16 มี.ค. เวลา 02:35 • บันเทิง
เราคงเคยเห็น คนเรานั้น อยู่ด้วยกัน นอนด้วยกันมานาน จู่ๆ ก็เกิดเรื่องราวทะเลาะกันตีกัน ลุกมาเข่นฆ่าทำลายกัน หักล้างกันให้ดับดิ้นไปข้างหนึ่ง นั่นมัน เป็นเรื่องราวที่เค้าว่า วิบากกรรม ที่เนื่องจากอดีต ที่เราเคย คล้องกรรม เคยทำกันมาอย่างไร มันก็ไหลออกมาปรุงแต่ง ..มีอารมณ์กรรมนึกคิดเกิดขึ้น แล้วก็กระทำไปตามอารมณ์กรรมที่สั่งขึ้น ..อารมณ์กรรมนั้น จะไปดึงสิ่งหนึ่งลุกขึ้นมา จากธาตุทั้งสี่ในเรือน เป็นเงาดำๆ บังคับกายให้ทำไปตามกรรม เคยเข่นฆ่ากันก็ ลุกขึ้นมาฆ่ากัน เหมือนที่เคยทำมาแต่อดีตชาติ
เรื่องของการใช้ชีวิต ..ที่กายมีวิญญาณทั้งหก ..วิญญาณทั้งหก รับรู้อะไร สัมผัสอะไรต่าง ก็จดจำเก่งบันทึกเก่ง บันทึกทั้งเรื่องดีไม่ดี ที่ไปสัมผัสรับรู้ .รับเข้ามาส่งต่อไปให้จิต จิตของเรามันยังไม่ตื่น มันเคยชินหลับใหล สติของจิตไม่มี จิตก็ส่งต่อลงไปบันทึกที่ธาตุทั้งสี่ บันทึกกรรมดีชั่วอยู่ในตัวตนของเรา
เรื่องราวของอารมณ์กรรมนั่น มันเกิดขึ้นมา อารมณ์ที่มันรู้สึกไม่สบายตัว รู้สีกเจ็บ อารมณ์พวกนี้ มันเกิดขึ้นมา เหมือนเราถูกตีที่จิต ที่อาศัยอยู่ในเรือนกาย เจ็บใจ ..บางที่มันก็ดึงตัวอาฆาตพยาบาทมา อารมณ์มันไปโยงอารมณ์นั้นนี้มา ..มาทำลานจิตที่อาศัยในเรือน กายที่เป็นกรรม มีกรรมปรุงแต่งด้วยอารมณ์นึกคิดที่เกิดขึ้นในเรือนกาย
พอเรารู้จักเรื่องราวเหล่านี้ว่า เป็นกรรม เป็นวิบากกรรม ที่เกิดขึ้นมา กับกายที่เราอาศัย ที่ธาตุทั้งสี่ของเรา เก็บบันทึกไว้ ที่เค้าเรียกว่าสะสมกรรมมาแต่อดีต เราก็นำกายนี้มาแก้ไข ..กายที่เป็นกรรม กายกรรมให้เป็นกายบุญ การทำกายให้เป็นกายบุญ
..เราก็นำกายนี้ไปสร้างทานทำบุญ เอากายนี้มาสวดมนต์ เอากายที่เป็นกรรม มาปฏิบัติธรรม ให้เกิดเป็นบุญกุศลเกิดขึ้นที่กาย คือวิญญาณทั้งหก ได้มองได้เห็นตัวเราเอง ตาหูของเราฟังเสียงสวดมนต์ ของตัวเองที่กระทำ ..ตาหูของเราก็จะบันทึกเรื่องราวสร้างบุญกุศลลงไปในธาตุทั้งสี่ ..เพื่อทำให้เป็นกายบุญ
พอกายเรามีบุญ มันก็เกิดเรื่องที่ว่า กระจัดกระจายบุญกุศลออกไป ให้เกิดเป็นการอโหสิกรรมกัน ไปอโหสิกรรมที่ธาตุทั้งสี่ คือล้างสีกรรมที่บันทึกออกไป ที่เค้าว่าล้างเวรกรรม แต่นั้นก็เป็นรายละเอียด ที่ต้องหมั่นเพียรกระทำตั้งอกตั้งใจประพฤติปฏิบัติธรรมเป็นนิจสิน
เรื่องที่ผ่านมามันเป็นอารมณ์ ที่ว่า โลกให้เพียง มายา..สมหวัง กับไม่สมหวัง ดังอารมณ์ที่ปรารถนา ไม่ใช่จิตที่ปรารถนา ..เพราะจิตนั้นตัวเราแท้จริง..ไม่รู้จักอารมณ์
.เราก็ต้องเพียรพยายาม สร้างกุศล แล้วก็ฝึกหัด สวดมนต์ปฏิบัติ ค่อยศึกษาไม่ต้องรีบร้อน ..ให้จิต ให้สติของจิต ตื่นขึ้นมา ดูอารมณ์รู้จักอารมณ์ในกายที่จิตอาศัย ..เพื่อที่จะทำกายที่เป็นกรรม เปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น คือ กายเป็นบุญ
เมื่อกายมีบุญหนุนนำ จิตเราก็จะไม่วุ่นวายด้วยอารมณ์กรรมที่ไปดึงตัวกระทำออกมา ..ย่ำยีจิตของตัวเองให้มีกรรมมีทุกข์ มีภาระยึดทุกข์ยึดกรรม แบกอารมณ์กรรมที่เกิดขึ้น อารมณ์เป็นของหนักให้จินอาศัยในเรือนกายแบกรับ แต่จิตก็ยึดมันไว้ ปลดปล่อยออกไปไม่ได้ .เพราะจิตเราเป็นจิตของผู้อยู่กับกรรม แบกกรรม ..แต่ก็ไม่รู้จักว่านี่ คือ กรรม
หมายเหตุ ..เรื่องราวของ คำว่า ตัวกระทำนั่น ก็เรียนรู้ยาก เอาเป็นเคยว่า ชีวิตที่เราใช้อยู่ เค้าเรียกว่า เดินไปตามอารมณ์กรรมตัวกระทำ ตัวกระทำนั้นต้องอาศัยการประพฤติปฏิบัติธรรม อาศัยเรื่องรอยทั้งสี่ขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำมาปฏิบ้ติตามรอยท่าน ไปเรื่อยๆ ..เราก็อาจจะได้เห็นสิ่งที่ว่า อารมณ์ไปดึงตัวกระทำเกิดขึ้น ..แล้วเราจะค่อยเข้าใจว่า ชีวิตที่เกิดมา ใช้กายวาจาใจ ไปตามอารมณ์กรรมตัวกระทำ ทำไมเกิดเป็นโมฆะบุรุษโมฆะสตรีไปชาติหนึ่ง เสียทีที่ได้กายมีพ่อแม่เป็นมนุษย์ ไปชาติหนึ่ง..
โฆษณา