของกิน กลืนกินทางปาก หากอยู่เฉย ..ใช้กายไปหากินไม่ได้ หยิบจับของใสปากไม่ได้ ชีวิตก็คงรอวันตาย
เพราะฉะนั้น เมื่อเรารู้ว่า เรามาอาศัยกาย เรารู้จักว่ากายนั้นต้องการอะไร เราก็เพียงแค่ด้วยแลกายที่อาศัยให้เป็นปกติ กายเมื่อตั้งขึ้นมาก เริ่มเดินทางไปสู่คำว่า แก้เจ็บตาย เพราะฉะนั้นเมื่อเรารู้ว่ากายนี้ต้องการอะไร เราก็ดูประคับประองกายไป กายเราก็เป็นปกติ เรื่องราวที่เค้านิยม มันก็เรื่องของเค้า พอก็พอเพียงกูแลสังขารของเราไป เราไม่ไปดิ้นรน ทะเยอทะยาน ที่เค้านิยมกัน
เราก็เดินสวนทางในคความนิยม ที่อารมณ์นำพาเค้ามา เค้านิยมความโลภโกรธหลง เราก็ถอดห่างออกมา แล้วเราก็สร้างบุญกุศลขึ้นมาให้เกิดขึ้น จิตเราก็ไม่ไปวุ่นวายไปตามเค้า เพราะที่เค้านิยม มันก็มีเสื่อมความนิยม
1
มันเป็นสิ่งเค้าเรียกว่า อารมณ์นั่นไม่เที่ยง จึงหลงใหลในสิ่งที่โลกนิยม มันเรื่องของจิตเป็นทาสอารมณ์ทั้งนี้ เราจึงทวน กระแสอารมณ์กรรมที่เกิดขึ้นที่ใจเรา ไม่ให่ตัวกระทำออกมา สร้างเรื่องราวที่เป็นทุกข์ ด้วยจิตที่รู้จักกรรม แล้วก็จิตรู้จักธรรม เราทวนกระแสสชนิยม เพราะจิตนั้นรู้จักกรรม จึงต้องหนีกรร ม ไม่ไปยึดเรื่องของกายที่จะมีตัวกระทำ ให้จิตจมอยู่กับทุกข์
โฆษณา