17 มี.ค. เวลา 14:00 • หุ้น & เศรษฐกิจ

คลังประเมิน “กาสิโนถูกกฎหมาย” สร้างรายได้ขั้นต่ำ 1.2 หมื่นล้าน

เปิดผลศึกษา “สถานบันเทิงครบวงจร” ที่มีบ่อน “กาสิโนถูกกฎหมาย” รวมอยู่ด้วย ของสศค. - กรมสรรพสามิต 2 หน่วยงานสังกัดกระทรวงการคลัง ประเมิน ช่วยสร้างงานกระตุ้นท่องเที่ยว สร้างรายได้ 12,265 ล้านบาท
ผลศึกษาคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ที่มี "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เป็นประธาน พบ 2 หน่วยงานภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลัง ทั้ง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง (สศค.) กรมสรรพสามิต ได้ให้ข้อมูลไว้อย่างน่าสนใจ
โดยสศค.ประเมินว่า หากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วย ทำให้นักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งจะทำให้มีการเก็บภาษีรายได้ภาษีสรรพสามิต ภาษีการเปิดสถานบริการต่าง ๆ เช่น อาบอบนวด สนามกอล์ฟ สนามม้า ได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นส่วนส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น
ผลกระทบเชิงบวกคือ สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว สร้างงาน เพิ่มรายได้จากภาษีการพัฒนาเมือง สร้างความนิยมและชื่อเสียง ส่วนผลกระทบเชิงลบ คือ การเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น การโยกย้ายของแรงงานต่างถิ่น และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ขณะกรมสรรพสามิตประเมินการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอจะสร้างรายได้ขั้นต่ำ 10% เข้าประเทศเพิ่มประมาณ 12,265 ล้านบาท
จากการศึกษาจากข้อมูลของสศค. พบว่า ข้อมูลในปี พ.ศ.2565 ทั่วโลกมีมูลค่าสถานบันเทิงครบวงจรประมาณ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคาดว่าในปี พ.ศ.2571 จะเติบโตถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยรายได้ที่เกิดจากสถานบันเทิงครบวงจรในแต่ละประเทศนั้น
ข้อมูลจาก Statista พบว่า ประเทศที่มีรายได้สูงสุด ได้แก่
  • มาเก๊า 32,000 ล้านดอลลาร์
  • ลาสเวกัส 30,000 ล้านดอลลาร์
  • สิงคโปร์ 12,000 ล้านดอลลาร์
  • เกาหลีใต้ 9,000 ล้านดอลลาร์
  • ฟิลิปปินส์ 6,000 ล้านดอลลาร์
  • เวียดนาม 5,000 ล้านดอลลาร์
  • อินโดนีเซีย 4,000 ล้านดอลลาร์
โดยภูมิภาคที่มีมูลค่าสูงสุดได้แก่ เอเชียแปซิฟิก อเมริกาเหนือ และยุโรป
สศค. ได้ศึกษาข้อมูลสถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมายรวมอยู่ด้วยในประเทศสิงคโปร์พบว่า รัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมสถานบันเทิงครบวงจร โดยกำหนดให้สถานบันเทิงครบวงจรต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ อย่างเข้มงวด เพื่อให้อุตสาหกรรมสถานบันเทิงครบวงจรเป็นไปอย่างมีระเบียบและปลอดภัย โดยสัดส่วน จีดีพี อยู่ที่ประมาณ 4% สร้างงานให้กับประชาชนในท้องถิ่นประมาณ 20,000 คน สร้างรายได้ประมาณ 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือ 10% ของรายได้จากภาคบริการของสิงคโปร์
