15 มี.ค. เวลา 02:30 • ธุรกิจ

สรุป Vaseline จากบริษัทน้ำมันอเมริกัน สู่แบรนด์เรือธงของ Unilever

คงไม่มีใครไม่รู้จัก เจลลี่ Vaseline ที่ใช้ทาริมฝีปากและผิวหนัง ช่วยให้ความชุ่มชื้นและฟื้นฟูผิว
ซึ่งปัจจุบัน แบรนด์ Vaseline ได้ถูกต่อยอด แตกไลน์ทำเป็นผลิตภัณฑ์อื่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เซรั่ม โลชัน เป็นต้น โดยขายไปแล้วกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
และรู้ไหมว่า จริง ๆ แล้วบริษัท Unilever เจ้าของแบรนด์ Vaseline ไม่ได้เป็นคนคิดค้นเจลลี่ Vaseline ตั้งแต่แรก
และ Vaseline เคยมีเจ้าของเป็นบริษัทน้ำมันอเมริกัน ชื่อว่า “Standard Oil” เมื่อ 150 ปีที่แล้ว..
Standard Oil คือใคร ?
ทำไมบริษัทน้ำมัน ไปเกี่ยวข้องกับ Vaseline ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ย้อนกลับไปในปี 1859 คุณ Robert Chesebrough
นักเคมีชาวอังกฤษ แต่ไปเติบโตที่สหรัฐอเมริกา ได้เดินทางไปที่เมืองไททัสวิลล์ รัฐเพนซิลเวเนีย
โดยเมืองแห่งนี้ มีชื่อเสียงโด่งดังขึ้นมาเพราะ “น้ำมัน”
ทำให้มีธุรกิจขุดเจาะน้ำมัน เกิดขึ้นมาเป็นจำนวนมาก
ซึ่งคุณ Robert ก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะตัวเขาเอง มีหน้าที่สกัดไขมันจาก Sperm Whale เพื่อนำมาทำเป็นน้ำมันในตะเกียงสมัยก่อน
แต่พอมีแหล่งพลังงานแห่งใหม่อย่างน้ำมันดิบขึ้นมา
ทำให้คุณ Robert ตัดสินใจเดินทางไปยังเมืองไททัสวิลล์ เพื่อดูว่า การขุดเจาะน้ำมันทำได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณ Robert สังเกตเห็นโดยบังเอิญ ไม่ได้เป็นน้ำมัน แต่คือของเหลวคล้ายขี้ผึ้ง ที่คนงานต้องกำจัดออกจากท่อขุดเจาะเสมอ
ซึ่งคนงานบางส่วน มักจะเอาของเหลวนี้ ไปรักษาผิว
เมื่อเกิดการอักเสบขึ้นมา
จากเหตุการณ์นั้น ทำให้คุณ Robert สนใจเป็นอย่างมาก
จึงขอนำชิ้นส่วนของเหลวที่ว่านี้ กลับไปวิจัยและพัฒนาต่อยอด
จนในที่สุด ก็สามารถคิดค้นเป็นผลิตภัณฑ์ขึ้นมาได้ และนำไปจดสิทธิบัตรในปี 1872 ภายใต้ชื่อว่า Vaseline ที่เรารู้จักกันนั่นเอง
และก่อตั้งบริษัทของตัวเอง ชื่อว่า Chesebrough Manufacturing Company เพื่อผลิตสินค้าที่ว่านี้
โดยความตั้งใจในตอนแรก Vaseline เป็นสินค้าที่ถูกใช้เหมือนยาสามัญประจำบ้าน ที่ให้คนทั่วไป สามารถรักษาผิวที่เกิดจากการอักเสบได้
แต่ปัญหาก็เกิดขึ้น เพราะบรรดาร้านขายยาไม่สนใจ Vaseline แม้แต่น้อย ทำให้คุณ Robert ต้องแก้เกม ด้วยการแจกฟรีให้คนทดลองใช้
และยอมลงทุนด้วยการทำให้ผิวหนังของตัวเองอักเสบ แล้วใช้ Vaseline ในการรักษาผิวของตัวเอง เพื่อสร้างความมั่นใจแก่ผู้คน
1
นับจากนั้นคนก็เริ่มรู้จักและใช้แบรนด์นี้มากขึ้น ทำให้บริษัท Chesebrough เดินหน้ากระจายสินค้าไปขายทั่วสหรัฐอเมริกา
แต่คุณ Robert ก็อยากให้สินค้านี้เป็นที่ยอมรับและขายได้มากขึ้น จึงส่งผลงานวิจัย Vaseline ไปให้วารสารวิจัยการแพทย์ทั่วโลก
1
ซึ่งเมื่อวารสารวิจัยรับรองและตีพิมพ์ผลงานนี้ออกมา บรรดาแพทย์และเภสัชกร ก็เริ่มให้ความสนใจและบอกต่อ จนทำให้ Vaseline ขายดีมากขึ้นอีกด้วย
