และแล้วก็ถึงเวลาที่ผมต้องไปผจญภัยในสถานที่ที่เรียกว่า "เขาชนไก่"
ใช่แล้วสําหรับลูกผู้ชายแห่งสยามเมืองยิ้มทุกคน ต่างก็ใฝ่ฝันที่จะกลายเป็นสุดยอดขุนพลและกําลังรบสําคัญให้ประเทศชาติ หลังจากผ่านพ้นการฝึกในศูนย์ฝึกแล้ว พวกเขาจะต้องไปยังเขาชนไก่ เพื่อลิ้มรสการผจญภัย มิตรภาพ ความสามัคคี และฝุ่นแดง ตัวผมเองก็เช่นกัน วันนี้ผมจะมาเล่า(บ่น)ประสบการณ์ในการฝึกภาคสนามที่ผมได้พบเจอเป็นเวลา 4 วัน 3 คืน เชิญอ่านได้เลยครับ!
3.00 น. ผมตื่นขึ้นมาอย่างใจหาย ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าถึงตาของผมแล้วที่จะต้องไปยังเขาชนไก่ ใจจริงผมอยากจะ
นอนทําใจต่อสักสิบนาที แต่ไม่มีเวลาแล้วเพราะผมต้องไปยังศูนย์ฝึกเพื่อเรียกรวมและรอขึ้นรสบัสก่อน 5.30 ผมรีบลุกขึ้นเตรียมตัว แต่งชุดรด.และหยิบเป้ที่เตรียมไว้ ท่องนะโมสามจบและก้าวเท้าขวาออกจากบ้านขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิอะไรก็ตามที่ทําให้ผมก้าวเท้าเข้าบ้านอีกครั้งได้แบบครบ 32
4.30 น. ผมมาถึงศูนย์ฝึก ตอนแรกผมนึกว่าผมมาเร็วไปมากๆ จนกระทั่งเห็นว่ามีหลายๆคนมาถึงก่อนแล้ว ผมหาที่นั่งและตัดสินใจนั่งรอจนกว่าเขาจะเรียกรวมพล
5.30 น. เรียกรวมพล หลักๆเลยก็คือจัดแถวรอขึ้นรถบัสเพื่อเดินทางไปยังสวนสนุกที่เรียกว่าเขาชนไก่ ตอนแรกผมกับเพื่อน 3-4 คน วางแผนว่าจะมาเจอกันตอนรวมพลเพื่อขึ้นรถบัสคันเดียวกันแต่ว่าก็ต้องเปลี่ยนแผนไปเป็นเจอกันหลังถึงเขาชนไก่ ผมได้นั่งรถบัสคู่กับเพื่อนผมคนหนึ่ง ซึ่งผมก็โล่งใจเพราะถ้านั่งกับคนไม่รู้จักตลอดการเดินทาง 3 ชม.คงอึดอัดน่าดู
6.00~6.30 น. ออกรถ ลาก่อนความสบาย(TT) ในตอนแรกผมตั้งใจจะตื่นตลอดการเดินทางเพราะอยากจะชมทิวทัศน์ของตึกอาคารที่ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นป่าไม้ บรรยากาศของหมอก(ฝุ่น)ที่ดูสบายตา กับแอร์เย็นฉํ่าบนรถบัส แต่เมื่อไรก็ไม่รู้ผมก็ผล็อยหลับไป
ที่นัดหมายก่อนขึ้นรถบัส
7.30~9.20 น. ระหว่างในรถผมก็หลับบ้างตื่นบ้าง คุยกับเพื่อนถึงความสนุกที่กําลังจะได้เผชิญ(เย้!) ทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไปเป็นป่าไม้มากขึ้น ตึกสูงหายไป ตามไหล่ทางก็จะเจอร้านขายหนูนาย่างเสียบไม้ ข้างโพดต้ม ผลไม้ (ผมแปลกใจมากที่ไม่เจอร้านไก่ย่างวิเชียร ทุกๆทีมันต้องโผล่มาเป็นดอกเห็ดแล้วสิ)
9.20~9.40 น. อยู่ดีๆรถก็หยุดลง ใจผมตกไปอยู่ที่ตาตุ่มข้างซ้าย ถึงเร็วจังฟะ ผมคิดในใจ แต่ปรากฏว่ายังไม่ถึงแหะเขาพาเรามาแวะที่..เอ่อ..ที่ไหนสักที่นี่แหละผมจําได้แค่ที่นั่นมีรูปปั้นพระนเรศวรตั้งสง่า และก็มีรูปปั้นไก่อยู่แถวๆฐาน พอเรามาถึงครูฝึกก็จะให้เราทําการสักการะและขอพร จากนั้นก็จะเป็นการฟังวิทยากรพูดเรื่องความเป็นมาว่า "สมัยก่อนเขามาชนไก่กันที่นี่เป็นการต่อสู้เพื่อเอกราช เรียกว่าศึกยุทธกุกกุ๊ก
ประเทศไทยชนะจึงได้เป็นผู้ส่งออกไก่ชนในสมัยนั้น"
โอเคๆ ผมไม่ได้ตั้งใจฟังเขาเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะประมาณนี้ละมั้ง(??) หลังจากฟังบรรยายก็จะได้เข้าไปดูวัตถุโบราณสมัยก่อนซึ่งก็มีหลายๆอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็นปืน งาช้าง โครงกระดูก แล้วก็อะไรต่ออะไรมากมาย
รูปปั้นพระนเรศวรและวัตถุโบราณต่างๆ
พอได้ดูหลายๆอย่างหนําใจแล้วพวกเราก็ขึ้นรถบัสอีกครั้งซึ่งคราวนี้ปลายทางจะเป็นเขาชนไก่จริงๆแล้ว!
