ฉากการเผาเรือดำเนินต่อไปในบรรยากาศของการสู้รบในสงครามที่มีชื่อเสียง คือ ศึกผาแดง (แสงเพลิงที่้เผาเรือรบฝ่ายโจโฉ ไปกระทบกับหน้าผาจนเกิดสีแดงฉาน)
โจโฉ แตกทัพเรือ จนต้องถอนกำลังกลับขึ้นไปทางเหนือ
.. ภาพของเหล่านักรบของกวนอูที่ถอยออกมา แสดงการควงคบเพลิง ในขณะที่เสียงกลองศึกรัวเร็วๆสร้างบรรยากาศนั้น น่าประทับใจ
.. กวนอู ซึ่งเป็นแม่ทัพควบม้าออกไปทางด้านหนึ่งของเวที พร้อมเหล่านักรบของเขา
หลังศึกผาแดง.. เล่าปี่และซุนกวง ส่งกองทัพเข้าแย่งชิงจังหวัดต่างๆในเขตเกงจิ๋วกันตามใจชอบ
.. ภาพของ กวนอู บนหลังม้าเซ็กเทา ที่ควบอย่างเร็วกลับผ่านเข้ามาในสายตาผู้ชม (แสดงถึงการเดินทางบนหลังม้าที่ยาวนาน)
รูปปั้นของ ขงเบ้ง ขนาดใหญ่ยักษ์ที่เคลื่อนไหวได้อย่างสมบูรณ์ ถูกฉายลงบนเสา
.. ขงเบ้ง กล่าวอะไรบางอย่าง แล้วกวนอูก็ขี่ม้าจากไป
*** โจโฉพ่ายแพ้ในศึกที่เซ็กเพ็ก หรือศึกผาแดงแล้ว โจโฉหนีไปทางตำบลฮัวหยง กลับเจอฝน เส้นทางเป็นหล่มเลน เดินไม่สะดวก ต้องบุกฝ่าไปอย่างแสนวิบากจึงผ่านไปได้ โจโฉดีใจที่ไม่มีทัพศัตรูมาสกัด
.. แต่ยังไม่ทันไร กองทัพโจโฉก็ต้องพบกับกองทหาร 500 นาย ที่มีอาวุธครบมือออกมาสกัด แต่ที่น่ากลัวคือ ผู้นำทัพถือง้าวมังกรเขียว ขี่ม้าเซ็กเทา ที่ชื่อกวนอู ตั้งสกัดขวางอยู่
กองทัพโจโฉเห็นแล้วก็ขวัญกระเจิง โจโฉก็ใจดีสู้เสือลงจากหลังม้าเข้าไปทักทายกวนอู และขอร้องให้เปิดทางให้แก่ตน
ฉากนี้กวนอูแมนมากสมเป็นกวนอู เมื่อโจโฉขอให้เปิดทาง กวนอูหวนคิดถึงบุญคุณของโจโฉในอดีต กับเรื่องที่ตนรบฝ่าด่านเพื่อมาพบเล่าปี่ ครั้งนั้นฆ่านายด่านฝ่ายโจโฉไป 5 คน แล้วก็เกิดความละอาย จึงปล่อยโจโฉและทหารทั้งหมดให้หนีไป
การที่กวนอู “ปล่อยโจโฉด้วยคุณธรรม” กลายเป็นตัวอย่างอันเป็นแบบฉบับเรื่องคุณธรรมความซื่อสัตย์ของกวนอู ที่กวนอูได้รับยกย่องในประวัติศาสตร์จนกลายเป็นเทพเจ้า ทั้งได้รับการเทิดทูนเป็นเทพประจำอาชีพต่างๆ สารพัดในหมู่ประชาชน ก็เพราะ “คุณธรรม”
.. อีกมุมมองทางด้านประวัติศาสตร์ อ่านต่อได้ที่ :