ความสำเร็จนี้ที่เกิดขึ้นกับ Vaseline ได้ไปเตะตาบริษัท Standard Oil ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผูกขาดน้ำมันในสหรัฐอเมริกา ที่พยายามหาทางต่อยอดของเหลือจากน้ำมัน
จนในที่สุด บริษัท Chesebrough Manufacturing Company ของคุณ Robert ก็ได้มาอยู่ในมือของ Standard Oil ที่ได้เข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทแทน
และ Chesebrough ภายใต้ชายคาเจ้าของคนใหม่ ก็ติดปีกได้อย่างรวดเร็ว เพราะสามารถเข้าถึงแหล่งวัตถุดิบมหาศาลของ Standard Oil ได้
นอกจากนี้ ยังสามารถผลิต Vaseline ได้อย่างต่อเนื่อง และมหาศาล จากการได้โรงงานของ Standard Oil เข้ามาช่วยผลิตเพิ่มเติมอีกด้วย
แต่วันอันสวยหรูก็อยู่ได้ไม่นาน หลังจาก Standard Oil โดนกฎหมายต่อต้านการผูกขาดธุรกิจ และต้องแยกบริษัทย่อยของตัวเองออกมาทั้งหมด
พอเป็นแบบนี้ ทำให้ Chesebrough Manufacturing Company ได้รับผลกระทบไปด้วย เพราะต้องสูญเสียแหล่งวัตถุดิบ และกำลังการผลิตที่มีมหาศาลไป..
ในตอนนั้นคุณ Robert ได้เกษียณตัวเองจากการเป็น CEO และส่งไม้ต่อให้คุณ Oswald บริหารต่อ ซึ่งตอนนั้นเขาตัดสินใจนำหุ้นบางส่วนของบริษัท ออกมาขายเพื่อระดมทุน
1
และจะนำเงินที่ระดมทุนได้ ไปใช้หาแหล่งวัตถุดิบใหม่ ๆ และเพิ่มกำลังการผลิตของโรงงานตัวเองให้มากขึ้น
ทำให้บริษัทสามารถอยู่รอดมาได้ แม้ต้องเสียบริษัทแม่อย่าง Standard Oil ไป อีกทั้งยังขยายไลน์สินค้า เจาะตลาดความงามและผิวหน้าอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ด้วยการแข่งขันของสินค้าความงามและสุขภาพที่รุนแรงขึ้น ทำให้ Chesebrough ตัดสินใจเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ด้วยการควบรวมกิจการกับ Pond’s ที่เริ่มต้นจากครีมบำรุงผิว ซึ่งเรารู้จักกันในปัจจุบัน
และในที่สุด Chesebrough-Ponds ก็ถูกซื้อกิจการโดย Unilever บริษัทที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภคแทบทุกสิ่ง
ซึ่งตอนนี้ Unilever มีมูลค่าบริษัทกว่า 4.3 ล้านล้านบาท
1
ส่วน Vaseline ก็ได้ถูกนำไปต่อยอด แตกไลน์ไปทำผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ตามมาอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น เซรั่ม โลชัน เป็นต้น
กลายมาเป็นแบรนด์เรือธงของ Unilever ในกลุ่มสินค้าความงามและสุขภาพ ที่ขายไปแล้วกว่า 70 ประเทศทั่วโลก
1
ทั้งหมดนี้ คือเรื่องราวของ Vaseline ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่กับบริษัทน้ำมันอเมริกัน ที่ยิ่งใหญ่สุดในโลกอดีต อย่าง Standard Oil เมื่อ 150 ปีที่แล้ว
มาสู่อ้อมกอดของ Unilever หนึ่งในอาณาจักรสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ใหญ่สุดในโลกปัจจุบัน
ซึ่งก็น่าคิดเหมือนกันว่า หาก Vaseline ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของบริษัทน้ำมัน ก็คงเป็นเรื่องแปลกน่าดู
และ Vaseline ที่ไม่ได้อยู่ในมือของ Unilever จะประสบความสำเร็จเหมือนอย่างทุกวันนี้หรือไม่
แต่ถ้าประสบความสำเร็จ Vaseline ก็คงจะเป็นธุรกิจ Non-Oil หรือไม่ใช่น้ำมัน ที่สร้างรายได้มหาศาล ให้กับบริษัทน้ำมัน ได้อย่างต่อเนื่องทุกปี..
โฆษณา