12.30~13.30 น. ถึงแล้วเขาชนไก่ที่หลายๆคนอยากมาจนตัวสั่น เมื่อลงมาจากรถบัสเราก็จะต้องหยิบเป้และเข้าแถวรวมแบบมั่วๆไปก่อน ณ จุดที่เรียกว่า จุดรวมพล เพื่อที่จะทําการจัดกองและจัดหมวดจัดหมู่อีกครั้ง ตรงนี้ถ้าอยากอยู่หมวดเดียวกับเพื่อนให้ลุกไปใกล้ๆกันจะได้ไม่โดนตัดแถวไปขึ้นหมวดใหม่
ปกติแล้วจะใช้เวลาในการจัดหมวดอะไรไม่นาน แต่ดูเหมือนว่ากองร้อยผมจะมีคนแอบแฝงเข้ามา *คนแอบแฝงคือคนที่ไม่มีคุณสมบัติที่จะมาฝึกภาคสนามได้ เนื่องจากอาจจะสอบตกหรือเวลาเรียนไม่ครบ* ทีนี้ก็ว้าวุ่นหาตัว impostor กันสนุกเลย สุดท้าย impostor ก็โดนจับและส่งตัวกลับไป
เมื่อจัดหมวดเสร็จสิ้น เขาจะทําการแจกถาดอาหารสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่ได้มีจิตวิญญาณและเศษคราบอาหารของรุ่นก่อนๆไหลเวียนอยู่ทั่วถาด เมื่อสัมผัสก็จะรู้ได้ทันทีถึงความเอาใจใส่ดูแลเป็นอย่างดี ก่อนจะไปรับอาหาร ผมจึงใช้ทิชชู่เปียกเช็ดให้สะอาดที่สุดเท่าที่ทิชชู่เปียกจะทําได้ เพราะคงจะหดหู่สุดๆถ้าเราฝึกๆอยู่แล้วเกิดขี้แตกขึ้นมา
หลังรับประทานอาหารอย่างระมัดระวังไม่ให้สิ่งไม่พึงประสงค์เข้าปากไปด้วย ผมก็ได้ไปทําความสะอาดตามแบบฉบับเขาชนไก่ซึ่งมีวิธีดังนี้
- 1.เทเศษอาหารทิ้ง
- 2.นําไปจุ่มนํ้าเปล่าในกะลามังรวม ตรงนี้ถ้าใครเทเศษอาหารจากขั้นตอนที่ 1 ไม่ดีจะพบเห็นเศษซากลอยและจมอยู่ทั่วไป
- 3.นําไปล้างด้วยนํ้ายาล้างจานที่กะลามังรวม ตรงนี้ถ้าไปแย่งฟองนํ้าไม่ทันก็ต้องยืนรอจนกว่าคนก่อนหน้าจะใช้เสร็จ
- 4.นําไปจุ่มล้างนํ้ายาล้างจานออก
- 5.จุ่มนํ้าร้อนเพื่อล้างคราบมัน อย่าทําถาดหล่นจมไปในถังเด็ดขาด นํ้าร้อนจริง
เสร็จจากการล้างถาด ครูฝึกก็จะพาเราไปยังสถานีฝึก ซึ่งผมได้ไปสถานีเกี่ยวกับการทํา cpr และช่วยคนอาหารติดหลอดลมเป็นสถานีแรก เริ่มแรกก็จะเป็นการเช็คยอด
จํานวนคน โดยจะให้นับเลขต่อๆกันไปจนครบคน
เนื้อหาในสถานีนี้เราจะได้เรียนรู้วิธี cpr และปฏิบัติจริงกับหุ่น
ซึ่งการช่วยคนที่มีอาหารติดหลอดลมก็เช่นกัน โดยรวมแล้วมีประโยชน์และเอาไปใช้ในชีวิตจริงได้มากที่สุด