ในปี พ.ศ.2565 สิงคโปร์มีนักท่องเที่ยว 15 ล้านคน กว่า 30% ได้ไปเยี่ยมชมสถานบันเทิงแบบครบวงจร มูลค่าการจัดเก็บภาษีอยู่ที่ประมาณ 24,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ในประเทศสหรัฐอเมริกา ผลกระทบทางเศรษฐกิจของอุตสาหกรรมสถานบันเทิงครบวงจรประกอบด้วยผลกระทบของห่วงโซ่อุปทาน (ผลกระทบทางอ้อม) และค่าใช้จ่ายของผู้บริโภคเหนี่ยวนำให้เกิดขึ้น โดยรวมแล้วสามารถสร้างงานได้กว่า 1.8 ล้านตำแหน่ง สร้างรายได้ 3.29 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และสร้างรายได้ให้แรงงาน 1.04 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ยังเก็บภาษีให้รัฐบาลกลางสหรัฐและท้องถิ่นได้รวม 5.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
จากการสำรวจพบว่า ชาวอเมริกัน 9 ใน 10 หรือ 88% มองว่าเป็นสิ่งที่ยอมรับได้สำหรับการมีสถานบันเทิงครบวงจร โดยผู้ใหญ่ชาวอเมริกันราว 102 ล้านคน หรือ 4.1% ของจำนวนประชากรที่เข้ากาสิโน ทั้งเพื่อเข้าไปเล่นพนันหรือเพื่อรับความบันเทิงด้านอื่น และประชากรชาวอเมริกัน 71% ของชาวอเมริกันมองว่ากาสิโนหรืออุตสาหกรรมการพนัน สร้างผลบวกให้แก่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ
สำหรับประเทศญี่ปุ่น การก่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจรในโอซากะ เตรียมเปิดทำการในปี พ.ศ.2571 ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 492,000 ตารางเมตร โดยคาดการณ์ว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวกว่า 20 ล้านคน และสร้างรายได้กว่า 520,000 แสนล้านเยน รัฐบาลญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศ
โดยคาดว่าจะสร้างรายได้ให้กับรัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางรวมกันกว่า 1 ล้านล้านเยนต่อปี และสร้างอาชีพให้กับประชาชนกว่า 1.5 หมื่นตำแหน่ง
ปัจจุบันรัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุมัติแผนก่อสร้างสถานบันเทิงครบวงจร 3 แห่ง คือ เมืองโอซากะ คาดว่าจะสร้างเสร็จ ในปี พ.ศ.2571 ส่วนเมืองนางาซากิ จะสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2573 และเมืองฟุกุโอกะ จะสร้างเสร็จในปี พ.ศ.2574
ส่วนผลกระทบและแนวทางป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากการตั้งสถานบันเทิงครบวงจรในด้านเศรษฐกิจนั้น ผลกระทบเชิงบวกคือ สนับสนุนภาคการท่องเที่ยว สร้างงาน เพิ่มรายได้จากภาษีการพัฒนาเมือง สร้างความนิยมและชื่อเสียง ส่วนผลกระทบเชิงลบ คือ การเกิดอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น การโยกย้ายของแรงงานต่างถิ่น และผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนผลกระทบด้านการท่องเที่ยวถ้าหากมีการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร เหมือนอย่างเขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ประเทศสิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา หรือประเทศญี่ปุ่นที่มีแผนจะเปิดในปี พ.ศ.2571 ก็อาจเป็นส่วนหนึ่งที่จะส่งเสริมให้ภาคการท่องเที่ยวกลับมาเหมือนเดิม โดยมีนักท่องเที่ยวเพิ่มมากขึ้นรวมทั้งจะทำให้มีการเก็บภาษีรายได้ภาษีสรรพสามิต ภาษีการเปิดสถานบริการต่าง ๆ เช่น อาบอบนวด สนามกอล์ฟ สนามม้า ได้มากขึ้น ซึ่งอาจเป็นส่วนส่งเสริมให้เศรษฐกิจมีการขยายตัวมากขึ้น
จากการประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง โดยอ้างอิงกรณีการเปิดกาสิโนในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งจากการคำนวณเบื้องต้น พบว่าก่อนปี พ.ศ.2552 นักท่องเที่ยวต่างชาติมีการใช้จ่ายในการเยี่ยมชมสถานที่และความบันเทิงต่อคนประมาณ 51 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 1,340 บาท
แต่เมื่อมีการเปิดกาสิโนถูกกฎหมาย นักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายในหมวดนี้เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3 ปีแรก 841 ดอลลาร์สิงคโปร์ หรือประมาณ 22,300 บาท หรือ อาจอนุมานได้จากนักท่องเที่ยวมีการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 22,300 บาทต่อคน เมื่อคำนวณรวมกับค่าใช้จ่ายต่อหัวของนักท่องเที่ยวปี พ.ศ. 2566 ที่อยู่ที่ 42,750 บาท/คน/ทริป ทำให้คาดว่านักท่องเที่ยวที่เข้ามาจะมีการใช้จ่ายประมาณ 65,050 บาท/คน/ทริป
ด้านกรมสรรพสามิต ให้ข้อมูลการศึกษาของกรมสรรพสามิต โดยยกตัวอย่างกรณีในปี พ.ศ. 2565 จากสถิติของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พบว่า มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย ประมาณ 11 ล้านคน และจากสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติและกรมการปกครอง พบว่ามีคนไทยที่มีอายุระหว่าง 18-75 ปี และไม่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐประมาณ 37 ล้านคน ดังนั้น จะได้ตัวเลขประชากรของผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระหว่างปีนั้นประมาณ 48 ล้านคน
ในการคำนวณจำนวนลูกค้าของกิจการกาสิโนกรณีขั้นต่ำและกรณีขั้นสูงที่เป็นไปได้จะอยู่บนพื้นฐานของสมมติฐานระหว่าง 10-26% ของจำนวนประชากรของผู้ที่อยู่ในประเทศไทย
เบื้องต้นโดยสมมุติฐาน 10% นั้น อ้างอิงจากสถิติของมาเก๊า พบว่า 10% ของลูกค้ากาสิโนทั้งหมดเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ และ 90% ที่เหลือเป็นลูกค้าชาวจีนแผ่นดินใหญ่ และสมมติฐาน 26% นั้น อ้างอิงจากเว็บไซต์คาสิโนที่ให้ข้อมูลว่า จากการสำรวจจำนวนนักพนันทั่วโลก พบว่าประชากรโลก 26% เล่นการพนันดังนั้น การคาดการณ์จำนวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำ จะอยู่ที่ 10% ของจำนวนผู้ที่อยู่ในประเทศไทยระหว่างปี พ.ศ.2565
โดยคิดเป็นลูกค้ากาสิโนทั้งสิ้น 4.8 ล้านคน โดยประกอบด้วยลูกค้าชาวต่างชาติทั้งสิ้น 1.1 ล้านคน และลูกค้าชาวไทย 3.7 ล้านคน หากประมาณการรายได้ของกิจการกาสิโนเฉพาะรูปแบบ Onsite โดยตั้งสมมุติฐานจากจำนวนลูกค้ากาสิโนขั้นต่ำ 10% ดังกล่าว และอ้างอิงสถิติรายได้ของกาสิโนจากประเทศกัมพูชา ซึ่งมีรายได้เฉลี่ยขั้นต่ำต่อหัวประมาณ 73 ดอลลาร์สหรัฐ (เหตุที่ใช้ข้อมูลสถิติของกาสิโนในกัมพูชา เนื่องจากมีการรายงานว่า 95% ของลูกค้ากาสิโนในกัมพูชาเป็นชาวไทย)
ดังนั้น จะสามารถประมาณการรายได้รวมทั้งสิ้น 12,265 ล้านบาท แบ่งเป็น ชาวต่างชาติ 2,810.5 ล้านบาท และ ชาวไทย 9,453.5 ล้านบาท
โฆษณา