14 มี.ค. เวลา 08:00 • ธุรกิจ

Lazy Single Economy: เศรษฐกิจสำหรับคนโสด เศร้า เหงา ขี้เกียจ

ถึงแม้ว่าในอนาคตระยะไกลเช่นปี ค.ศ. 2050 ประชากรโลกจะเติบโตจนถึง 9.7 พันล้านคน แต่ในปัจจุบันไปจนถึงปี ค.ศ. 2037 กลับพบข้อเท็จจริงที่น่าสนใจว่าในประเทศที่มีฐานะปานกลางไปจนถึงปานกลางค่อนบนกลับมีแนวโน้มเด็กเกิดน้อยลง ผู้สูงอายุมีชีวิตยืนยาวมากขึ้น
ในขณะที่ปัจจุบันตำแหน่งงานระดับอาวุโส (Senior) และผู้บริหารระดับสูงถูกคนในเจเนอเรชัน X และ Baby boommers ถือครองเป็นส่วนใหญ่ คนในเจเนอเรชัน Y และ Z โดยทั่วไปซึ่งกำลังสร้างตัว กลับไม่มีพื้นที่มากนักที่จะเติบโตในองค์กร คนเจเนอเรชัน Y และ Z ทั่วโลกซึ่งเติบโตมาในยุคเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกพร้อมกัน (The Great Recession) มีแนวโน้มเป็นโสดมากขึ้น มีภาวะซึมเศร้ามากขึ้น มีรายงานว่ารู้สึกเหงามากขึ้น และยังรู้สึกหมดไฟที่จะสู้ชีวิตและทำงานต่อไป
1
เช่น ปรากฎการณ์การลาออกครั้งใหญ่ (The Great Resignation) ที่แรงงานทั่วโลกเลือกจะลาออกเพื่อรักษาสุขภาพจิตตนเองในช่วงโควิดแม้ว่าจะไม่มีงานรองรับ ปรากฎการณ์นอนราบ (Lying Flat) ในช่วง ค.ศ. 2021 ที่แรงงานหนุ่มสาวในจีนเลือกที่จะหยุดพักการออกไปแสวงหาความสำเร็จ แต่เลือกจะไม่ทำอะไรเลยและนอนเฉย ๆ อยู่ที่บ้าน
ไปจนถึงปรากฎการณ์ Quiet Quitting ที่แรงงานอายุน้อยโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในเจเนอเรชัน Z เลือกที่จะทำงานให้ตามคำสั่งเท่านั้น แต่จะไม่พยายามขวนขวานทำให้งานให้ดีเป็นพิเศษ (Put extras) เหมือนอย่างค่านิยมที่ผ่านมา แต่ผู้คนกลับหันไปให้ความสำคัญกับชีวิตส่วนตัวและการพักผ่อนของตนเองมากกว่า เป็นต้น
มีการคาดการณ์ว่าปรากฎการณ์ทางสังคมนี้จะยังคงดำเนินต่อไป เช่นเดียวกับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจที่จะมีผลสืบเนื่องกัน มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจคนโสดในประเทศจีนจะเติบโตเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าระหว่างปี ค.ศ. 2019 - 2040 เป็นตัวอย่างที่ทำให้เห็นว่าความโสดและความเหงาที่เกิดขึ้นไปทั่วโลกเหล่านี้ส่งผลต่อความคิด การตัดสินใจ และพฤติกรรมการบริโภคของผู้คน ทั้งยังเป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติของการใช้เทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหาร การท่องเที่ยว การเดินทาง และการพักผ่อนเพื่อความบันเทิง โดยจะเห็นได้ว่าจากธุรกิจสตาร์ทอัพทั่วโลกจำนวน 100 ราย มีถึงร้อยละ 34 ที่เป็นธุรกิจที่ตอบโจทย์ตลาดคนขี้เกียจ
เช่น บริการขนส่ง บริการจองคิว บริการขายสินค้าออนไลน์ส่งตรงถึงหน้าบ้าน อาหารเดลิเวอรี่ ธุรกิจทำความสะอาดบ้าน ธุรกิจสตรีมมิ่งและสื่อบันเทิง แอปพลิเคชันหาคู่ และวีเจไลฟ์ เป็นต้น ทำให้ทุกความต้องการได้ถูกตอบสนองและส่งตรงมายังมือของผู้บริโภคโดยไม่ทำให้เสียเวลา
นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตว่าเมื่อต้องอยู่คนเดียว คนจะบริโภคและเสพสื่อบันเทิงมากขึ้น รายงานในประเทศญี่ปุ่นชี้ให้เห็นว่า บ้านที่มีคนอาศัยอยู่คนเดียวจะบริโภคคอนเทนต์ออนไลน์มากกว่าบ้านที่มีคนอยู่สองคนขึ้นไปมากถึง 1.5 - 3.5 เท่า ทั้งวิดีโอ เพลง และหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ (E-book) เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมีรายงานว่า 97% ของคนโสดต่างก็เคยชอปปิ้งออนไลน์ และ 62% ของคนในจำนวนนั้นยังยอมรับว่าพฤติกรรมการชอปปิ้งออนไลน์ของตนเองได้รับอิทธิพลมาจากผู้มีอิทธิพลในวงการ (Key Opinion Leader: KOL) อย่างไรก็ตาม มีข้อคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายสถาบันที่มองว่าเศรษฐกิจคนโสดและคนขี้เกียจอาจพัฒนาต่อไปในทิศทางของการตามหาความหรูหรา แต่ก็เป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ให้ความรู้สึกหรูหราที่ก็ต้องใช้งานได้จริง และตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะบุคคล
นัยยะสำคัญที่มีต่ออนาคต:
- การเป็นโสดและต้องอาศัยอยู่คนเดียวทำให้ผู้หญิงที่ต้องการท่องเที่ยวหรือเดินทางแนวผจญภัยมีแนวโน้มออกไปท่องเที่ยวคนเดียวมากขึ้น เศรษฐกิจเพื่อผู้หญิง (SHEconomy) จะยิ่งเติบโตเมื่อการท่องเที่ยวกลับมาเป็นปกติภายในปี ค.ศ. 2024 ในขณะเดียวกันก็มีข้อกังวลเกี่ยวกับระบบโครงสร้างพื้นฐานและการจัดการหลายอย่างในจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวที่จะต้องปรับปรุงเพื่อให้รองรับกับนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้มากยิ่งขึ้น เช่น การรักษาความปลอดภัยในที่พัก แพคเกจการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวที่มาคนเดียว เป็นต้น
- ธุรกิจหาคู่และความบันเทิงทางเพศออนไลน์จะเติบโตมากขึ้น อย่างไรก็ตาม จำเป็นต้องมีการสอดส่องดูแลในสังคมเกี่ยวกับเนื้อหาทางเพศที่ไม่เหมาะสมในแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบเชิงลบต่อค่านิยมในสังคม เช่น การขัดขืนฝืนใจ หรือการกระทำอนาจารในที่สาธารณะ เป็นต้น
1
อยากรู้จักเรามากขึ้น คลิก www.futuretaleslab.com และ https://www.facebook.com/FutureTalesLABbyMQDC
#FutureTalesLAB #FuturePossible #FutureUpdate #FutureofPlay #SingleEconomy #LazyEcobomy #MQDC
โฆษณา