เมื่อเสร็จสิ้นแล้วก็จะเป็นการกลับมายังที่รวมพลอีกครั้ง เพื่อเลือกที่พักแรมระดับห้าดาว เต็นท์แต่ละเต็นท์จะถูกจัดเป็นคู่ๆ ติดกัน เรียงแถวไปเรื่อยๆ สภาพภายนอกขอบอกว่าดูดีไม่เลวเลย แต่ข้างในเปิดไปก็ต้องลุ้นกันหน่อยว่าจะเจอฝุ่นหรือสิ่งอะไรที่รุ่นก่อนๆฝากฝังให้ดูแลต่อไปไหม เต็นท์ส่วนใหญ่จะเจอปัญหาซิปแตกรูดไม่ได้ เต็นท์ผมก็เช่นกันแต่ยังดีที่ส่วนของซิปที่แตกเป็นส่วนปิดผ้าทึบ (ตัวเต็นท์มีผ้าปิดแบบทึบแล้วก็ปิดแบบที่เป็นตาข่าย)
ที่พักระดับห้าดาว
อ้อ ผมลืมบอกไป ก่อนเข้าเต็นท์ก็จะมีตรวจกระเป๋าว่าได้นําอะไรไม่ดีมาหรือเปล่า (ส่วนใหญ่โรงเรียนที่มีชื่อด้านไม่ดีเยอะจะโดนตรวจเข้มมาก)
ผมได้เต็นท์ข้างหลังนับจากจุดรวมพลห่างจากเต็นท์ของเพื่อนผมไปไม่มากนัก ไม่รอช้าผมหยิบผ้าใบมาปูทับเพื่อกันฝุ่นและจัดแจงบริเวณโซนต่างๆ เช่นโซนนอน โซนเสื้อผ้าเน่า
โซนถุงขยะ จัดได้นิดหน่อยเขาก็จะเรียกออกมาเพื่อชี้แจงเงื่อนไขอะไรทั่วไป จากนั้นก็จะปล่อยไปอาบน้ำกินข้าว 1 ชม.
ผมประเมินสภาพเนื้อตัวของผมและก็ตัดสินใจที่จะไม่อาบนํ้าในวันแรก แต่จะใช้ทิชชู่เปียกแทน (ผมได้ยินข่าวมาว่า
อาบนํ้าวันแรกเป็นอะไรที่วุ่นวายมากมีทั้งโดนทําโทษเอย มีทั้งการปรากฏตัวของชีเปลือยเอย แหม ผมละอยากไปเห็นกับตา) ผมกลับเข้าเต็นท์ไปจัดของจนเสร็จ พอครบ 1 ชม.ก็ได้กลับมารวมอีกครั้ง
เรียกรวมครั้งนี้เป็นการชี้แจงเกี่ยวกับเวณเฝ้าตอนกลางคืนโดยจะสุ่มเอา ใครโดนสุ่มก็ซวยไป ซึ่งจะเรียกไปประมาณ 20 คนได้ ในคืนแรกผมรอดตัวไปได้กลับไปนอนที่พักแรมห้าดาวอย่างสงบ
ผมกลับมานอนข้างในเต็นท์และก็ได้ค้นพบความอนาถา 2 อย่างคือ 1.ผมต้องนอนแทยงมุมเพื่อให้มีที่พอ หรือไม่ก็นอนขดแบบกุ้ง
2.ตรงหัวที่ผมนอนพอดีมีหลุมอะไรไม่รู้บุ๋มลงไป ผมต้องซ้อนเสื้อผ้าที่มีสุมให้มากที่สุดพอที่จะรองคอได้
ผมบอกเลยว่าประสบการณ์แบบนี้มีเงินก็ซื้อไม่ได้จริงๆ
ในตอนแรกที่นอนนั้นมันยากมากที่ผมจะทําใจหลับลงด้วยความคิดถึงบ้านและเสียงกล่อมนอนของคนในเต็นท์สักหลังที่ขับกล่อมเสียงร้องของหมี แต่แล้วด้วยความเหนื่อยล้าประมาณ 22.30 ผมก็สลบไปอย่างไม่รู้ตัว
จบวันที่ 1 อย่างราบลื่น
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
